ปี 2017 กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่วัน ปีนี้เราพาไปเที่ยว พาไปนั่ง พาไปชิลร้านอาหารและคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดในปีนี้กันแน่นจนแทบไม่ได้พัก และชาว Soimilk ก็มีหลายร้านที่ชอบเอามาก ๆ จนอยากแวะมาบอกว่าร้านเหล่านี้แหละที่เราติดใจจริงจัง ว่าแต่จะมีร้านไหนบ้าง และร้านเหล่านี้เป็นร้านเดียวกับที่เพื่อน ๆ ชอบหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องมาลุ้นกันนะ
Piangploy
Rujiyatorn Choksiriwan (Senior Staff Writer)
Batt Tempura
ถ้าเอาความจริงคือต้องยอมรับว่าบ้านเราไม่ใช่ญี่ปุ่น เราเลยแทบจะไม่ได้เห็นร้านไหนในกรุงเทพ ฯ ที่เป็นตัวจริงเรื่องเทมปุระเลย (นอกจากตามแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นต่าง ๆ ซึ่งไม่อร่อย) เพราะฉะนั้นร้านเทมปุระไซซ์มินิแบบนั่งได้แค่ 3 โต๊ะนี้ เลยกลายเป็นที่หนึ่งในดวงใจเราไปเลยแบบไม่ต้องสงสัย แถมเรายังให้คะแนนเพิ่มจากการตกแต่งร้านด้วยไฟนีออนฮิปสเตอร์และไอเท็ม Supreme ต่าง ๆ นา ๆ
ที่ชอบมากคือความกรอบกรุบของแป้งเทมปุระที่พี่โมและแชมป์ (ผู้เป็นทั้งเชฟ เจ้าของร้าน และเด็กเสิร์ฟ) การันตีกับเราว่าพัฒนากันมานานมาก กว่าจะกรอบได้ขนาดนี้ ยิ่งตัววัตถุดิบอาหารทะเลที่เอามาทำคือสดจริง ไม่ได้เว่อร์ ขนาดไข่ออนเซ็นที่เอาทอดเป็นเทมปุระยังอร่อยจนแทบร้องขอชีวิต น้ำซอสยิ่งพีคไปอีก เขียนแล้วก็อยากกินเลยเนี่ย !
Batt Tempura 77 ซ. เอกมัย 21 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)14:00-23:00 น. BTS เอกมัย
Chata Specialty Coffee
เชื่อว่าร้านนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสายคาเฟ่ฮ็อปเปอร์ทุกคน มีความเก๋ตั้งแต่การออกแบบ ที่ใช้เรือนกระจกมาครอบกำแพงวัดสัมพันธวงศ์ไว้ แสงธรรมชาติดีงามมาก ถ่ายรูปออกมานึกว่าอยู่ใน Kinfolk
ความพีคอีกอย่างนึงคือร้านนี้ได้พี่เต้ย-นพดล จันทรานภาภรณ์ บาริสต้ามือฉมังมาดูแลในส่วนของกาแฟที่คัดมาเฉพาะสำหรับสาย Specialty มีเฮ้าส์เบลนด์เป็นเมล็ดจากไทย อินโดฯ บราซิล และลาว ซึ่งซิกเนเจอร์อย่าง Colapresso (140 บาท) ก็เป็นแก้วที่เราชอบมากไม่แพ้ดริปจากฝั่งสโลว์บาร์ของที่นี่เลย
CHATA Specialty Coffee 98 ถ.พาดสาย สัมพันธวงศ์
เวลาทำการ อังคาร-ศุกร์ 8:00-15:00 น. และเสาร์-อาทิตย์ 8:00-16:00 น. โทร. 096-154-5049
Nhan
Theerada Moonsiri (Staff Writer)
El Tapeo
ร้านอาหารสเปนที่สเป๊น สเปนทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เจ้าของร้าน เชฟ ยันอาหารและเครื่องดื่มที่ลองแล้วแอบเลียริมฝีปาก และคิดว่า เห้ย! นี่แหละเหมือนกับกินที่สเปนเลย เมนูที่ชอบที่สุดคือ Chorizo a la sidra จิ้มกินแกล้มกับ Sangria ได้เรื่อย ๆ แบบไม่เบื่อ บรรยากาศโดยรวมชิลมาก ไปกินจุบ ๆ จิบ ๆ ได้แบบไม่ต้องเขินเลย
El Tapeo, 159/10 ระหว่างซอยทองหล่อ 7 และ 9 (ตรงข้าม Eight Thonglor) สุขุมวิท 55 โทร. 02-052-0656 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 11:30-23:00 น. (ศุกร์-เสาร์ ปิด 01:00 น.) BTS ทองหล่อ
La Dotta
ด้วยความที่เป็นคนชอบกินพาสต้ามากมายก่ายกองอยู่แล้ว ที่นี่เลยเป็นเหมือนสวรรค์ที่มีเส้นให้เลือกเพียบ เพียบ เพียบ เราชอบนั่งหน้าเคาน์เตอร์ให้ควันร้อนอุ่น ๆ มาเลียหน้าตอนกิน นอกจากพาสต้าจะบ้าดีเดือดแล้ว ค็อกเทลยังดีงามมาก! จำได้ว่ากินพาสต้าจานเดียว แต่สั่งค็อกเทล 4 แก้วไปเลย! สดชื่นไปถึงวันพรุ่งนี้ไปอีก ที่สำคัญคือมีมื้อเที่ยงราคาเป็นมิตร ได้ทั้งพาสต้า เครื่องดื่ม และขนมกรุบปิดท้าย คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้วเท๊ออออ
La Dotta 161/6 ซอยทองหล่อ 9 ถนนสุขุมวิท ซอย 55 (ซอยทองหล่อ) เปิดอังคาร-อาทิตย์ 11.30-14.30 น. และ 17:30 - 23:00 น. โทร 02-392-8688
Nath Suppavatee
นัท ศุภวาที (Soimilk Editor)
Ong Tong Khao-Soi
สำหรับสายอาหารเหนืออย่างเรา (ที่แม้จะไม่ได้เกิดที่เหนือ แล้วก็อู้คำเมืองไม่เป็นเลยสักคำ) แต่ชอบกินอาหารเหนือมาก ๆ เอาจริงในกรุงเทพฯ ก็มีอยู่แค่ไม่กี่ร้านที่ทำอาหารเหนืออร่อย ให้ความรู้สึกเหมือนบินขึ้นไปกินบนเชียงใหม่เชียงราย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังถูกปากชาวกรุงด้วย แต่เมื่อร้าน “อองตอง ข้าวซอย” มาเปิด แถมยังเปิดในย่านอารีย์ที่ไม่เคยมีร้านอาหารเหนือมาก่อนอีกด้วย นี่ยิ่งทำให้ตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ และเมื่อได้ลองไปชิมด้วยตัวเองก็ต้องวาดดาวตัวใหญ่ ๆ เอาไว้ให้ร้านนี้ว่า โอเค ถ้าเมื่อไหร่ที่อยากกินอาหารเหนือ ต้องไปที่อองตองนี่แหละ !
ถึงขนาดตั้งชื่อร้านว่าอองตองข้าวซอย ถ้ามาถึงแล้วไม่สั่งข้าวซอยมากินจะถือเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเลยควรสั่งข้าวซอยไก่ (69 บาท) ความดีงามคือน่องไก่ไซส์ใหญ่จัดเต็ม น้ำซุปข้าวซอยเน้นกะทิรสจัด เข้มข้น หอมสมุนไพร ส่วนใครที่เบื่อข้าวซอยแบบปกติ เราอยากแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่คือข้าวซอยคั่วแห้งเนื้อน่องลาย (109 บาท) นอกจากให้คะแนนความเผ็ดทะลุเพดาน ยังต้องให้คะแนนความนัวของการเอาเส้นข้าวซอยไปผัดกับไข่และเครื่องแกง แถมหอมกลิ่นเผากระทะจนคนที่มาด้วยกันต้องเดินไปสั่งเบิ้ลอีกจาน ส่วนเมนูที่เราไม่อยากให้พลาดเด็ดขาดคือ ปูอ่อง (79 บาท) แรร์ไอเท็มที่คนเหนือแท้ ๆ ยังหากินยาก ใช้มันปูนามาย่างจนหอม จิ้มกินกับข้าวเหนียวจะเวิร์กที่สุด ปิดท้ายด้วยเมนูบ้าน ๆ แต่รสชาติฟินลืม คือหมูทอดและน้ำพริกหนุ่ม (79 บาท) จัดเหนือมาเต็มจนได้ฟีลกินบนตีนดอยขนาดนี้ เลยขอยกให้อองตองเป็นร้านอาหารที่เราชอบของปีนี้ไปเลยยย
Ong Tong Khao Soi 21 ซ.อารีย์ 1 ถ.พหลโยธิน เวลาทำการ ทุกวัน 10:30-21:00 น. BTS อารีย์
ข้าวฟ่าง
พีรญา ศิรธนิศา (Deputy Art Director)
Teppen
อยู่สาทรกินอะไรดี? Teppen จะเป็นคำตอบของเราทุกครั้ง ความดีงามอยู่ที่เบียร์สดราคาย่อมเยาว์และอาหารญี่ปุ่นแบบกินง่าย ๆ แบบ Izakaya ไฮไลท์ของทางร้านจะเป็นการเล่นกับไฟ (ตอนเห็นครั้งแรกนึกว่าไฟไหม้ร้าน) ที่ชอบสุดก็คือเพลงในร้าน ที่จะเป็นเพลงสกาญี่ปุ่น กิน ๆ อยู่ก็อดจะโยกหัวตามไม่ได้ และความญี่ปุ๊นญี่ปุ่นที่สุดของร้านนี้ก็คือก่อนกลับพนักงานจะมีการชูป้ายขอบคุณลูกค้าทุกครั้ง พร้อมโค้งคำนับอาริกาโตะกันแบบเจแปนสไตล์ ทำให้เราได้รอยยิ้มกลับบ้านไปทุกครั้งเลย
Teppen 48 ซ.สาทร 8 บางรัก เปิดทุกวัน 18.00 - 00.00 น. โทร. 0-2237-2537
Pocky
พีรพิชญ์ ฉั่วสมบูรณ์ (Temporary Staff Writer)
Menya Itto
ร้านราเมนสายแมสที่หลายคนเห็นแล้วอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่ามันคือเดอะเบสต์ของเราในปีนี้จริงๆ ‘ราเมนอันดับหนึ่งของโตเกียวจากเว็บ Tabelog กับสาขาแรกในเมืองไทย’ คุณสมบัติเพียงเท่านี้ก็ทำให้สายราเมนอย่างเราต้องรีบไปต่อคิวตั้งแต่วันแรกๆ ที่เปิดร้านเพื่อพิสูจน์ความเป็นเดอะเบสต์
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เพียงแค่ใช้สายตาเราก็เห็นได้ทันทีว่าสึเคเมนเจ้านี้มีความไม่ธรรมดาจากวัตถุดิบต่างๆ ที่อยู่ในชาม และเพียงแค่กินเข้าไปคำแรกเราก็พบว่าสิ่งที่ผู้คนร่ำลือกันนั้นไม่ใช่เรื่องเกินเลย ความเข้มข้นและหอมหวานสุดชัดเจนของซุปที่เคี่ยวจากไก่และอาหารทะเล เมื่อนำมาผสานกับความหนึบและกรุบของเส้นที่ออกแบบมาให้หนาเป็นพิเศษ ความอร่อยแบบสายรุ้งพุ่งออกจากปากก็บังเกิดขึ้นทันที และเมื่อรวมกับเครื่องเคียงต่างๆ ที่ถูกปรุงมาอย่างพิถีพิถัน ก็ทำให้ราเมนชามนี้กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของปีไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ชั้น LG ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค๊อก ถ. เพลินจิต แยกราชประสงค์ BTS ชิดลม
เปิดทุกวัน 10:00-14:00 น. และ 18:00-22:00 น. โทร. 02-250-7669
Lmo
ศรัลยา เหล่าตระกูล (Video Designer)
Coffeelism
เงินเดือนส่วนนึงของเราคงอยู่ที่ร้านนี้ เป็นร้านแนว coffee stand จิ๋วที่เพิ่งเปิดใหม่หลังออฟฟิศ ที่คุณภาพไม่จิ๋วตามขนาดร้าน เวลาถ่ายรูปหน้าร้านแล้ว crop ป้ายถ่ายเอกสารของร้านข้าง ๆ ออกไปจะเหมือนอยู่โตเกียวมาก ๆ ฮ่า สำหรับคนไม่กินกาแฟ (เช่นเรา) ก็มีเมนูให้เสพย์ติดคือ Brown Chocolate หวานมันเข้มข้น หรือถ้ากลัวอ้วนแล้วก็หันมากิน Dark Chocolate ก็ได้ แต่สำหรับคอกาแฟคงถูกใจกับกาแฟ house blend ของทางร้านที่หอมสุด ๆ นอกจากนี้ช่วงหลังยังมีเมนูสีมิ้นท์สุดฮอตมาเพิ่มด้วย แนะนำให้ไปก่อนเที่ยงจะได้ซื้อแบบชิว ๆ ที่สุดจ้า
Coffeelism Stand แขวง สีลม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 เปิดทุกวันเว้นวันอาทิตย์ 7.00-15.00 น.
Puff
Narabhutr Thaemsiri (Junior Marketing Executive)
Invisible Coffee Room
ถ้านึกถึงคาเฟ่ ที่ให้ความรู้สึกสงบๆ มินิมอลหน่อยๆ ท่ามกลางความจอแจของคนเมือง ใจกลางย่านอโศก ที่นี่ก็เป็นอีกร้านนึงที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลิ้มลองกัน กาแฟแก้วนี้อาจจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อมันถูกถ่ายทอดด้วยมุมมองที่ละเอียดอ่อนผ่านสายตาและความรู้สึกของ Designer เรียกได้ว่าตั้งแต่บรรยากาศของ space ตลอดจนเมล็ดกาแฟที่พี่เจ้าของร้านได้เลือกมาเลย ความน่าสนใจคือการผสมผสาน combinationต่างๆเข้าด้วยกันตั้งแต่เมล็ดกาแฟจากหลายๆโรงคั่ว ถ่ายทอดออกมาเป็นเมนูเฉพาะของทางร้าน ใครจะไปคิดว่า เฮ้ย น้ำแดงกะกาแฟพอมาอยู่ด้วยกัน ก็มีความเข้ากันดีอยู่นะเออ นับว่าเป็นจุดที่มีเสน่ห์มากทีเดียว สิ่งที่สำคัญเวลาไปแล้วไม่อยากให้ทุกคนพลาด ก็คือ เค้กเเครอทเชียว เราว่าเป็นอีกร้านที่ทำได้ดี
Invisible Coffee Room 25/8 ซ.สุขุมวิท 16 เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 08:00-17:00น. และเสาร์-อาทิตย์ 10:00-17:00น. BTS อโศก
Mantou
วทันยา บงกชกาญจน์ (Art Director)
PATOM
ร้านกาแฟออร์แกนิค ในห้องกระจกท่ามกลางต้นไม้สีเขียว เป็นร้านกาแฟที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้ไปดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มภายในร้านจะถูกเสิร์ฟใส่แก้ว พร้อมหลอดดูดก้านกล้วย เพิ่มกิมมิคให้กับร้าน อาหารภายในร้านจะมีอาหารชุดที่จัดใส่ลงในปิ่นโตให้เราได้เลือกกันหลายเมนู นอกจากนั้นในตู้เย็นก็ยังมีอาหารออร์แกนิคให้เราเลือกอีกมากมาย จะซื้อกลับไปกินที่บ้านหรือถ้าอยากกินที่ร้าน ก็ถือไปให้ทางร้านอุ่นให้เลยก็ได้ ถ้าไปถึงแล้วโต๊ะในร้านเต็ม เราก็สามารถยกอาหารออกไปกินที่สวนด้านนอกได้ด้วย ร้านนี้เลยกลายเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนเมืองอย่างเรา ที่จะได้นั่งจิบกาแฟ กินข้าวท่ามกลางบรรยากาศต้นไม้สดชื่นนนนนน :)))
นอกจากบรรยากาศร้านที่สวยงาม อาหารอร่อยแล้ว เราอยากให้ทุกคนได้ลองผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขายอยู่ภายในร้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นยาดม ยาสระผม สบู่ ที่เรามักจะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้งที่ไป
9/2 สุขุมวิท 49/6 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 09.30-19.00 น. โทร. 098-259-7514 BTS ทองหล่อ
May
Wirankan Saiyasombut (Designer)
House of Bak kut teh
ร้านบะกุ๊ดเต๋ ที่ตกแต่งเรียบง่าย สะอาดตา คล้ายกับอยู่สิงคโปร์ แล้วเจ้าของเค้าก็ยังมาจากเมืองสิงโตนี้จริง ๆ ของเด็ดร้านนี้ไม่ใช่อะไรอื่นใดบะกุ๊ดเต๋นี่แหละ กระดูกชิ้นใหญ่ ๆ น้ำซุปแบบใสที่มีความเผ็ดร้อนชื่นใจของพริกไทหนักๆ ซดทีนึงคือสมองโล่งงงงไปเลย เนื้อหมูร่อนจากกระดูกโดยไม่ต้องแทะ ที่สำคัญมากในหนึ่งระดับคือร้านเปิดจนถึงเที่ยงคืน จะมีของกินใดช่วยเยียวยาคนแฮงค์อย่างเราได้ดีเท่าซุปบักกุ๊ดเต๋ร้านนี้ ไป!! ไปจ่ะ ไปกิน
House of Bak Kut Teh 49 ซ.สุขุมวิท 51 ถ.สุขุมวิท เวลาทำการ อังคาร 17:00-00:00 น. พุธ-อาทิตย์ 11:30-00:00 น. (ปิดวันจันทร์)
โทร. 064-310-3755 BTS ทองหล่อ
Neon
Neon Boonyadhammakul (Junior Writer, BK Magazine)
FooJohn Building
จริงๆปีนี้รู้สึกว่ามีร้านเก๋ ๆ เปิดใหม่กันเยอะอยู่นะ แต่ในส่วนตัวที่เลือกเป็น Favourite เลยก็คงเป็น FooJohn Building ในย่านเจริญกรุง เพราะว่าชอบการตกแต่งแนวคลาสสิควินเทจยุค 80’s และไปที่เดียวแล้วได้ทานของชอบหลายอย่าง เนื่องจากตึกนี้มีถึงสองร้านอาหารและหนึ่งโซนค็อกเทลด้วยกัน ชั้นล่างเป็นของ FoudeJoie (อ่านว่า ฟูชัวร์) ซึ่งก็จะเสิร์ฟพวกอาหารยุโรปฟิวชั่น เมนูที่เราชอบที่สุดก็จะเป็นเมนูเรียบง่ายแบบ cold cuts เพราะแฮมที่นี่ไม่เค็ม หรือจืดเกินไปสำหรับเรา อาหารอีกจานที่เราชอบมากถึงมากที่สุดก็คือซี่โครงบาร์บีคิวจากร้านที่อยู่ชั้นดาดฟ้า SpareParts ซึ่งเราประทับใจในความนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อที่กัดคำเดียวก็พร้อมจะหลุดจากกระดูกแล้วเข้าปากเราอย่างง่ายดาย ไม่ต้องเปลืองพลังงานการแทะเยอะ และซอสที่ทางร้านหมักมาก็ค่อนข้างกลมกล่อมโดยไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มอยู่แล้วด้วย
นอกจากนี้สิ่งที่เราชอบอีกอย่างของตึกนี้ก็คือบรรยากาศสุดชิวแบบมีกลิ่นอายความคลาสสิคจากทั้งการตกแต่งและเพลงบรรเลงที่ทางร้านFoudeJoieเปิดไว้ในโซนของยังมีบาร์คอคเท็ลบนชั้น 2 ถือว่าเป็นการจบค่ำคืนหลังวันทำงานที่แสนสาหัสได้แบบดีงาม กระดกดริ้งค์สวย ๆบรรเทาความเครียดไปพลางๆ
ตึก FooJohn ซ.เจริญกรุง 31 เวลาทำการ พุธ-อาทิตย์ 18:00-00:00น. โทร 095-060-6286 www.fb.com/foojohnbkk
Koh
Kasidit Srivilai (Staff Writer, BK Magazine)
Bar Storia Del Caffe
ช่วงเปิดแรกๆที่ร้านคนจะเยอะเสียงดังจนอรรถรสการกินพังลงไป แต่ตอนนี้กระแสเริ่มจางลงทำให้ร้านนี้คนน้อยลงและน่านั่งมากขึ้น ด้วยรายละเอียดการตกแต่งที่ให้กลิ่นอายแบบเรโทรคาเฟ่ในมิลาน(แต่ไม่เก่าขนาดนั้นเพราะวัสดุดูใหม่กิ๊งหมด) สีหลักของร้านที่ออกเขียวตุ่นๆก็เป็นสีที่เรากำลังอิน บวกกับอาหาร all-day dining แบบง่ายๆที่สั่งอะไรมาก็ไม่เคยผิดหวัง Steak and egg ก็ดีมากทั้งเนื้อ มะเขือเทศ และมันฝรั่ง หรือไม่ก็ Marinated salmon salad ที่ร้านเขาหมักปลาเอง ส่วนของหวานที่อร่อยจนตากลับก็คือ Pancake ที่เสริฟพร้อมกับ caramelized banana มีแค่จานเดียวที่ไม่แนะนำให้สั่งคือเฟรนช์โทสต์ที่รสชาติธรรมดาเกินไปเมื่อเทียบกับราคา
ส่วนเครื่องดื่ม กาแฟที่นี่ดีงามอยู่แล้วและราคาสูงพอควร ถ้าเป็นสายแอลกอฮอล์เราแนะนำให้สั่งไวน์เป็นแก้วมาเลยจะดีกว่าเพราะราคาไม่แรง บวกมาจากกาแฟแค่ไม่กี่สิบบาทเอง จิบไวน์ที่นี่ได้ตั้งแต่เช้าไปเลย กาฟงกาแฟไม่ต้องจิบแล้วจ้ะ
Bar Storis Del Caffe ซอย พหลโยธิน 7 - ซอย อารีย์ 4 ฝั่งเหนือ สามเสนใน BTS อารีย์
เปิดทุกวัน 9.00 - 23.00 น.
