'มรีจิ' อาจเป็นคำที่ไม่คุ้นหู ได้ยินแล้วต้องขมวดคิ้ว แต่เมื่อเราได้รู้ความหมายของมันที่แปลว่า พยับแดด, แสงแดด ก็ทำให้คำที่ถูกใช้เป็นชื่อของห้องนั่งเล่นจิบกาแฟแห่งใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ใจกลางย่านสุขุมวิทแห่งนี้ เป็นคำที่มีความหมายและเห็นภาพชัดแจ้งในทันใด
Mareeji คือชื่อของพื้นที่จิบกาแฟแห่งใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์ใน ซ.นภาศัพท์ แห่งย่านสุขุมวิท ซึ่งเมื่อผลักประตูก้าวเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ เราก็รู้สึกว่า 'แสงแดด' ซึ่งเป็นความหมายของชื่อร้านนั้นเป็นคำอธิบายบรรยากาศแสนอบอุ่นภายในพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
การตกแต่งภายในพื้นที่ของ Mareeji เน้นการใช้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นห้องนั่งเล่นสุดอบอุ่นจากบ้านเก่ายุค Mid-century ชวนเราหลบหนีความวุ่นวายจอแจของย่านสุขุมวิทมาพักใจในห้องนั่งเล่นแสนละมุนใจ
และด้วยความที่ตัวร้านล้อมรอบด้วยกระจกและหน้าต่างบานใหญ่ แสงแดดอบอุ่นที่ส่องทะลุร่มไม้สีเขียวเข้ามาในร้าน จึงกลายเป็นเจ้าบ้านใจดีที่คอยต้อนรับทุกคนที่อยากเดินเข้ามาพักใจในห้องนั่งเล่นแห่งนี้
เมนูที่เสิร์ฟที่ Mareeji จะเน้นเป็นเมนูกาแฟดื่มง่ายที่คนที่ไม่ใช่สายกาแฟก็น่าจะจิบได้เพลิน ๆ ด้วยการนำศาสตร์มิกโซโลจิสต์หรือการปรุงค็อกเทลมาผสานเข้ากับกาแฟ เน้นผสมผสานกับผลไม้และสมุนไพรท้องถิ่นของไทยที่มีอยู่ติดตู้เย็นในทุกบ้าน ทำให้หลายเมนูของที่นี่เป็นเมนูที่น่าจะถูกปากทั้งสายกาแฟชอบลองของ และคนที่ไม่ชินกับรสขมของกาแฟ
อย่าง Anona (120 บาท) ที่ใช้ช็อตเอสเพรสโซ่เข้มข้นผสมกับสับปะรดหอมสุวรรณบดและตะไคร้บด เพื่อให้รสหวานอมเปรี้ยวเฉพาะตัวของสับปะรดและกลิ่นหอมของตะไคร้เจือจางรสขมของกาแฟ แต่ดึงรสหวานและกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟขึ้นมาให้เราได้ชื่นใจกัน
หรือจะเป็น Aileen (130 บาท) ม็อกเทลสูตรพิเศษของทางร้านที่เป็นเมนูเอาใจสายน็อนคาเฟอีนและน็อนแอลกอฮอล์ รสชาติออกเปรี้ยวหวานเรียกความสดชื่น โดยเป็นการผสมผสานกันระหว่างรสหวานของไซรัปดอกไม้และรสเปรี้ยวสดชื่นของส้มยูซุ แล้วเติมกิมมิกด้วยไข่ขาวที่เพิ่มความครีมมี่และทำให้รสชาติทั้งแก้วเข้ากันดี
นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟเมนูขนมโฮมเมดที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น Apple Crumble with Vanilla Sauce (80 บาท) พายแอปเปิลเนื้อชุ่มฉ่ำที่เสิร์ฟพร้อมกับซอสวานิลลาอุ่น ๆ หรือเมนูโปรดของใครหลานคนอย่าง New York Cheesecake Bar (80 บาท) ที่เป็นชีสเค้กเนื้อแน่นรสละมุนเสิร์ฟมาชิ้นโต ๆ
และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Pumpkin Spice Pie Bar (80 บาท) พายฟักทองรสเข้มข้นที่เขาชูเป็นเมนูขนมเด็ดของร้าน สั่งจับคู่กับเครื่องดื่มตัวไหนก็กลมกล่อม
Soimilk Says: นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว Mareeji ยังพลิกตัวเองเป็นบาร์ในยามค่ำ และในตอนเย็นก็เสิร์ฟเมนูอาหารใต้รสจัดจ้านในพื้นที่ไดนิ่งที่อยู่ติดกันด้วย แต่ที่เราหลงรักไปแล้วก็เห็นจะเป็นบรรยากาศแสนโคซี่ชวนนั่งปล่อยใจของร้านในภาคกลางวันนี่แหละ ที่สำคัญคือทุกเมนูของร้านในภาคคาเฟ่ตอนกลางวันล้วนเป็นเมนูที่ชิมได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ เหมือนได้นั่งชิมขนมจิบกาแฟในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ เอาเป็นว่านี่คือที่ที่ถ้าใครได้ไปแล้ว เราเชื่อว่าต้องได้ไปซ้ำอีกแน่นอน!
Mareeji Cafe & Casual Dining เวลาทำการ พฤหัสบดี - อังคาร (ปิดวันพุธ) 8:30 - 20:00 น. อยู่บนชั้น 2 ของ Varrzon Residence Sukhumvit 36 ซ.นภาศัพท์ 2 สุขุมวิท 36 IG @mareejicafe เฟซบุ๊ก fb.com/mareejicafe โทร. 094-312-9797
