เคยไปร้านไหนแล้วรู้สึก 'เย็นใจ' ตั้งแต่เห็นหน้าร้านไหม?
ร้าน Akart DAY เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯ ที่ทำให้เรารู้สึกได้แบบนั้นจริง ๆ เพราะตั้งแต่ทางเข้าในพื้นที่เปิดโล่งที่แสนจะกว้างขวางของไลฟ์สไตล์สเปซย่านเย็นอากาศแห่งนี้ในชื่อ Yarden Yenakart ที่มีทั้งร้านอาหารชื่อดังสไตล์โฮมมี่อย่าง AKART Bistro & Bar รวมถึงสปาเล็ก ๆ อย่าง Zense ไล่เลยมาจนถึงบ้านไม้หลังเล็กตรงกลางที่ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นส่วนของร้านกาแฟที่เราจะพาไปชิมกันในวันนี้ เราสัมผัสได้จริง ๆ ถึงความเย็นใจสมกับชื่อร้านและย่านเย็นอากาศอันเป็นโลเคชั่นตำแหน่งที่ตั้งซะจริง ๆ
บ้านไม้เก่าสไตล์โคโลเนียลหลังเล็กหลังนี้ มีอายุความเป็นมาสืบไปได้ถึงเจ้าของคนแรกอย่าง หม่อมเจ้าหญิง โอภาศจรัสพักต์พิมล นันทวัน โดยสร้างเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวที่คล้าย ๆ ว่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศของคนในสมัยนั้น บวกลบคูณหารอายุบ้านก็ตกอยู่ที่ราว ๆ 90 ปี ถ้าเทียบเป็นคน เราคงต้องเรียกบ้านหลังนี้ว่าปู่ทวด ย่าทวดเลยทีเดียว
ความตั้งใจของ คุณต้า-ศักดา บุญกิตติพร เจ้าของร้าน Akart DAY คือการไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเยอะ แต่ยังรักษาโครงสร้างแบบเดิม ๆ ของบ้านไว้ รวมถึงสีของผนังไม้เก่า ไปจนถึงดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกระจกหน้าต่าง ช่องลม และพื้นบ้าน ซึ่งยังคงถูกเก็บไว้ในแบบฉบับเดิม เพิ่มเติมก็แค่กระจกใสที่เปิดรับแสงธรรมชาติให้เข้ามาอย่างเต็มที่ ช่วยสร้างมู้ดอินสไปร์ให้คนที่มานั่งทำงานได้ดีเยี่ยม พร้อมด้วยกลิ่นหอมฟุ้งของเมล็ดกาแฟ ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้บ้านเก่าหลังนี้ดูมีชีวิตชีวาและชวนหลงรักขึ้นอีกเป็นกอง
เกริ่นเรื่องกาแฟมาขนาดนี้แล้วก็ต้องขอลองกันหน่อย ซึ่งบาริสต้าของที่นี่เขาก็ภูมิใจนำเสนอเมนู Happy Day (200 บาท) กาแฟแก้วพิเศษที่พัฒนามาจาก Dirty แต่เปลี่ยนจากครีมนมธรรมดาเป็นกะทิอบควันเทียน เวลายกขึ้นดื่มจะรู้สึกถึงความเข้มของกาแฟในเลเยอร์แรก และความนัวของครีมนมผสมกะทิเย็น ๆ ในเลเยอร์ต่อมา ปิดท้ายกลิ่นอบควันเทียนที่ลอยอ้อยอิ่งหอมละมุนอยู่ในปาก
ต่อด้วยอีกแก้วพิเศษอย่าง Seven Day (200 บาท) กาแฟเย็นเจือกลิ่นกะทิอบควันเทียนหอมมันสไตล์ไทย ๆ เสิร์ฟพร้อมคุ้กกี้ถั่วพีแคน ดื่มง่ายได้ทุกวันเหมือนชื่อเมนู ซึ่งในแต่ละแก้ว เราจะสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ด้วยนะ โดยจะมีเบลนด์ 2 ตัวให้เราเลือก คือ Sunny ที่มาพร้อมคาแรกเตอร์กาแฟสายฟรุ๊ตตี้ สว่าง ๆ กับ Cloudy ที่เป็นกาแฟคั่วกลางค่อนเข้ม รสชาติออกไปในแนวทึบ ๆ เหมือนสภาพอากาศตามชื่อที่ตั้งให้ ซึ่งเบลนด์ทั้งสองตัวได้ทีมโรสเตอร์มือดีจาก Tobo Coffee Roaster เป็นคนคั่วและเบลนด์ให้ โดยมีเบสเป็นเมล็ดจากรัฐฉานในพม่า และบราซิล
อีกหนึ่งความชิลล์ของร้านก็ต้องยกให้สโลว์บาร์ที่ถ้าใครเป็นสายสเปเชียลตี้คอฟฟี่แล้วบ้านอยู่แถวนี้ จะต้องแวะมาทุกวันแน่นอน เพราะคุณต้าได้ไปซีเล็คเมล็ดดี ๆ มาจากทั่วโลก ทั้งตัวเด็ดอย่างปานามา บราซิล และเอธิโอเปีย แว่วมาว่าเดือนหน้าจะมีเมล็ดกาแฟเทพ ๆ จาก Gesha Village Estate ประเทศเอธิโอเปีย มาวางขายให้สายดริปได้ชิมกันด้วยนะ
แล้วจริง ๆ ก็ไม่ได้มีแค่กาแฟอย่างเดียวที่สเปเชียลนะ เพราะดูจากร้านในเครืออย่าง AKART Bistro & Bar, Charm Shabu & Donburi และ The Yard มั่นใจได้เลยว่าเรื่องอาหารของร้านนี้ไม่เป็นสองรองใครชัวร์ ๆ ดูได้จากเมนูทีเด็ดอลังการงานสร้างอย่าง Super Star (350 บาท) all-day breakfast จานมหึมาที่มีทั้งโทสต์โฮมเมดคั่นด้วยแฮมชิ้นใหญ่และชีส โปะหน้าด้วยเอ้กเบเนดิก ไส้กรอกรวม ฟักทองย่าง และอะโวคาโดอีกครึ่งลูก ใครกินจานนี้แล้วไม่อิ่มคงต้องไปหาหมอแล้วล่ะ
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Carrot Cake (145 บาท) เค้กแครอทชิ้นหนาที่เห็นไซซ์เค้กแล้วต้องหันกลับไปดูราคาอีกรอบ คือเป็นแครอทเค้กที่ชิ้นใหญ่และเครื่องแน่นจนถ้าราคาสูงกว่านี้ก็จะไม่แปลกใจเลย ซึ่งถ้าใครอยากสั่งเค้กกับเครื่องดื่มไปทานที่ฝั่งร้าน AKART Bistro & Bar ก็ได้เหมือนกันนะ
Soimilk Says: เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้เรารักร้านกาแฟร้านนี้มากคือบรรยากาศดี ๆ ที่เหมาะสมแล้วกับชื่อร้าน บวกกับราคาอาหารในระดับกลาง ๆ แต่คุณภาพทะลุเพดาน รวมถึงอินทีเรียของร้านที่ไม่ได้ทำลายกลิ่นอายเดิม ๆ ของบ้านเก่าอายุ 90 กว่าปีหลังนี้เลยแม้แต่น้อย ใครที่อยากสัมผัสชีวิตแบบเย็นใจจริง ๆ ที่ย่านเย็นอากาศ ก็อย่าลืมปักหมุดร้านนี้ไว้ในลิสต์ได้เลย!
Akart DAY 30 Yarden Yen Akart ถ.เย็นอากาศ เวลาทำการ ทุกวัน 07:00-19:00 น. โทร. 02-249-0182 BTS ช่องนนทรี fb.com/akart.day
