Skip to main content
AdSense

7 หนังสือสุดปัง ที่พอมาทําเป็นหนังก็โดน

หนังสือก็ต้องอ่าน หนังก็ต้องดู จะได้ไม่คาใจ

7 หนังสือสุดปัง ที่พอมาทําเป็นหนังก็โดน
October 12, 2018 Bangkok time

เรียกว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วกับภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากหนังสือ ซึ่งมีออกมาให้เราได้ดูกันอยู่เรื่อย ๆ เอาเฉพาะแค่ในส่วนของยักษ์ใหญ่อย่างฮอลลีวูดก็มีเยอะมากจนเราเลือกดูกันไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่แมส นอกกระแส ฯลฯ ยังไม่นับรวมค่ายหนังอื่น ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ทํามาจากหนังสือแล้วปล่อยออกมาจะปังไปหมดทุกเรื่อง บางเรื่องพอทําออกมาแล้วก็เทียบหนังสือไม่ติด บางเรื่องดีงามกว่าต้นฉบับอย่างหนังสือด้วยซํ้า แต่ก็มีหลายเรื่องที่สร้างมาแล้วสามารถถ่ายทอดเนื้อหาสาระที่ดีที่สุดของหนังสือ ให้ออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ได้อย่างกลมกลืน และมีคุณภาพเหมือนในหนังสือไม่มีผิด ชนิดที่ใครได้เข้าไปดูออกมาแล้วต้องเดือดร้อนไปหาหนังสือมาอ่านประกบคู่ไปอีกเลย ซึ่งหนังประเภทนี้ก็มีเยอะมาก เลยขอเลือกเอาเล่มที่อาจจะไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ก็ดีงามไม่แพ้ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือแล้วแมสเลยทีเดียว


 

Still Alice

 

 

หนึ่งในหนังสือและภาพยนตร์ที่สะท้อนภาพความโหดร้ายของโรคอัลไซเมอร์ได้ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง โดยตัวหนังนั้นจะถ่ายทอดผ่านการแสดงสุดทรงพลังของ Julianne Moore ในบทบาทศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ชีวิตดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่โรคร้ายที่กําลังคืบคลานเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ จากการลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นการลืมสิ่งสําคัญในชีวิต ไม่ว่าจะอาชีพการงานและชีวิตด้านความสัมพันธ์ ที่จะทําให้เราได้เห็นว่าโรคอัลไซเมอร์นั้นทําให้เราสูญสลายได้โดยไม่ต้องสร้างความเจ็บปวดใด ๆ ทางร่างกายแบบโรคอื่น ๆ เลยด้วยซํ้า ซึ่งตัวหนังสือนั้นจะเน้นไปที่การขยายรายละเอียดเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์แบบลงลึกทุกแง่มุม พอ ๆ กับเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ต่างจากตัวหนังที่อาจจะด้วยข้อจํากัดเรื่องเวลา จึงมุ่งเน้นไปที่การขยายในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วด้วยตัวประเด็นของเรื่องที่ดีมาก ๆ นี้ยังไงก็ควรค่าแก่การเสพทั้งหนังสือทั้งหนังจริง ๆ


 

The Shape of Water

 

 

นี่คือภาพยนตร์รักและนิยายที่คลี่แง่มุมเกี่ยวกับปัญหาด้านต่าง ๆ ในสังคม มาเป็นประเด็นให้เราได้เรียนรู้และร่วมถกกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามเย็น ความพิการ ตัวประหลาด ฯลฯ ซึ่งหนังก็ได้สะท้อนแง่มุมต่าง ๆ เหล่านี้มาให้เราได้เห็นทั้งในด้านของสัญลักษณ์แฝงความนัยที่แฝงเข้ามาในเรื่อง หรือด้านของอารมณ์ความรู้สึกที่สะท้อนผ่านการตอบสนองต่อสิ่งที่ตัวละครทําให้กันและกัน แต่ด้วยความที่ในเรื่องมีประเด็นให้ขยายกันเยอะมากขนาดนี้ ทําให้ตัวหนังอาจจะไม่สามารถไปได้สุดทุกทาง เหมือนหนังสือที่จะมีพื้นที่และเวลาให้เล่าเรื่องได้ครอบคลุมกว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นตัวหนังก็ทดแทนด้วยงานภาพและเสียงที่สวยและลงตัวสุด ๆ จนยังไงก็ต้องดูทั้งในรูปแบบภาพยนตร์แล้วก็อ่านหนังสือด้วยจริง ๆ


 

The Fauit in ous Stars

 

 

น่าจะเป็นหนึ่งในนิยายที่แฟน ๆ เชียร์ให้ทําออกมาเป็นภาพยนตร์มากที่สุดซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะตัวหนังก็ทําออกมาได้ดีมากจนเรียกนํ้าตาคนดูจนท่วมท้นไม่ต่างกับตอนอ่านนิยายเลยล่ะ ถึงถ้าจะมองไปที่พล็อตของหนังและหนังสือจริง ๆ อาจจะดูเหมือนว่ามันก็เป็นแค่หนังรักธรรดาแต่ด้วยข้อจํากัดและอุปสรรคชีวิตที่ใส่เข้ามาให้ตัวละครหลักหลายตัวในเรื่อง บวกกับวิธีเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่สวยงาม ประกอบกับเคมีที่เข้ากันของคู่พระนาง ทําให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่พาผู้เสพก้าวไปไกลกว่าแค่เรื่องของความรัก แต่ยังรวมถึงการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของชีวิต ความสัมพันธ์ที่พร้อมจะลาจากกันได้ทุกเมื่อ ทัศคติของคนที่ผ่านชีวิตมาด้วยข้อจํากัดด้านร่างกายตั้งแต่เกิด ทําให้ The Fauit in ous stars คุ้มค่าแก่การสละเวลาดูและอ่านแน่นอน


 

Burning

 

 

ถ้าถามว่าหนึ่งในงานเขียนของใครที่เราคิดว่าน่าจะแปลงออกมาเป็นภาพยนตร์ได้ยากที่สุด จะต้องมีชื่อ มูราคามิ โผล่มาแน่นอน เพราะด้วยตัวงานที่ดูแปลกแยกและมีสไตล์เฉพาะของตัวเองแบบสุดขั้ว ทําให้เรามองภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าจะถ่ายทอดออกมาผ่านสื่ออย่างหนังได้ยังไง แต่ไม่ใช่กับ Burning ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนึ่งในรวมเรื่องสั้น เส้นแสงที่สูญหายเราร้องให้ในความเงียบงันของ ซึ่งกลับกลายเป็นหนังที่สามารถนําประเด็นที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องสั้นมาขยายให้ใหญ่ และสะท้อนถึงแง่มุมต่าง ๆ ไปได้ไกลกว่าตัวเรื่องสั้นเองด้วยซํ้า รวมถึงด้วยสไตล์การเล่าเรื่องแบบหนังทําให้ทีมงานสามารถใส่บรรยากาศของความพิศวงในฉากและซาวด์ต่าง ๆ มาได้อย่างเต็มศักยภาพเท่าที่ตัวบทและพล็อตที่แข็งแรงจะพาไปได้จนสุดทาง แถมนักแสดงในเรื่องที่งานดีทั้งด้านการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและหน้าตาของคนแสดง ทําให้เราจะได้แง่มุมต่าง ๆ ที่เป็นฟีลลิ่งคนละแบบกับตอนอ่านเรื่องสั้นแน่นอน


 

Into the wild

 

 

เป็นหนังสือบันทึกการเดินทางที่ถูกนําไปสร้างเป็นหนังในชื่อเดียวกัน และกลายเป็นหนึ่งในหนังที่เรารักที่สุดตลอดกาล โดยตัวหนังสือจะเป็นคล้าย ๆ นิยายที่อิงมาจากเรื่องราวชีวิตการเดินทางของ คริสโตเฟอร์ แม็คแคนด์เลส เด็กหนุ่มที่ตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลังและออกเดินทางโดยมีจุดมุ่งหมายคือป่าเขาที่แสนเหน็บหนาวในอแลสก้า ซึ่งในระหว่างการเดินทางของเขาที่บอกเลยว่าเถื่อนและสาหัสสุด ๆ นั้นเขาก็ได้พานพบผู้คนและประสบการณ์มากมาย ชนิดที่จะทําให้เราทึ่งและนับถือในหัวใจ เป้าหมาย ทัศนคติ ที่เราสัมผัสได้ในตัว คริสโตเฟอร์ แม็คแคนด์เลส แน่นอน ส่วนด้านของตัวหนังที่เราว่าผู้สร้างเก่งมากในการเก็บเกี่ยวแง่มุมต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การนํามาเสนอมาได้แบบครบถ้วน แถมอยากบวกคะแนนเพิ่มในเรื่องของงานภาพให้ด้วย จึงมั่นใจได้เลยว่าคนที่ดูหรืออ่านหนังสือเรื่องนี้ จะได้เรียรู้ว่าโลกใบนี้มันยิ่งใหญ่และมีอะไรรอให้เราไปค้นพบอีกมากมาย


 

เพื่อนสนิท

 

 

ใครจะไปเชื่อว่าหนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของบ้านเราอย่าง เพื่อนสนิท จะทํามาจากนิยาย อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าเซอร์ไพร์มากสําหรับเรา แถมเชื่อว่าใครที่เพิ่งรู้เหมือนกันต้องเดือดร้อนไปหาฉบับหนังสือมาอ่านกันให้วุ่นแน่นอน ซึ่งบอกเลยว่าตัวหนังสือในชื่อ กล่องไปรษณีย์สีแดง นั้นก็ดีงามไม่แพ้ตัวหนังเลย เพราะผู้เขียนสามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกเศร้าปนสุขของตัวละครหลักอย่างไข่ย้อยและกานดา ได้แบบถึงอารมณ์สุด ๆ อีกทั้งภาษาที่เรียบง่ายไม่พยายามประดิษฐ์ถ้อยคํา ทําให้เป็นกลายเป็นอีกหนึ่งหนังสืออ่านง่ายและเพลิดเพลินเลยทีเดียว รวมถึงตอนนี้ทางผู้เขียนเขายังมีภาคต่อของเรื่อง เพื่อนสนิท ออกมาเป็นหนังสือชื่อ ไข่ย้อย ดากานดา จนแฟน ๆ ที่รักหนังเรื่องนี้ทุกคนต้องเก็บให้ครบทั้งตัวหนัง เพื่อนสนิท หนังสือกล่องไปรษณีย์สีแดง และหนังสือไข่ย้อย ดากานดา ให้ได้เลยจริง ๆ 


 

มหาลัยเหมืองแร่

 

 

นาน ๆ ทีจะมีมาและก็ไม่ได้มีมานานแล้ว กับภาพยนตร์ที่สามารถสะท้อนแง่มุมของคนในชนชั้นแรงงานบ้านเราได้อย่างลึกซึ้งและเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งพิเศษเข้าไปอีกเมื่อมันเป็นเรื่องราวของคนในกลุ่มที่สังคมไม่ค่อยให้ความสําคัญ กับเรื่องราวของมิตรภาพ ความฝัน ความรัก ของตัวละครที่แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ทั้งในเรื่องของงานการที่ทํา การได้รับความยอมรับทางสังคม แต่มันกลับสะท้อนให้คนดูได้กลับมาหวนระลึกถึงความสุขสงบเรียบง่ายในจิตใจที่เราอาจะหลงลืมมันไปนานแล้ว ให้ฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยหนังเรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือในเรื่องเดียวกันอย่าง มหาลัยเหมืองแร่ ของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ที่ตัวหนังสือนั้นก็ถือว่าขึ้นหิ้งและติดหนึ่งในหนังสือที่คนไทยทุกคนควรอ่านตลอดกาลอีกเล่มหนึ่งเลย ไม่ว่าจะด้วยถ้อยคําและรูปประโยคที่ไม่ใช่แค่มีความสวยงามทางภาษาเท่านั้น แต่ยังมีการทําให้คนอ่านรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่งดงาม ไม่ต่างกับการอ่านบทกวีชั้นดีเลยทีเดียว


ที่จริงก็ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่เป็นภาพยนตร์ซึ่งสร้างมาจากหนังสือที่ดีมาก จนไม่มีทางใส่มาให้หมดได้เลยจริง ๆ และเราก็เชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องมีเรื่องโปรดในใจที่หลาย ๆ คนนึกไม่ถึงกันแน่นอน ยังไงก็เอามาแชร์กันได้เลยนะ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอเพื่อนที่ชอบเรื่องเดียวกันมาร่วมพูดคุยกันก็ได้


 


 

AdSense
AdSense
AdSense