1. Gatsby Wax Mat and Hard (95 บาท)

ถือเป็น Wax basic พื้นฐานสำหรับชายไทยแทบทุกคน ตัวเนื้อแเวกซ์จะให้ความรู้สึกด้าน แต่ไม่เหนียว เหมาะอย่างยิ่งกับผมสั้นที่ต้องการการจัดทรงแบบไม่มันเงา และต้องการความอยู่ทรงสูง
Soimilk Says!
หากจะมีข้อเสียสักข้อของแวกซ์ตัวนี้ก็คืออาจจะล้างออกยากไปเสียหน่อย แต่ด้วยราคาและประสิทธิภาพการจัดทรงที่ยอดเยี่ยม แถมหาซื้อได้ง่ายมาก ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์นี้ครองใจผู้ใช้ไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
สั่งซื้อได้ที่ Tops และออนไลน์ทางเว็บไซต์
2. Gatsby Moving Rubber (300 บาท)

อีกเแบรนด์แวกซ์ยอดนิยมจากค่าย Gatsby ที่เข้ามาตีตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตัวเนื้อแวกซ์มีลักษณะเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น ถ้าให้นึกภาพก็คงจะเหมือนมาร์ชเมลโล่กำลังละลายอย่างไรอย่างนั้น จุดขายของเจ้า Moving Rubber ตัวนี้คือสามารถปรับเปลี่ยนทรงได้ตามใจชอบระหว่างวัน แถมมีพลังการจัดทรงสูง ไม่เหนียวเหนอะหนะหรือเป็นขุยติดมือ เหมาะสำหรับผมสั้นมากจนถึงปานกลาง
Soimilk Says!
ไม่ว่าจะต้องการทรงผมเสยๆ หรือหัวแลม spiky edge ก็ทำได้ดั่งใจ ตัวแวกซ์ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสตรอว์เบอร์รีที่ถูกจริตสาวๆ หลายคนด้วยนะเออ ถือเป็นแวกซ์ที่ครบเครื่องใช้ได้ตัวหนึ่งเลยทีเดียว เราขอแนะนำ
สั่งซื้อได้ที่ Tops และออนไลน์ทางเว็บไซต์
3. Osis+ Flexwax Texture (500 บาท)

แวกซ์จากค่าย Schwarzkopf กระปุกอลูมีเนียมสีแดงสะดุดตาตัวนี้ เชื่อว่าผู้ชายหลายคนน่าจะเคยเห็นตามร้านทำผมต่างๆ เวลาไปรอแฟนสาวทำผมเป็นแน่แท้ แวกซ์ตัวนี้มีผิวสัมผัสเหนียวข้นยืดหยุ่น เมื่อกระจายบนฝ่ามือจะมีความเหนอะๆ เล็กน้อย ตัว tag line บนกระปุกบอกว่า Ultra Strong Cream Wax แต่เมือลองใช้ดูแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้ให้ความรู้สึก Strong เท่าไหร่นัก ประสิทธิภาพการจัดทรงถือว่าอยู่ในระดับกลางเท่านั้น
Soimilk Says!
เหมาะกับคนที่ต้องการการจัดทรงแบบสบายๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะจนเกินไป หรือต้องการลุคเซอร์ผมพริ้วหน่อยๆ มีความมันวาวเล็กน้อย ข้อเสียเล็กๆอย่างหนึ่งที่แอบไม่ชอบคือกลิ่นที่อาจจะฉุนเกินไปเล็กน้อยสำหรับผู้ชาย หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าทั่วไปหรือร้านทำผมทีมีโลโก้ Schwarzkopf
สั่งซื้อได้ที่ Tops และออนไลน์ทางเว็บไซต์
4. L’oreal Out of Bed Finer Putty (250 บาท)

แวกซ์ตัวนี้มีวิธีการใช้และเนื้อที่พิเศษกว่าตัวอื่นๆ เพราะเป็นสีขาวขุ่นมีความยืดหยุ่นสูง เวลาใช้ต้องเอามามือมาตบๆ เพื่อให้เกิดเป็นโครงข่ายไฟเบอร์ กระจายทั่วเส้นผม จากนั้นจึงขยำจัดทรงตามต้องการ
Soimilk Says!
ประสิทธิภาพการจัดทรงตัวนี้ก็สมชื่อของมัน Out of Bed คือจัดเสร็จและผมของคุณจะได้ฟีลลิ่งเหมือนพึ่งลุกตื่นนอนออกจากเตียงอย่างไรอย่างนั้น ผมของคุณจะมี texture มีความยุ่งเหยิงอย่างมีสไตล์ แวกซ์ตัวนี้หาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ข้อเสียของมันเห็นจะเป็นเรื่องการจัดทรงที่ไม่ค่อยจะอยู่ตัวนัก
สั่งซื้อออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์
5. Gatsby Ex-Ultra Tough Styling Clay (400 บาท)

เหนียว แน่น และหนึบสุดพลังคือคำนิยามของ Clay ตัวนี้ ด้วย texture ที่ด้านมากๆ และเหนียวสุดพลัง ทำให้ประสิทธิภาพการจัดทรงของแวกซ์ตัวนี้แข็งจนสุดจะบรรยาย ความรู้สึกเหมือนใช้หมากฝรั่งแห้งมาเซ็ตผม เหมาะอย่างยิ่งกับคุณผู้ชายที่ต้องการทรงผม Spiky edge หัวเม่นปลายแหลม รับรองว่าเอาอยู่แน่นอน
Soimilk Says!
ข้อเสียของมันก็คือการล้างออกที่ยากสุดพลังเช่นกัน สระสองครั้งก็ยังไม่หมด เรียกว่าคุณจะมีความรู้สึกเหมือนใส่แวกซ์ตลอดเวลาแม้กระทั่งเพิ่งสระผมเสร็จ หาซื้อค่อนข้างยาก ไม่ได้มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป อาจต้องลองเสาะหาใน supermarket ญี่ปุ่นย่าน japan town สำหรับสนนราคาจะอยู่ประมาณ 400 บาทต่อกระปุก
สั่งซื้อออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์
6. Schwarzkopf Taft Looks Maxx Look Power Wax (180 บาท)

แวกซ์ราคาน่าคบหาตระกูล Taft จาก Schwarzkopf มาในกระปุกพลาสติกสีส้มขนาด 85 กรัม สิ่งแรกที่สังเกตเลยคือกลิ่นเคมีสังเคราะห์ หอมหวานอมเปรี้ยวหน่อยๆ ไม่คล้ายผลไม้แต่ก็หอมดี เนื้อแวกซ์ไม่เหลวและไม่ข้นไป ใช้ง่าย แต่ถ้าใครไม่ชอบก็เปิดกระปุกทิ้งไว้ซักคืนสองคืน เนื้อผลิตภัณฑ์จะค่อยๆ ข้นและแห้งขึ้น หลังจากเซ็ตจะให้ Finishing แบบ Semi-matte
Soimilk Says!
ใครหลายคนอาจจะเคยเห็น Wax ของ Schwarzkopf ที่หน้าตาคล้ายๆ กัน กระปุกสีเหลืองๆ แถมราคาพอกันอีก สิ่งที่แตกต่างกันคือเจ้ากระปุกส้มจะเซ็ตตัวดีกว่า อยู่ทรงนานกว่า ทนเหงื่อและความชื้นมากกว่าสีเหลืองอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ล้างออกง่ายพอๆ กัน และจะค่อยๆ แห้งขึ้นระหว่างวัน ดังนั้นใครลังเลระหว่างสองตัวนี้ เลือกสีส้มเหอะ เชื่อเรา
สั่งซื้อออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์