ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงผ่านประสบการณ์เดียวกัน คือการที่เราต้องปรับพฤติกรรมการกินดื่มจิบของตัวเองไม่น้อย เพื่อให้สอดรับกับมาตรการกักตัว ล็อกดาวน์ และ New Normal ต่าง ๆ จนสายคาเฟ่ฮ็อปปิงนึกท้ออยู่หลายครั้ง เพราะไม่ว่าจะสั่งเดลิเวอรี่หรือทำจานโปรดเครื่องดื่มโปรดยังไง ก็ไม่เหมือนการไปเสพบรรยากาศถึงที่ร้านอยู่ดี ซึ่งสิ่งที่แต่ละร้านพอจะทำได้คือการบริการถึงบ้านอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ อย่างที่ไทยเองก็มีคาเฟ่ที่รับสมาชิกและส่งสินค้าเป็นรอบ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภครับบริการจากระยะไกลได้อย่างไม่ขาดตอน วันนี้เราเลยจะพาชาวซอยมิลค์ในส่องบริการในลักษณะนี้ที่ญี่ปุ่น โดยเจาะจงไปที่บริการ Coffee Subscription ที่สื่อกระแสหลักอย่าง The Japan Times เขาได้รวบรวมไว้ มีกาแฟดี ๆ จาก 4 ร้าน ส่งตรงถึงบ้านในแพ็กเกจแตกต่างกันไป
PostCoffee Co.
บริการส่งกาแฟตรงถึงผู้สั่งร้านนี้เขาจะให้ลูกค้าทำแบบสอบถามสั้น ๆ 10 ข้อ เพื่อให้เข้าใจลักษณะนิสัยของคนดื่มซะหน่อย จากนั้นเขาจะแมตช์ลูกค้ารายนั้นกับกาแฟ 3 อย่าง จากกว่า 30 เบลนด์ที่ทางร้านขายอยู่ โดยให้ลูกค้าเลือกไซซ์บรรจุภัณฑ์ และเลือกว่าจะให้ทางร้านบดเมล็ดกาแฟให้เลยหรือไม่ เท่านี้ก็จะออกมาเป็นเซตกาแฟที่ทำมาเพื่อคนที่สั่งคนเดียวแล้ว พิเศษสุด ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ?

White Coffee Company
ร้านนี้เขาทำแอปพลิเคชันขึ้นมาแล้วให้ลูกค้าเทสต์กาแฟในเซตที่ส่งตรงถึงบ้าน จากนั้นจะติดตามความคิดเห็นผ่านแอปฯ ที่มีนั่นแหละ จนสุดท้ายเขาก็จะสรุปได้ว่ากาแฟที่ 'ใช่' สำหรับลูกค้าคนนั้นคืออะไร ประเภทไหนกันแน่ แล้วหลังจากนั้นผู้สั่งซื้อจะสามารถสั่งกาแฟที่เหมาะสมกับจริตการดื่มของตัวเองได้อย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นรายเดือน ซึ่งเราว่ามันสนุกตั้งแต่ตอนได้ลองดริปตัวอย่างกาแฟล่ะ

Slurp Coffee
ร้านนี้เปิดให้บริการหลังสุด จากทั้งหมดที่มี Coffee Subscription ในตลาดญี่ปุ่น แต่ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่ใหม่เลย เพราะเปิดบริการครั้งแรกที่ประเทศฟินแลนด์มาตั้งแต่ปี 2014 โน่นแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็จะมีคำถามคัดกรองในเบื้องต้นนั่นแหละ ว่าลูกค้าคุ้นเคยกับศาสตร์แห่งกาแฟมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะให้เลือกประเภทของกาแฟที่ต้องการ มีตั้งแต่ออร์แกนิก ทั่วไป หายาก และแบบไร้คาเฟอีน ซึ่งเมล็ดที่เขามีให้ก็รวบรวมมาจากหลายแหล่งในยุโรปทีเดียว จะเรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟระดับโลกก็คงจะไม่ผิดนัก

Kurasu
คาเฟ่ดังจากเกียวโตร้านนี้เขาขายอุปกรณ์สำหรับสเปเชียลตี้คอฟฟี่อยู่แล้ว แถมยังมีเมล็ดจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วประเทศหมุนเวียนมาให้คอกาแฟจับจองเลือกสรร เลยทำให้การทำ Coffee Subscription ดูจะไม่ยากหรือเกินเลยจากแผนธุรกิจเดิมเท่าไหร่นัก ซึ่งนอกจากการเป็นพันธมิตรกับโรงคั่วที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศแล้ว หน้าเพจเฟซบุ๊ก รวมถึงคู่มือที่แนบไปกับสินค้าเขายังมีจุดเด่นที่การอธิบาย 2 ภาษา หรือก็คือมีภาษาอังกฤษกำกับเสมอด้วย เรียกว่าถ้าเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่น ก็ต้องเลิฟร้านนี้เป็นอันดับต้น ๆ ในใจล่ะ แต่ข้อกำหนดของร้านนี้คือลูกค้าจะไม่สามารถเลือกเมล็ดใด ๆ ได้เลยในเซตของแต่ละเดือน ซึ่งจะว่าไป การแรนด้อมแบบนี้ดูจะน่าลุ้นน่าค้นหาอยู่ไม่น้อยเลยเนอะ

 
				 
             
             
             
             
            