ปกติแล้วเราจะชอบมาอัปเดตศิลปินต่างชาติที่มาสร้างความสนุก สร้างสีสันในกรุงเทพฯ (แถมยังสูบเงินในกระเป๋าเราจนแห้งไปหมด) ยิ่งช่วงนี้ก็มากันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะตะวันตก หรือแถบเอเชียเอง จริง ๆ ก็รู้สึกว่าพูดถึงศิลปินต่างชาติไปเยอะแล้ว เลยอยากจะบอกว่าศิลปินไทยเราเองเนี่ย ก็มากความสามารถไม่แพ้กันหรอกนะ เพราะก็มีหลาย ๆ คนได้โกอินเตอร์ ดังไกลถึงต่างประเทศโน่น เอาซี่ ! ไทยแลนด์ไม่น้อยหน้าใคร มาดูกันดีกว่าว่าศิลปินคนไหนช่วยดึงดุลการค้าประเทศเรากลับมาบ้าง
1. แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

ประเดิมด้วยศิลปินคนแรก จะไม่ให้พูดถึงก็คงไม่ได้อย่าง แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง เจ้าของน้ำเสียงละมุนคนนี้เขาอยู่มาตั้งแต่รุ่นเก๋า สมัย Hi5 แต่ชื่อเสียงยังไม่เก่าตาม เพราะหนุ่มคนนี้ก็ออกเพลงมาให้เราได้ฟังอยู่ไม่ขาด ล่าสุดเขาได้ไปแสดงในงาน Thai Festival 2018 ที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น โดยหยิบเพลงดังอย่าง มันคงเป็นความรัก และ ความคิด มาเล่นในงานด้วย

วิดีโอจาก Ton Hiro
ชื่อเสียงของพี่แสตมป์ในญี่ปุ่นถือว่าเปรี้ยงระดับหนึ่งเลยนะ เพราะปีที่แล้วเขาออกอัลบัมภาษาอังกฤษอัลบัมแรกในชีวิตอย่าง Stampsth ที่รวม 7 เพลงหลากมู้ดหลากอารมณ์ ซึ่งตอนนั้นออกขายแค่เฉพาะในญี่ปุ่นอย่างเดียว (แต่ตอนนี้วางขายที่ไทยด้วยแล้ว) และอัลบัมนี้แหละทำให้เขาได้ไปทัวร์และสร้างชื่อเสียงที่ญี่ปุ่นในวงกว้างมากขึ้น
เพลงหลัก ๆ ในอัลบัมนี้ ก็เพลง Don't you go และ The Devil แต่บอกเลยว่าเพลงอื่นในอัลบัมก็โหดพอ ๆ กันอย่างเพลง BKKNYC ที่ได้ศิลปินหนุ่มเอเชีย Christopher Chu จากวงอินดี้ที่แจ้งเกิดในอเมริกาอย่าง POP ETC มาร่วมด้วย แต่อยากให้ลองฟังเพลงในอัลบัมนี้กันให้ครบนะ เพราะระดับแสตมป์แล้วเนี่ยคงไม่ต้องบอกว่าผลงานจะดีขนาดไหน


สำหรับเราบอกตรง ๆ ว่าเพลงอัลบัมนี้ฟังแล้วร้องว้าวมาก เพราะมันดีทั้งซาวด์ที่ฟังได้เพลิน ๆ มีทั้งช้าและเร็ว บวกกับเสียงร้องภาษาอังกฤษของแสตมป์ ทำให้เพลงออกมาเพอร์เฟกต์และดูอินเตอร์มาก งานนี้พี่แสตมป์น่าจะได้ฐานแฟนคลับต่างชาติ(ที่ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น)ไปอีกเพียบ ออกเพลงไทยก็ดัง เพลงอินเตอร์ก็ดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขาถึงได้โกอินเตอร์และอยู่ค้ำฟ้าในวงการดนตรีมาได้นานขนาดนี้
2. เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร

คนต่อมานี่ยังไงก็ต้องพูดถึง เพราะว่าฮอตฮิตไม่เลิกจริง ๆ สำหรับหนุ่มที่(กลับมา)แจ้งเกิดอย่าง เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร ที่กระแสแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้วจากชื่อ หน้ากากจิงโจ้ และการันตีความเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จากรางวัลยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง รางวัลขวัญใจมหาชน ปีนี้ก็ยังมีผลงานให้เห็นเรื่อย ๆ ทั้งเป็นพรีเซ็นเตอร์ ออกอีเวนต์ ทัวร์คอนเสิร์ต และที่สำคัญเพิ่งจะออกซิงเกิลใหม่อย่างเพลง First Lady ไปหมาด ๆ

ฟังเพลงนี้ไปก็นั่งบิดนั่งเขินประหนึ่งว่าเป็นเลดี้ของคุณผลิตซะเอง (แอร๊ยยย) และความดังของเป๊กนี่ก็ไม่ธรรมดาเลย อยู่ในระดับที่ว่าไปร้องเพลงออกอีเว้นต์ห้างไหน ห้างนั้นเป็นต้องระเบิด ก็หนุ่มเป๊กเล่นเอาใจใส่แถมยังรักแฟนคลับเอามาก ๆ บวกกับเสียงร้องชวนหลงกับหน้าหล่อใสนั่นอี๊ก โอ๊ย น้องขอสมัครเป็นนุช(ชื่อกลุ่มแฟนคลับ)เดี๋ยวนี้เล้ยย

วิดีโอจาก MsAum
ความดังระเบิดระเบ้อและฐานแฟนคลับนุช ๆ ของเป๊กที่แน่นปึ้กแบบนี้เนี่ยแหละ ทำเอากระแสดังไกลไปถึงต่างประเทศ จนทำให้มีแฟนอินเตอร์อีกมากมาย โดยปีที่ผ่านมา เป๊กก็เป็นตัวแทนศิลปินไทยไปร้องเพลงในเทศกาล Thai Festival 2017 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเหมือนกัน โดยพกเพลงยอดฮิตตั้งแต่สมัยก่อนอย่าง ไม่มีใครรู้ ไปร้องด้วย เป็นเพลงที่แค่ดนตรีขึ้นมาเท่านั้น ทุกคนก็พร้อมใจกันร้องเอื้อนตามสไตล์ R&B เลย (แต่เอื้อนไม่เหมือน)
และล่าสุดของล่าสุดนี่แอบเห็นมีลงรูปกระตุกต่อมความอยากรู้อยากเห็นของนุชอย่างเรา ๆ (สมัครใจเป็นนุชเรียบร้อย) ว่ากำลังซุ่มทำเพลงอะไรอยู่กับ Hollaphonic 2 หนุ่ม วงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์จากอังกฤษก็ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ก็เกาะขอบจอรอติดตามนักร้องคุณภาพคนนี้ไว้ให้ดี ๆ
3. Hugo (เล็ก-จุลจักร จักรพงษ์)

ศิลปินลูกครึ่งหน้าหล่อมาดเซอร์คนนี้ที่ชื่อ ฮิวโก้ หรือ เล็ก-จุลจักร จักรพงษ์ ชื่อเสียงของเขามีทั้งสายละครและสายดนตรีมาตั้งนานแล้ว แต่ที่เรารู้กันดีก็คงเป็นในฐานะเจ้าของเพลงฮิตสมัยก่อนอย่าง ความลับในใจ และ คนไม่มีสิทธิ์ ในนามของวง สิบล้อ

จริง ๆ คนนี้ไม่บอกก็รู้ว่าโกอินเตอร์มาแล้วแน่นอน ก็เพลงสากลที่เขาร้องอย่าง 99 Problems ออกจะโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมือง แต่จะว่าเป็นเพลงของเขาก็คงไม่ถูกนัก เพราะเจ้าของจริง ๆ คือศิลปินชาวอเมริกาชื่อดังอย่าง Jay-Z ต่างหาก
ตอนแรกเราเองก็เข้าใจมาตลอดว่าเพลงสากลเพลงนี้เป็นของฮิวโก้เลย แต่ความจริงก็คือเขาได้เซ็นสัญญากับค่ายดนตรี Roc Nation สังกัดของ Jay-Z และได้ออกอัลบัมเพลงสากล Old Tyme Religion โดยใช้เพลงนี้เป็นเพลงเปิดอัลบัม เขาเลยสร้างชื่อเสียงและโกอินเตอร์ไกลถึงอเมริกาเชียวล่ะ

จนตอนนี้แม้ฮิวโก้จะไม่ได้ทำเพลงสากลแบบเดิมแล้ว แต่เขาก็เพิ่งออกเพลงใหม่กับค่ายเพลงไทยอย่าง ME Record และออกผลงานเพลงในอัลบัมที่ชื่อน่าสนใจอย่าง ดำสนิท โดยเพลงหลัก ๆ ก็มีเพลง บันไดสีแดง ที่มีดนตรีเคลิ้ม ๆ ฟังเพลิน ๆ เช่นเดียวกับเพลง ระวัง อัลบัมนี้ก็กระแสดีไม่เบา เป็นเพลงเท่ ๆ ที่เนื้อหาแฝงความหมายสะท้อนสังคมได้อย่างดี เรียกได้ว่าอยู่มาหลายยุคแล้วจริง ๆ สำหรับศิลปินคนนี้
4. Polycat

เปลี่ยนสายมาแนวอินดี้นอกกระแสกันหน่อยดีกว่า จริง ๆ จะบอกว่านอกกระแสก็ไม่เชิง เพราะตอนนี้เพลงแนวนี้ก็ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้าง จนบางวงก็กลายเป็นวงดังและประสบความสำเร็จไปแล้วอย่าง Polycat วงซินธ์ป๊อปที่รวม 3 หนุ่มจากค่ายสมอลล์รูม ที่ตอนแรกเป็นที่ฮือฮามากจากแนวเพลงแปลกแหวก แนวยุค 80 ที่ไม่ชินหูคนไทยอย่างเพลง พบกันใหม่ และมีเพลงดังตามมาอีกหลายเพลงเลยทั้ง มันเป็นใคร, เวลาเธอยิ้ม และ เพื่อนไม่จริง

ด้วยดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้เนี่ยแหละ ทำให้เพลงวงเขาติดหูกันทั่วบ้านทั่วเมืองเลย และนอกจากจะโด่งดังในไทยเองแล้ว Polycat ก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะปีที่แล้วเขาส่งเพลงภาษาญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อ EP ว่า Doyobi No Terebi ที่แปลว่า รายการทีวีวันเสาร์ โดยเพลงใน EP นี้มีทั้งหมด 4 เพลง ได้แก่ The Earrings, The Flowers, The Storm และ The Window

เป็นครั้งแรกของวงนี้เลยกับการทำเพลงภาษาญี่ปุ่น โดยได้ความช่วยเหลือจาก ศิลปินชาวญี่ปุ่นทั้ง Maika Loubté และ Saito Ryoji ซึ่งเพลงก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เป็นสไตล์ของ Polycat ที่มีกลิ่นอายของยุค 80 ในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น


เอ็มวีก็สุดแสนจะเก๋ อย่างเพลง The Storm ที่ทำเอ็มวีแบ่งเป็นด้านซ้ายกับด้านขวา เวลาจะดูก็เอาโทรศัพท์มาวางสองเครื่องแล้วเปิดพร้อมกัน ช่างคิดสุด ๆ โดยเพลงแต่ละเพลงก็สะท้อนความเป็นเมืองของญี่ปุ่นออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเรียกดนตรีในอัลบัมนี้ว่า ซิตี้ ป๊อป
กระแสตอบรับก็ดีเกินคาดจริง ๆ จากการออก EP ภาษาญี่ปุ่น วางขายที่ญี่ปุ่น และทัวร์คอนเสิร์ตในญี่ปุ่นอีก งานนี้สามหนุ่มก็โกยได้ทั้งแฟนคลับไทยที่ชื่นชอบดนตรีสไตล์นี้ และได้โกอินเตอร์เปิดคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยละจ้า
5. Yellow Fang

ข้ามมาฝั่งสาว ๆ กันบ้างเนอะเดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง กับวงอินดี้ร็อกที่รวม 3 สาวสไตล์จื๊ด ๆ ไว้ด้วยกันอย่าง Yellow Fang หลายคนอาจจะรู้จักพวกเธอกันบ้างแล้วล่ะ เพราะจริง ๆ วงนี้ก่อตั้งมาประมาณ 10 ปีได้แล้ว เริ่มจากการเล่นดนตรีเล็ก ๆ ในคณะ ขยับมาเป็นวงร้อง Cover จนมาถึงวงนอกกระแสสุดฮิปอย่างในปัจจุบัน เพลงเพราะ ๆ ของพวกเธอก็มีเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น I Don’t Know, เอาแต่ใจ (Selfish) และ แค่เพียง (If Only)

สไตล์เพลงวงนี้ก็น่าสนใจสุด เพราะเป็นดนตรีของพวกเธอจะเป็นแนวร็อกที่ไม่หนักก็เลยทำให้ฟังง่าย บวกกับเสียงเพราะ ๆ หวาน ๆ ทำให้ดูมีเอกลักษณ์ และแม้ว่าคำร้องจะเป็นภาษาไทย แต่เพลงของวงนี้ก็ทำออกมาได้ลงตัวและดูสากล ถูกใจแฟน ๆ ทั้งไทยและเทศมาก
ที่บอกว่าถูกใจแฟน ๆ ต่างประเทศ ไม่ใช่แค่ว่าเพลงดังเฉย ๆ นะ เพราะสาว ๆ เคยบุกไปเล่นในเทศกาลดนตรี และเปิดคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง และล่าสุดก็เพิ่งจะจบทัวร์กันไปหมาด ๆ ใน Yellow Fang Asia Tour 2018 โดยไปมา 4 ประเทศด้วยกัน ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง และปิดท้ายด้วยไต้หวัน
ไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับวงนอกกระแสหญิงล้วนวงนี้ แอบเห็นมีแฟน ๆ อินเตอร์เรียกร้องให้ไปเล่นในอีกหลายประเทศด้วยนะ รอติดตามกันว่าต่อไปว่าวงดีวงคุณภาพแบบนี้จะได้ไปโกอินเตอร์ที่ไหนอีก
6. Jelly Rocket

“How long… I haven't seen you for a while…” ขึ้นมาแบบนี้ร้องอ๋อยัง ก็นี่มันเพลงฮิตของวงนอกกระแสแนวดรีมป๊อปอย่าง Jelly Rocket ที่รวม 3 สาวเจ้าของเพลงฮิตสไตล์ ฟุ้ง ๆ เพ้อ ๆ ชวนฝัน อย่าง How Long, ลืม (Forgotten) และ ไม่พอ (Not Enough) ที่บอกเลยว่าคอเพลงนอกกระแสยังไงต้องรู้จัก

เพลงดังอย่างเพลง How Long เนี่ยยังไงต้องเคยผ่านหูมาบ้าง เพราะตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรกก็ติดหูด้วยดนตรีลอย ๆ เบา ๆ และคำร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดูอินเตอร์อย่างแรง และเพลงนี้เคยถูกไปใช้เป็นเพลงประกอบในโฆษณาชื่อ Lalin ด้วยนะ ก็เลยเป็นที่พูดถึงอย่างหนาหูอยู่ช่วงนึงเลย
ดีกรีของวงนี้ก็ไม่ใช่เบา ๆ เลย เพราะเมื่อ 2 ปีก่อนก็ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในงาน Asia Music Festival 2016 เรื่องน่าทึ่งอีกอย่างก็คือวงนี้เป็นวงอิสระ ที่ทำเพลงดี ๆ มีคุณภาพออกมาเองทุกขั้นตอน ! แม้จะมีเพลงออกมาไม่ได้มากไม่ได้มายแต่ล่าสุดนี่เขามีซีดีเพลงเวอร์ชันญี่ปุ่นขายด้วยนะ แถมมีแทร็กพิเศษอย่างเพลง This Is Real เป็นเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นอีก ของแรร์สุด ๆ ถ้าอยากฟังก็ต้องไปหาซื้อจากญี่ปุ่นกันมาเองแล้วล่ะ (แต่ตอนนี้มีร้านพรีออเดอร์แล้วนะ)
7. Phum Viphurit (ภูมิ วิภูริศ)

มาที่ศิลปินหนุ่มหน้าใหม่ เจ้าของรอยยิ้มที่ทำให้โลกนี้สดใส ภูมิ วิภูริศ หนุ่มผู้หลงใหลในเสียงดนตรี วัย 22 ปี ที่เพิ่งจะเป็นบัณฑิตป้ายแดงจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กระแสมาแรงแซงโค้งมากในช่วงนี้ เพราะเป็นเจ้าของเสียงทุ้มนุ่ม ที่มาพร้อมกับหน้าตากวน ๆ รอยยิ้มทะเล้นขี้เล่น และเพลงแนว อินดี้ โฟล์ก ที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษในแบบฉบับของเขา แอบบอกว่าหนุ่มคนนี้เขาเป็นคนไทยแท้ ๆ นะแค่ไปโตที่นิวซีแลนด์เฉย ๆ แถมการอยู่ที่นั่นเนี่ยแหละก็ทำให้เขาได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาด้วย

ถ้าใครพอจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา หรือเคยได้ยินชื่อหนุ่มคนนี้ อาจจะเพราะว่า หนุ่มภูมิเคยไปร้องคัฟเวอร์เพลง Nothing’s Gonna Hurt You Baby จนไปถูกอกถูกใจเจ้าของเพลงอย่างวง Cigarettes After Sex ที่มาเปิดคอนเสิร์ตในไทยช่วงนั้นพอดี ทำให้ภูมิเนี่ยได้เป็นวงเปิดในคอนเสิร์ตครั้งนั้น และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ภูมิเองก็มีเพลงออกมาบ้างอยู่แล้วกับค่าย Rats Record ทั้ง Long Gone และ Sweet Hurricane แต่ถ้าจะเอาตอนที่เปรี้ยงจริง ๆ ก็คงเป็นเพราะเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Lover Boy เป็นเพลงอินเลิฟหวาน ๆ ฟังสบาย ๆ ที่สำคัญคือเอ็มวีมู้ดดีมากจริง ๆ เหมือนเนรมิตหาดพัทยาให้กลายเป็นหาดไมอามีดี ๆ นี่เอง
กระแสในโลกโซเชียลเดี๋ยวนี้มันก็ไปเร็วอะเนอะ เพลงดี ๆ เอ็มวีสวย ๆ ใครมันจะไม่อยากดูอยากฟัง เพลงนี้เลยมีแฟนอินเตอร์เข้ามาติดบ่วงหนุ่มคนนี้เยอะสุด ๆ และลามไปถึงผลงานดี ๆ ก่อนหน้า เหตุผลนี้แหละเลยทำให้เขามีทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียที่เพิ่งจบไป อย่าง Phum Viphurit Asia Tour 2018 ที่ไปเล่นคอนเสิร์ตมา 3 ประเทศ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน (ที่เกาหลีบัตรถึงกับ sold out เลยนะ !)

จาก JuHee Suh
ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ เลยสำหรับคนที่เพิ่งจะก้าวมาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวเมื่อไม่นานมานี้ แต่ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างประเทศและเป็นที่รู้จักของคออินดี้ทั้งไทยและเทศ ศิลปินดี ๆ มากความสามารถ (แถมน่ารัก) แบบนี้แหละเหมาะที่จะได้โกอินเตอร์ไปให้ไกล
8. Rasmee Isan Soul (แป้ง-รัศมี เวระนะ)

มาที่คนสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงก็คงน่าเสียดาย คนนี้ถือว่าเป็นคนปลุกกระแสเพลงหมอลำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเลยก็ว่าได้อย่าง รัสมี เวระนะ หรือที่เรียกกันว่า Rasmee Isan Soul นักร้องสายเลือดใหม่ผู้เป็นคนหยิบจับเอาวัตถุดิบทางดนตรีที่ต่างกันสุดขั้วอย่าง หมอลำ ที่เธอคุ้นเคยจากบ้านเกิด มาผสมผสานเข้ากับ แจ๊ส ที่เป็นดนตรีคลาสสิก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสองแนวเพลงนี้จะเข้ากันได้อย่างดี โดยไอเดียนี้เกิดจากการที่เธอฟังและร้องแต่เพลงหมอลำมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อเธอเริ่มรู้จักแนวเพลงอื่น ๆ อย่าง แจ๊ส บลูส์ และ โซล จากการไปร้องเพลงสากลในบาร์ และเธอเคยไปร้องเพลงที่งานดนตรีในฝรั่งเศสร่วมกับวง Limousine นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำเพลงแนว อีสาน โซล ของเธอ

น้ำเสียงของรัสมีที่ร้องออกมาเป็นแนวหมอลำเนี่ยก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ยิ่งพอมาผสมเข้ากับดนตรีแจ๊สที่มีจังหวะเรื่อย ๆ ทำให้เพลงของเธอไม่เหมือนใคร อย่างใน EP แรกของเธอ Rasmee Isan Soul EP. ที่มีเพลงหลัก ๆ อย่าง มายา และ เมืองชุดดำ

ตามมาอัลบัมที่ 2 ของเธอที่ยังคงคอนเซ็ปต์เพลงแนวหมอลำอย่างอัลบัม อารมณ์ แต่มีความหลากหลายของดนตรีมากขึ้นและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากนั้นตอกย้ำความประสบความสำเร็จด้วยรางวัลการันตีมากมายในปีที่ผ่าน ๆ มา และล่าสุดเธอมีชื่อ 1 ใน 50 ศิลปินเอเชียนี่น่าจับตามองของสาขาศิลปวัฒนธรรมและกีฬาจากหนังสือพิมพ์ เดอะสเตรตส์ไทมส์
บอกตรง ๆ ว่าก่อนหน้านี้เราเองก็คิดภาพไม่ออกเหมือนกันว่าดนตรีสองแนวนี้มันจะมารวมกันได้ยังไง อาจเป็นเพราะการตีกรอบจากแนวเพลงที่เรารู้กันมา แต่หลังจากฟังเพลงจากศิลปินคนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดแน่ รับประกัน !
ฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับศิลปินทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าของไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ต่างประเทศ แสดงให้ต่างชาติเขาเห็นกันหน่อยว่าเมืองไทยก็มีดีไม่แพ้กัน และก็ถือซะว่าไปเอาทุนคืนมาจากต่างประเทศมั่งเนอะ