ใครที่ติดตามดู The Mask Singer ตั้งแต่รอบแรกยันรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนคงจะได้ยินเพลง Endless Rain เพลงที่หน้ากากอีกาดำ หรือ เอ๊ะ จิรากร ใช้เป็นเพลงเปิดตัวเพื่อเบิกทางความเป็นร็อกเกอร์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการเรียกเสียงเชียร์จากกรรมการและผู้ชมที่ทึ่งในความสามารถในการร้องเพลงทรงพลังของวง X-Japan
แต่สำหรับคอเพลงร็อกจากยุค 90s แล้ว นี่คืออีกหนึ่งเสียงที่ปลุกความคิดถึงในเสียงแหลมของโทชิ และเสียงกลองอันทรงพลังของโยชิกิ สองสมาชิกหลักผู้ก่อตั้งวง X Japan วงร็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

แถมเรายังโชคดีอีกต่อคือตอนนี้ Documentary Club เพิ่งนำหนังสารคดีที่เหล่าสาวกวง X Japan อย่าง We Are X มาฉายที่เพิ่งสร้างปรากฎการณ์ขายบัตรหมดเกลี้ยงในรอบปฐมทัศน์ และต้องเพิ่มรอบฉายปกติหลังจากที่หลังเข้าฉายเมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา แถมยังมีคนจองตัวที่ดีๆ เต็มไปหลายโรงด้วย
เรียกว่าฉายในสปีดเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่งจะออกฉายเมื่อกลางเดือน และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่พร้อมใจกันนำหนังเรื่องนี้เข้าฉายในเดือนนี้

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเพราะหนังสารคดีเรื่องนี้มีดีกรีรางวัลประดับจากเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Editing Award จากเทศกาล Sundance Film Festival 2016 ในสาขา World Cinema – Documentary และรางวัล Audience Award จาก SXSW Film Festival 2016 ในสาขา Excellence in Title Design

แต่เป็นเพราะนี่คือเรื่องราวของวงร็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เป็นไอคอนของยุค 90s ยอดขายถล่มทลายกว่า 30 ล้านแผ่น และมีฐานแฟนเพลงกระจายไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่สหรัฐอเมริกา แหล่งผลิตวงเมทัลร็อกระดับตำนานมากมายหลายวง ซึ่งเหล่าคนฟังเพลงเมทัลร็อก ยังยกให้ X Japan เป็นวงร็อกเยี่ยมที่สุดอีกวงหนึ่งในศตวรรษ
แม้แต่ Gene Simmons มือเบสของวงเมทัลร็อกระดับตำนานอย่างวง Kiss ยังถึงกับออกปากในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“ถ้าไอ้หนุ่มพวกนี้เกิดในอเมริกา พวกเขาอาจเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก!”

และตัวหนังเองก็เริ่มต้นขึ้นในอเมริกา ซึ่งสารคดีได้เริ่มถ่ายทำเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ทั้งวงจะกลับมาขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันอีกครั้งเพื่อแสดงบนเวทีในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน สถานที่ในฝันของศิลปินทุกคนที่จะหวังจะมีโอกาสสักครั้งในขึ้นแสดงบนเวทีอันยิ่งใหญ่ของที่นี่
ตัวหนังปูเรื่องราวสลับไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีตความเป็นมาของวงที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของโยชิกิ เด็กหนุ่มที่เติบโตมากกับดนตรีแจ๊สและดนตรีคลาสสิก กับเพื่อนประถมสมัยเด็กอย่างโทชิ ที่รวมตัวกันตั้งวงดนตรีเมทัลร็อกขึ้นในญี่ปุ่นที่เคร่งกับขนบเก่า ซึ่งหนังจะฉายภาพกลับไปยังตัวละครต่างๆ ของวงกับเส้นทางที่ทุกคนเดินมาด้วยกัน ซึ่งเต็มไปด้วยความมุทะลุ ความทะเยอะทะยาน ความขมขื่น การแยกวง ความตาย และโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางอันเจ็บปวดของสมาชิกที่ผ่านพ้นมาด้วยกัน

โดยเฉพาะกับโยชิกิ ผู้เป็นจิตวิญญาณของวงที่แม้แต่ สแตน ลี ประธานเครือ Marvels ของอเมริกาที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนซูเปอร์ฮีไร่ที่กลายเป็นหนังฮิตทำรายได้ถล่มทลายยังออกปากยอมรับว่า “โยชิกิเป็นไอดอลทางดนตรี” อย่างแท้จริง
เราชอบที่หนังทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องราวของ X Japan ได้รู้จักวงร็อกที่เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตวงนี้มากขึ้น และเข้าใจว่าเหตุใดวงร็อกวงนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์มากมายขึ้นในวงการเพลงญี่ปุ่น และปรากฏการณ์มีแฟนเพลงทั่วโลก ทั้งๆ ที่เพลงของวงไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ
ส่วนคนที่เป็นแฟนเพลง หรือรู้จักอยู่แล้วก็จะยิ่งฟินกับหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก เพราะสารคดีเรื่องนี้ทำให้ได้รับฟังเรื่องราวที่เป็นความขัดแย้ง ดราม่า และเรื่องราวต่างๆ จากปากของนักร้องวงเอง หลังจากที่ทำได้แค่เป็นคนยืนดูอยู่ข้างนอกมานาน

ซึ่งหลังจากที่ผ่านพ้นไปแค่คืนเดียว กระแสคนดูหนังก็ทวีส่งแรงกระเพื่อม สั่นสะเทือนอารมณ์แฟนหนังแฟนเพลงมากขึ้นเรื่อย บางคนถึงกับเดินออกจากโรงด้วยน้ำตาแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
นี่คือพลังของหนังสารคดี! หนังที่คุณรู้จักตัวตนของตัวละครที่อยู่ในหนังที่มีชีวิตมีเลือดเนื้ออยู่ในโลกแห่งความจริง
เหมือนดั่งที่โทชิ นักร้องนำพูดไว้ว่า "เราเป็นคนยุคเดียวกัน เจ็บปวดแบบเดียวกัน เราเศร้าโศกเสียใจ เปล่าเปลี่ยเดียวดายเหมือนๆ กัน ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งด้วยบทเพลงของเรา"

ดังนั้น We Are X จึงไม่ใช่แค่หนังเล่าเรื่องดนตรี แต่เป็นการตีแผ่ความจริงและเบื้องหลังอันเจ็บปวดของวงที่แฟนๆ ทั่วโลกยังคงใช้เพลงของพวกเขาในการเยียวยาความเจ็บปวด และมีความหวังในการเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปเช่นเดียวกับสมาชิกวงที่ผ่านบาดแผลต่างๆ ในชีวิตและอยู่เพื่อทำตามความฝันเพื่อต่อลมหายใจที่มีต่อเสียงดนตรีและแฟนเพลงต่อไป

สำหรับใครที่อยากไปดู We Are X ตอนนี้ก็ยังทันนะ เพราะทาง Documentary Club เพิ่งประกาศเพิ่มรอบและเพิ่มโรงในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถดูรายละเอียดรอบฉายได้ที่นี่เลย