UNFINISHED Coffee Roaster โปรเจกต์การทดลองกาแฟที่ตั้งใจพัฒนาพื้นที่จิบกาแฟให้ดีขึ้นไปแบบไม่มีวันจบ

 

 

UNFINISHED Coffee Roaster คือชื่อของพื้นที่จิบกาแฟน้องใหม่ล่าสุดของย่านลาดพร้าววังหิน โดยสิ่งที่ดึงดูดให้เราเดินทางเข้าไปยังฝั่งที่อยู่อาศัยของย่านลาดพร้าวแห่งนี้ก็ไล่ไปตั้งแต่ชื่อสุดแสนสะดุดหู และรูปแบบการตกแต่งร้านทั้งภายนอกและภายในที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว บ่งบอกถึงการเป็นแลนด์มาร์กหลักเรื่องกาแฟ และการเป็นพื้นที่เสิร์ฟ Coffee Culture ตัวจริงในพื้นที่ย่านนี้

 

 

ชื่อของ UNFINISHED Coffee Roaster บ่งบอกถึงความตั้งใจของกลุ่มเพื่อนที่มารวมตัวกันเปิดพื้นที่ Coffee Culture แห่งนี้ด้วยความรักความหลงใหลในกาแฟ และด้วยความที่แต่ละคนล้วนเป็นมือใหม่ในสังเวียนกาแฟ การได้มาร่วมกันศึกษาและสำรวจภูมิทัศน์เรื่องกาแฟตั้งแต่เมล็ดยันการครีเอตเมนูกาแฟในแบบของตัวเอง จึงเปรียบเสมือนการได้มารวมกลุ่มกันทำโปรเจกต์บางอย่างที่ไม่มีวันเดดไลน์ส่งงาน และไม่มีวันจบลงง่าย ๆ เพราะทุกคนต่างสนุกกับการสำรวจและศาสตร์แห่งกาแฟที่มีเรื่องใหม่ ๆ ให้เรียนรู้ทุกวัน ‘UNFINISHED’ จึงเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงความตั้งใจในการรังสรรค์พื้นที่แห่งนี้ที่จะไม่หยุดพัฒนาและเรียนรู้

 

 

ความ ‘UNFINISHED’ ไม่เพียงสะท้อนอยู่ในแนวคิดของผู้ก่อตั้งร้าน แต่ยังแอบแฝงอยู่ในบรรยากาศและการออกแบบตัวร้าน เริ่มจากจุดสังเกตที่เป็นเสาคอนกรีตเปลือยซึ่งตั้งอยู่หน้าร้าน เรื่อยมาถึงการตกแต่งมุมที่นั่งด้วยหินกับก้อนคอนกรีต ไปจนถึงโต๊ะสเตนเลสกลิ่นอายสไตล์อินดัสเทรียล ทั้งหมดนี้เพื่อสะท้อนปรัชญา ‘การพัฒนาที่ไม่มีวันจบ’ ของพื้นที่กาแฟแห่งนี้ และเพื่อเชื้อเชิญให้ผู้สนใจและรักในบรรยากาศการดื่มกาแฟได้เข้ามาสร้าง ‘บทสนทนา’ ที่ไม่รู้จบในพื้นที่แห่งนี้เช่นกัน 

 

นอกจากนี้ความ ‘UNFINISHED’ ยังสอดคล้องกับปรัชญาญี่ปุ่นอย่าง Wabi Sabi ที่มุ่งแสวงหาความงดงามในความเรียบง่ายและความไม่สมบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของผู้ก่อตั้งร้านที่มองว่าที่แห่งนี้คือโปรเจกต์ที่ไม่มีวันจบสมบูรณ์ แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างการค้นหาเพื่อพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วันนั้นก็เป็นประสบการณ์ที่งดงามที่อยากแชร์ให้ผู้ที่ก้าวเข้ามาที่นี่ได้มาสำรวจร่วมกัน

 

 

ในส่วนของเมนูที่เสิร์ฟที่ UNFINISHED Coffee Roaster จะเป็นการชวนให้คนรักกาแฟได้มาร่วมเส้นทางการสำรวจเรื่องราวของกาแฟอันหลากหลายมากมายไม่มีวันจบเช่นกัน เมนูกาแฟที่นี่จึงมีให้เลือกในหลากหลายทาง ทั้งเมนูกาแฟคลาสสิกเน้นบอดี้สำหรับคนที่รักการดื่มด่ำรสชาติและเมล็ดกาแฟ เมนูซิกเนเจอร์ที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุของบาริสต้า ไปจนถึงเมนูน็อนคาเฟอีนและขนมที่มีให้เลือกแบบละลานตา

 

 

เมนูแรกที่เราขอลองคือ Espresso Rozeru (150 บาท) ที่เป็นการผสมผสานระหว่างรสชาติเปรี้ยวอมหวานของน้ำกระเจี๊ยบแดงกับเอสเปรสโซช็อตเข้ม ๆ เติมเปรี้ยวด้วยมะนาวเล็กน้อย ก่อนนำไปเชกเย็นแบบไนโตร ทั้งหมดนี้เพื่อให้รสชาติเปรี้ยวนำของน้ำกระเจี๊ยบชูรสชาติและกลิ่นหอม ๆ ของเมล็ดกาแฟที่เบลนด์โดยทางร้าน เป็นแก้วที่คนรักกาแฟกลิ่นฟรุตตี้และคนที่อยากได้เครื่องดื่มเติมความสดชื่นในยามบ่ายห้ามพลาด

 

 

เมนูถัดมาคือ Dirty Mind (120 บาท) กาแฟเดอร์ตี้สุดฮิตเน้นความหอมมันและนุ่มละมุน แต่สิ่งที่ทำให้เดอร์ตี้แก้วนี้เป็นแก้วที่เรารักมาก ๆ ก็คือการที่ทางร้านเขาโรยขอบแก้วด้วยมะพร้าวขูด ทำให้แต่ละจิบจะได้สัมผัสกรุบกรอบและรสเค็มมันของมะพร้าวเข้าไปกลั้วลิ้น จิบแล้วอยากตะโกนดัง ๆ ว่า ‘แต่งค่ะ’!

 

 

ต่อกันที่ Sleepless Pannacotta (120 บาท) เมนูที่ดัดแปลงขนมให้กลายมาเป็นกาแฟเน้นความเข้ม คนไม่กินกาแฟหวานโปรดอย่าโดนหลอกด้วยหน้าตาภายนอกที่ดูเหมือนขนมหวานน่ากินของแก้วนี้ เพราะจิบไปแล้วยังได้รับกลิ่นหอมและบอดี้สุดแน่นของช็อตเอสเปรสโซที่ราดซึมลงมาในทุกเลเยอร์ 

 

 

 

นอกจากเมนูกาแฟและเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟเมนูขนมหวานหลากหลายแบบที่ไปยืนเลือกหน้าตู้แล้วอาจตาลายได้ โดยเมนูที่เราได้ชิมในวันนั้นนอกจากจะมี Carrot Cake (100 บาท) เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำที่โปะหน้าด้วยครีมหนา ๆ รสเปรี้ยวอมหวานกำลังดี ก็ยังมีอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่แสนซิมเพิล แต่ชิมแล้วแสงออกปากอย่าง Guest Banana (75 บาท) ซึ่งก็คือเมนูกล้วยแขกตรงตัวตามชื่อ แต่เห็นเป็นเมนูกล้วย ๆ อย่างนี้ แต่พลังทำลายล้างสูงมาก ในฐานะแฟนกล้วยแขกก็ขอยกให้ติดท็อปลิสต์กล้วยแขกอินมายฮาร์ตไปเลย โดยทางร้านได้ไปขอซื้อสูตรมาจากร้านกล้วยแขกชื่อดัง และยังใช้กล้วยส่งตรงจากสวนด้วยนะ

 

 

Soimilk Says: เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่ไม่ว่าไกลแค่ไหน เราก็อยากให้คนรักกาแฟที่รักไปถึงบรรยากาศในการจิบกาแฟ ต้องลองมาชิมกันให้ได้นะ สิ่งที่เราประทับใจเป็นพิเศษก็คือความตั้งใจและความพยายามที่จะถ่ายทอดแนวคิดของตัวเองไว้ในทุกทัชพอยนต์ของร้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสเปซ คอนเซปต์ และเมนู ถือว่าเป็นพื้นที่จิบกาแฟที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และทุกคนควรได้มาลองประสบการณ์จิบกาแฟที่นี่จริง ๆ