Spoil Alert! บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาภาพยนตร์
Blade Runner 2049
ดูได้ที่ไหน : Netflix

หนังดิสโทเปียโลกอนาคตที่บอกเล่าถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์แท้และมนุษย์เทียม ซึ่งต้องบอกก่อนว่า Blade Runner 2049 เป็นภาคต่อจากภาคแรกที่เคยสร้างไว้เมื่อปี 1982 เราจึงได้เห็นความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีการถ่ายทำภาพยนตร์ของทั้ง 2 ภาคอย่างชัดเจน และการหยิบ ฺBlade Runner กลับมาทำภาค 2 ในปี 2017 ก็ทำให้ชาวคอหนังอย่างเรา ๆ ต่างทึ่งกับงานภาพที่อลังการงานสร้างเอาเรื่องจนเรารู้สึกเหมือนเสพงานศิลป์มากกว่าดูหนังเสียอีก

แถมบทยังซับซ้อน หักมุมและแทรกคำถามให้คนดูฉุกคิดถึงความเป็นมนุษย์แท้และมนุษย์เทียมได้อย่างแยบยล โดยซีนที่เราประทับใจมากที่สุดคงเป็นซีนที่ K นักล่ามนุษย์เทียมได้เข้าไปเยือนที่ Wallace Corporation บริษัทที่ผลิตมนุษย์เทียม ซึ่งการออกแบบฉากและความงามทางด้านสถาปัตยกรรมก็คือล้ำหน้าจนให้ความรู้สึกที่สมเป็นโลกอนาคตจริง ๆ
Joker
ดูได้ที่ไหน : เข้าฉายทุกโรงภาพยนตร์

หนังเพิ่งเข้าโรงไปไม่นาน แต่ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างของผลงานชิ้วโบว์แดงจากค่าย DC ก็ทำเราอดใจไม่ไหวต้องตีตั๋วเข้าไปดูแบบด่วน ๆ ซึ่งเราก็ขอแซวเลยว่าสงสัยค่าย DC คงจำทำหนังสาย Villian ได้เด็ดกว่าสาย Hero เสียแล้วกระมัง เพราะแม้ว่า Joker จะเป็นบทที่ถูกนำมาแสดงหลายต่อหลายครั้ง มีนักแสดงมารับบทนี้หลายต่อหลายคน แต่ Joker ในภาคนี้กลับเป็นภาคที่มืเนื้อหาที่เข้มข้น หนักแน่น และหดหู่มากที่สุด

ด้วยงานภาพที่มักจะคุมโทนไปในทางมืดหม่น งานซาวด์ที่ดึงอารมณ์คนดูได้หน่วงไปจนถึงก้นบึ้งของใจ หรืองานบทที่ Joaquin Phoenix เล่นออกมาได้ถึงแก่นของอารมณ์จริง ๆ ก็ทำให้เราชาวคนดูสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความเศร้า ความโกรธ และความสิ้นหวังของอาเธอร์หรือ Joker ได้ถึงขีดสุด ซึ่งซีนที่เราชอบมากที่สุดคงจะเป็นซีนบันไดสูงฉลูดแถวบ้านของอาเธอร์ที่โผล่มาให้เห็นทั้งช่วงต้นเรื่องและท้ายเรื่อง เพียงแต่ว่าต้นเรื่องเขาเดินผ่านบันไดนี้หลังจากถูกอันธพาลซ้อมมา แต่ท้ายเรื่องเขาได้ระเบิดอารมณ์กลายเป็น Joker และเต้นรำที่บันไดระหว่างเดินทางไปออกรายการทีวี
Call Me By Your Name
ดูได้ที่ไหน : Netflix

ภาพยนตร์สาย LGBTQ+ ที่เราหยิบมาดูกี่ทีก็ทำให้อยากตีตั๋วบินไปอิตาลีทุกที Call me by your name เป็นเรื่องราวการพบกันระหว่าง Elio ลูกชายศาสตราจารย์นักโบราณคดีและ Oliver ชายหนุ่มชาวอเมริกันผู้เข้ามาเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ชั่วคราวในฤดูร้อน และต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับ Elio เป็นเวลา 6 สัปดาห์เต็ม ๆ เนื้อเรื่องดำเนินไปแบบเรียบง่ายเหมือนค่อย ๆ ถ่ายทอดชีวิตประจำวันของชาวยุโรปแบบวันต่อวัน ตั้งแต่การร่วมโต๊ะทานอาหารในยามเช้า การอาบแดดหรือโดดน้ำในยามบ่าย ไปจนถึงการจัดปาร์ตี้ในตอนกลางคืน

เช่นเดียวกับความรักของทั้ง 2 ที่ค่อย ๆ สานสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นในระยะเวลาตลอด 6 สัปดาห์ที่ผ่านไปไวราวกับโกหก ในส่วนของงานภาพก็จะมีความวินเทจหน่อย ๆ เพราะเป็นเรื่องราวในปี 1983 งานภาพจึงมีความงามในแบบฉบับของยุโรปยุค 80 ทั้งพร็อบ คอสตูม และการเล่นกับแสงสี ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายโดยใช้ฟิล์มกับเลนส์ระยะ 35mm ตลอดทั้งเรื่อง และเป็นฝีมือผู้กำกับภาพชาวไทย สยมภู มุกพร้อมดี ฝีมือเขาโหดจริง ๆ
Parasite
ดูได้ที่ไหน : ยังไม่มีช่องทางแบบ Official ให้รับชมในประเทศไทย

ย้ายมาที่ฝั่งเอเชียกันบ้าง Parasite หนังใหม่จากเกาหลีของปีนี้ที่โดดเด่นด้านงานบทที่เสียดสีความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างเจ็บแสบ จนเกิดเป็น Talk of the Town ช่วงหนึ่งที่กดดันใครหลายคนจนต้องเข้าไปดูในโรง แต่เรื่องงานบทคนเขาก็ตีความกันไปเยอะแล้ว เราจะมาพูดถึงงานภาพแทนละกัน โดยรวมแล้วเราจะเห็นความคอนทราสทางด้านสถานที่ที่บ่งบอกถึงฐานะความเป็นอยู่อย่างชัดเจน เพราะ Parasite เป็นหนังที่ดำเนินอยู่ในไม่กี่สถานที่ และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในบ้านที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ซึ่งสวยงามจนเราแอบคิดตามตัวละครในหนังไปแล้วว่าถ้าได้อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ก็คงจะดี สวยงามจนน่าอยู่สุด ๆ ว่างั้นเถอะ

แต่ซีนที่เราประทับใจมากที่สุดกลับเป็นซีนที่สามพ่อลูกต้องหนีหัวซุกหัวซุนหลังจากเจ้าบ้านกลับมา ซีนนี้เป็นซีนที่ให้ความรู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่แท้จริง เพราะการเดินเท้ากลับบ้านครั้งนี้เป็นเหมือนการเดินจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุด นอกจากระยะทางที่ไกลแล้ว ความเหลื่อมล้ำของทั้ง 2 ครอบครัวก็ห่างกันเทียบเท่าพอ ๆ กับระยะทางเลยล่ะ
Dunkirk
ดูได้ที่ไหน : Netflix

เรื่องนี้ต้องขอแซวผู้กำกับ Christopher Nolan ผู้กำกับหนังสาย Non-Linear หน่อยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เขาทำออกมาให้ดูง่ายมากที่สุดแล้ว Dunkirk เป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทหารชาวบริติชหลายแสนนายต้องถอนกำลังหนีกองทัพนาซีเยอรมันเพื่อกลับประเทศ อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นหนังดูง่ายที่สุดของโนแลนแต่ก็เป็นหนังที่ต้องพึ่งความรู้ทางประวัติศาสตร์สงครามเช่นกัน

เพราะเนื้อเรื่องโดยรวมไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของสงครามในตอนนั้นมากนัก ใครดูแล้วอาจจะสับสนงงงวยบ้าง แต่ตัวหนังก็ถ่ายทอดสถานการณ์หนีตายออกมาได้อย่างดี โดยถ่ายทอดออกมาใน 3 มุมมอง ทั้งมุมมองของทหารเดินเท้า นักบินรบ และพลเรือนที่ออกเรือเพื่อมารับทหารกลับบ้าน เราจึงได้เห็นองค์รวมของสนามรบยุคสงครามโลกที่สวยงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน เพื่อบอกเล่าว่าช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้สร้างขวัญกำลังใจที่นำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรได้อย่างไร
The Secret Life of Walter Mitty
ดูได้ที่ไหน : ยังไม่มีช่องทางแบบ Official ให้รับชมในประเทศไทย

หากจะพูดถึงหนังสายวิชวลคงจะพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ The Secret Life of Walter Mitty เป็นภาพยนตร์ปลุกใจมนุษย์ออฟฟิศอย่างเรา ๆ ให้ลาพักร้อนและเก็บกระเป๋าไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ ซะบ้าง และแม้หนังจะไม่มีบทที่ซับซ้อนอะไรมากมาย แต่ก็ฝากคำถามไว้กับมนุษย์เงินเดือนให้ขบคิดว่าความงามของชีวิตคงไม่ใช่การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์และทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อเก็บตังไปใช้ตอนแก่แน่นอน

เนื้อเรื่องดำเนินจากปมง่าย ๆ อย่างการตามหาม้วนฟิล์มที่หายไป จนบานปลายเป็นการตามหาช่างภาพถึงหุบเขาหิมาลัย ซึ่งความภาพสวยก็ทวีขึ้นตามระยะทางที่พระเอกออกจากบริษัทเพื่อตามหาม้วนฟิล์มมาลงปกนิตยสาร Life Magzine ฉบับสุดท้าย ถือเป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจได้ดีเลยทีเดียว แถมเพลงยังเพราะเอาเรื่อง เหมาะกับการเปิดดูในวันหยุด เพราะแค่ดูงานภาพก็รู้สึกสดชื่นแล้ว