มาโคโตะ อาซุมะ คือชื่อของศิลปินนักจัดดอกไม้ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ศิลปะการจัดดอกไม้ในการสำรวจความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในการค้นหาความงามในความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ งานศิลปะของเขาจึงมักมีลักษณะของการทดลองและเล่นกับพรมแดนของศิลปะ ดอกไม้และพืชพันธุ์ของอาซุมะไม่เคยจบอยู่แค่การนำมาจัดเรียงไว้ในแจกันหรือกระถาง แต่มันถูกส่งออกไปนอกอวกาศ (Exobotanica), จมลงสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร (Bloom) หรือไม่ก็ถูกนำไปจัดแสดงเป็นประติมากรรมอยู่กลางทุ่งน้ำแข็งของฮอกไกโด (Frozen Flowers)

จากเด็กหนุ่มผู้มีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดนตรีร็อก กระทั่งค้นพบความงดงามที่ไม่ต่างอะไรกับโน้ตดนตรีในหมู่มวลดอกไม้เมื่อครั้งรับจ็อบในตลาดขายดอกไม้ สู่การก่อตั้งสตูดิโอศิลปะดอกไม้ของตัวเองในชื่อ AMKK (Azuma Makoto Kaju Kenkyusho) ที่แปลได้ว่า สถาบันวิจัยพืชพันธุ์ของอาซุมะ ทุกวันนี้เขายังใช้สีสันและความงดงามของพืชพันธุ์ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันเป็นความงามที่มนุษย์กับธรรมชาติร่วมกันสรรค์สร้าง และ Story of Flowers ก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งอาจเป็นผลงานที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดก็เป็นได้ เพราะมันคืองานศิลปะที่สะท้อนตัวตนของเขาในแง่ของการเป็นพ่อคน

Story of Flowers เป็นโปรเจกต์ที่อาซุมะเริ่มต้นในปี 2017 โดยเกิดจากการที่อยากจะสอนให้ลูกสาวเรียนรู้ถึงความงามของวงจรชีวิตของดอกไม้และพันธุ์พืช แต่ก็พบว่าการพยายามถ่ายทอดความลึกซึ้งของวงจรดอกไม้ในแบบที่เขาซาบซึ้งนั้นยากเกินไปสำหรับเด็กน้อย จนกระทั่งได้รู้จักกับอิลลัสเตรเตอร์และแอนิเมเตอร์จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อย่าง เคที สกอตต์ และ เจมส์ พอลลีย์ บนอินสตาแกรม โดยทั้งสองก็เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสายอิลลัสเตรชัน จากลายเส้นการวาดภาพพันธุ์พฤกษาอันแสนละเอียดลออ Story of Flowers จึงเกิดขึ้นจากการรวมทีมกันของ 3 ศิลปิน ที่เข้าใจและมองเห็นถึงความงดงามของดอกไม้อย่างลึกซึ้ง

ตลอดความยาว 3 นาทีครึ่งในแอนิเมชันที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2017 คือความเพลิดเพลินเจริญตาของการนั่งชมเรื่องราวที่บอกเล่าจากดอกไม้และเสียงหมู่มวลนกและผึ้งโดยปราศจากบทพูดใด ๆ ซึ่งเป็นความตั้งใจของอาซุมะที่จะทำให้ผลงานนี้เป็นเรื่องราวที่เด็ก ๆ และแม้กระทั่งผู้ใหญ่จากทุกที่ของโลกสามารถเรียนรู้และเพลิดเพลินกับมันได้แบบปราศจากกำแพงทางภาษา
และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา AMKK ก็ได้ปล่อย Story of Flowers 2 ออกมาให้ชมกัน

แม้ว่า Story of Flowers 2 จะสร้างสรรค์โดยทีมศิลปินเดิม แต่เรื่องราวในแอนิเมชันไร้คำเอื้อนเอ่ยนี้กลับมีความลึกซึ้งและทะเยอทะยานมากขึ้น โดยคอนเซปต์ของเรื่องก็คือการถ่ายทอดว่าพืชพันธุ์ดอกไม้ช่วยให้เราครุ่นคิดต่อชีวิตได้อย่างไรบ้าง โดยนำเสนอผ่านภาพความสัมพันธ์ระหว่างดอกไม้และมนุษย์ในชีวิตประจำวัน ด้วยการเล่าที่มีอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

วิธีการทำงานของทั้งสามก็คือ อาซุมะจทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและดูภาพรวมของเรื่องราว ส่วนเคทีจะขึ้นภาพบน Photoshop โดยวาดเป็นหลายเลเยอร์เพื่อให้เจมส์นำไปทำแอนิเมชันต่อ ผลที่ได้จากการสร้างสรรค์อันแสนประณีตก็คือ แอนิเมชันที่มอบประสบการณ์ทางภาพอันแสนเพลิดเพลินให้กับผู้ชม ทั้งลายเส้น การขยับของดอกไม้ แม้ในการเคลื่อนไหวเพียงจุดเล็ก ๆ และสีสันอันงดงาม ทำให้เราดำดิ่งลงไปในโลกของพันธุ์พฤกษาได้ผ่านหน้าจอ