เป็นเรื่องน่ายินดีที่ช่วงหลายปีมานี้ เหล่าโปรดักต์ใหม่หัวใจไทย ๆ ได้เข้ามาอุดหนุนผลผลิตจากเกษตรกรท้องถิ่นมากขึ้น ประกอบกับกระแสการทำเกษตรอินทรีย์ก็ได้รับการส่งเสริม ทำให้คนไทยเริ่มสนใจอาหารปลอดสารพิษมากขึ้นเรื่อย ๆ สารเคมีที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในสมัยก่อนได้ถูกตีตกไป และแทนที่ด้วยผลผลิตออร์แกนิก นอกจากดีต่อสุขภาพผู้บริโภคแล้ว ยังดีต่อสุขภาพคนปลูกอีกด้วย และแบรนด์ออร์แกนิกที่เราจะพามารู้จักในวันนี้ก็คือ ไอศกรีมทองดี ไอศกรีมออร์แกนิกที่รวบรวมวัตถุดิบไทย ๆ จากทุกภาคส่วนของประเทศมาไว้ในที่เดียว

ไอศกรีมทองดี มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณกาน ที่ได้ตัดสินใจตั้งให้บ้านเป็นศูนย์ปั่นไอศกรีมส่งขาย หลังจากไปร่ำเรียนวิชามาจากสำนัก Le Cordon Bleu ซึ่งการทำไอศกรีมของเธอก็มีจุดเด่นที่ความกล้าคิดกล้าลองทำรสชาติใหม่ไม่ซ้ำใคร จึงกลายมาเป็นจุดสนใจให้กับแบรนด์ที่อยากคิดค้นรสไอศกรีมเป็นของตัวเอง จากการปั่นไอศกรีมที่บ้านจึงขยับขยายกลายเป็นโรงงานผลิตไอศกรีม ปุญทับ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการต้องคิดค้นรสใหม่ ๆ บวกกับการลงพื้นที่ไปเจอกับผู้ผลิตโดยตรง ทำให้โรงงานไอศกรีมปุญทับกลายเป็นแหล่งความรู้ด้านการคัดสรรวัตถุดิบและการผลิตไอศกรีม

โรงงานปุญทับจึงแตกแขนงกิ่งก้านสาขาออกมาเป็นแบรนด์ไอศกรีมทำเองไม่ขึ้นตรงกับแบรนด์ใด นั่นก็คือ ไอศกรีมทองดี และ ไอศกรีมใจดี ทั้ง 2 แบรนด์มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน ไอศกรีมทองดีจะเน้นไปที่ผลไม้ภาคต่าง ๆ ทั่วไทย ในขณะที่ไอศกรีมใจดีจะทำในแบบฉบับขนมไทย หรือก็คือไอศกรีมโบราณนั่นแหละ ซึ่งเราก็จะเห็นได้จากรูปร่างรูปทรง เพราะคุณกานไม่อยากขายไอศกรีมเป็นสกูป จึงปิ๊งไอเดียลงมือปั้นดินเหนียว แกะสลัก ออกมาเป็นแม่แบบให้กับไอศกรีมแต่ละรส เพียงแค่มองดูจากภายนอกก็จะรู้ได้เลยว่าเป็นรสอะไร

ต้องบอกเลยว่าไอศกรีมทองดีแต่ละแท่งนั้นผลิตจากผลไม้ออร์แกนิก 100% ไร้สิ่งปรุงแต่ง ทำให้รสชาติของไอศกรีมที่ผลิตในแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน เปรี้ยวบ้างหวานบ้างตามผลผลิตที่ขึ้นตรงต่อสภาพอากาศ โดยจะมีตั้งแต่มัลเบอร์รีจากภาคอีสาน มะม่วงเบาจากภาคใต้ มะเกี๋ยงจากภาคเหนือ ส้มจากภาคกลาง และอื่น ๆ อีกมากมาย รสชาติที่เราได้ละเมียดละไมไปในแต่ละแท่งจึงเป็นการซึมซับรสชาติของฤดูกาลนั้น ๆ อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่ไอศกรีมใจดีจะมีวัตถุดิบหลักเป็นกะทิ ซึ่งเขาก็คั้นสด 100% อีกนั่นแหละ แถมยังไม่ใส่ไซรัปเพิ่มด้วย ได้รสชาติแบบเข้มข้น เต็มไปด้วยเนื้อวัตถุดิบเน้น ๆ

และหน้าร้านที่ Velaa Sindhorn Village Langsuan ก็เป็นการย้ายร้านครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากเคยประจำการที่ซอยเจริญราษฎร์ 10, Asiatique และจตุจักร ตามลำดับ โดยการย้ายร้านรอบนี้ก็ไม่ใช่แค่การย้ายตู้ไอศกรีมมาเฉย ๆ เพราะคุณกานลงทุนคิดเมนูใหม่ทั้งของหวานและเครื่องดื่มที่เพิ่มเติมด้วยสตอรี่อย่างวรรณคดีไทยให้กับทุกจาน อย่างเมนู หนุมาน (169 บาท) ไอศกรีมกะทิที่ขึ้นรูปหนุมานอมพลับพลาสุดอลังการ นอนทับอยู่บนกล้วยเชื่อมและถั่วพิสตาชิโอ เพิ่มความมันความกรอบ ส่วนรสกะทิสุดละมุนก็เข้ากันได้ดีกับความหวานของกล้วยเชื่อมสุด ๆ


เงาะป่า (129 บาท) ไอศกรีมกะทิที่ทำออกมาเป็นหัวเจ้าเงาะ แล้วเคลือบด้วยชาร์โคล รองรับด้านล่างด้วยไอศกรีมซอร์เบต์เงาะ กีวีหั่นชิ้นพอดีคำ และเหล่าธัญพืชอบน้ำผึ้ง เวลากินต้องรอเจ้าเงาะละลายแป๊บนึง ถัดมาที่ แม่ปลาบู่ (149 บาท) เมนูบิงซูหนึ่งเดียวในร้าน ที่ทำเกล็ดน้ำแข็งด้วยน้ำกะทิ รายล้อมด้วยข้าวเหนียวมะม่วง แล้วท็อปด้วยแม่ปลาบู่ที่ทำจากซอร์เบต์มะม่วง นางเมขลา (119 บาท) จานที่ตกแต่งท้องมหาสมุทรด้วยข้าวเหนียวเปียกลำไยอัญชัน และท็อปด้วยนางเมขลาที่ทำจากไอศกรีมกะทิ จานสุดท้าย พระอภัยมณี (149 บาท) ลอดช่องใบเตยที่ตกแต่งด้านบนด้วยหางนางเงือกจากซาหริ่ม และไอศกรีมน้ำตาลมะพร้าวรูปนางยักษ์



นอกจากเมนูของหวานแล้ว เขายังมีเมนูเครื่องดื่มอย่าง ส้มทองดี (145 บาท) น้ำส้มคั้นสดท็อปด้วยซอร์เบต์ส้ม 4 สายพันธุ์ มัลเบอร์รี (88 บาท) น้ำเสาวรสเปรี้ยวจี๊ดชื่นใจชงกับน้ำผึ้งและโซดา ปิดท้ายด้วยซอร์เบต์มัลเบอร์รีจากเชียงใหม่ และแก้วสุดท้าย มะม่วงเบา (88 บาท) สายบ๊วยต้องถูกใจแก้วนี้ เพราะเป็นน้ำบ๊วยโซดาเค็มปะแล่ม ๆ ท็อปด้วยซอร์เบต์มะม่วงเบาเปรี้ยวจี๊ด ตัดกันโชะเชะ บอกเลยว่าไอศกรีมร้านนี้เหมาะสำหรับสายครอบครัวอย่างเรามาก ๆ เพราะมาด้วยรูปทรงแบบนี้ สตอรี่แบบนี้ เด็กชอบ ผู้ใหญ่ปลื้ม ใครกำลังหาไอศกรีมสุขภาพดีทานก็ต้องแวะมาที่ไอศกรีมทองดีแล้วล่ะ
Thongdee Gelato Velaa Sindhorn Village Langsuan ถ.หลังสวน เวลาทำการ ทุกวัน 10:00-21:00 น. BTS ราชดำริ fb.com/ThongdeeGelato