ในโอกาสที่หนังจากวรรณกรรมเยาวชนที่เรารอแล้วรออีก เพราะเลื่อน (เข้าโรง) แล้วเลื่อนอีกช่วงโควิด The Secret Garden มหัศจรรย์ในสวนลับ (อ่าน: ชวนเปิดประตูสู่สวนลับ The Secret Garden พื้นที่ที่เด็กได้ค้นพบโลกใหม่ และผู้ใหญ่ควรรับฟัง) จะได้เข้าโปรแกรมจริง ๆ สักทีในสัปดาห์นี้ เราเลยอยากชวนชาวซอยมิลค์มาทำความรู้จักกับดอกไม้จากบทประพันธ์ดั้งเดิมเรื่องนี้กันสักหน่อย เผื่อจะยิ่งอินเวลาได้เห็นฉากสวนสวยอลังการในเรื่อง

The Secret Garden มหัศจรรย์ในสวนลับ ที่สร้างจากวรรณกรรมปี 1911 ชื่อเดียวกัน โดย ฟรานซิส ฮอดจ์สัน เบอร์เนตต์ ซึ่งสิ่งที่น่าทึ่งคือภาษาของผู้เขียนสามารถบรรยายให้ผู้อ่านเห็นภาพสวนและพืชพรรณทั้งหลายได้อย่างแจ่มชัด ขณะเดียวกัน งานเขียนก็เหมือนพยายามจะชี้ว่าเจ้าดอกไม้นานาพันธุ์นี้แหละที่กลายเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจตัวละคร เยียวยาหัวใจเด็กน้อย ที่อาจจะบอบช้ำมาจากปัญหารอบตัว

เหล่าดอกไม้นานาชนิดที่หยิบมาแนะนำนี่เราไม่ได้อ่านเองคัดเองหรอกนะ แต่ทางทีมงานของ Brooklyn Botanic Garden หนึ่งในสวนสวยแห่งนครนิวยอร์ก เขาได้เขียนบรรยายไว้ใน Blog สำหรับคนที่สนใจ (หรือสำหรับแฟน ๆ หนังสือที่อยากลองปลูกตาม) โดยผูกโยงดอกไม้จากนิยายเข้ากับสิ่งที่ทางสวนมีจัดโชว์ไว้ คล้ายจะเป็นการบอกว่า ถึงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสวนอังกฤษ ทางฝั่งอเมริกาก็หาดูได้เหมือนกันนะจ๊ะ!
ดอกไม้ชนิดแรกที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือดอกลิลลี่ ดอกไม้ที่ให้อารมณ์นางเอ๊กนางเอก ซึ่งสำหรับงานเขียนเรื่องนี้ก็มีเนื้อหาส่วนที่ระบุว่า The place was a wilderness of autumn gold and purple and violet blue and flaming scarlet and on every side were sheaves of late lilies standing together—lilies which were white or white and ruby.

ถัดมาที่ดอกที่ไม่คุ้นหูนัก แต่สายจัดสวนต้องเคยได้ยิน เพราะให้สีสันสดใสจัดจ้าน กับดอกเดลฟินเนียม ดอกโคลัมไบน์ และดอกระฆัง (แคมพานูลา) โดยส่วนใหญ่เจ้าดอกไม้ทั้งสามนี้จะเป็นสีโทนน้ำเงิน-ม่วง เลยมักถูกจัดอยู่ด้วยกัน เป็นเฉดที่ตัดกับสวนเขียว ๆ ดีนักล่ะ ซึ่งบทที่ปรากฏในหนังสือบอกว่า The green alcoves filled themselves with amazing armies of the blue and white flower lances of tall delphiniums or columbines or campanulas.



อีกดอกที่เราชอบชื่อมาก ๆ เพราะมันดูตะมุตะมิพิลึก ก็คือดอกถุงมือจิ้งจอก (ดิจิทาลิส, ฟอกซ์โกลฟ) ซึ่งตรงข้ามกับชื่อ ตัวดอกทรงถุงมือที่เรียงตัวเป็นช่อนี่ทำให้คนเป็นโรคกลัวรู (Trypophobia) อย่างเราเกลียดสุด ๆ และที่อันตรายไปกว่ารูปลักษณ์ที่ (เราถือว่า) ไม่น่ารักแล้ว ถุงมือจิ้งจอกบางพันธุ์ยังมีพิษไปอีก ใครจะปลูกจะเลี้ยง ควรหาข้อมูลให้รอบด้านนะจ๊ะ ส่วนเนื้อหาที่พูดถึงเจ้าดอกไม้นี่ก็คือ The low wall was one of the prettiest things in Yorkshire because he had tucked moorland foxglove and ferns and rock-cress and hedgerow flowers into every crevice until only here and there glimpses of the stones were to be seen.

ปิดท้ายที่ราชินีแห่งดอกไม้อย่าง ดอกกุหลาบ ที่เหมือนจะเป็นดาวเด่นของสวนอังกฤษอยู่แล้ว และจะเบ่งบานในช่วงซัมเมอร์อย่างเต็มที่และอยู่ยาวไปจนฤดูใบไม้ร่วง ให้ผู้ปลูกได้เอ็นจอยความสดชื่นนานกว่าดอกไม้พันธุ์อื่น ๆ หน่อย ซึ่งในนิยายเขาก็กล่าวถึงการที่กุหลาบยังคงเบ่งบานแม้จะเข้าสู่ฤดูที่ต้นไม้ใบหญ้าเปลี่ยนสีไปแล้วก็ตาม ดังที่ว่า Late roses climbed and hung and clustered, and the sunshine deepening the hue of the yellowing trees made one feel that one stood in an embowered temple of gold.

บอกเลยว่าพอได้มาอ่านดีเทลเกี่ยวกับดอกไม้เหล่านี้แล้ว ยิ่งทึ่งกับการที่นิยายอายุร้อยกว่าปีเรื่องนี้นำเอาดีเทลเล็ก ๆ มาระบายสีให้จินตนาการของผู้อ่านเด็ก ๆ ได้แบบละเอียดและล้ำลึกขนาดนี้ เราหวังว่าการ 'เก็บดอกไม้' มาเล่าสู่กันฟังแบบนี้จะช่วยให้ชาวซอยมิลค์อินไปกับหนัง The Secret Garden มายิ่งขึ้นไม่มากก็น้อยนะ!
The Secret Garden เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 3 ก.ย.

