Skip to main content
AdSense

สำรวจความง่ายงามของ Her ก่อนไปเหงา ๆ กับเขาและเธอใน Netflix 2 พ.ย. นี้

นอนบนดวงจันทร์ แล้วฝันถึง Her

สำรวจความง่ายงามของ Her ก่อนไปเหงา ๆ กับเขาและเธอใน Netflix 2 พ.ย. นี้
October 21, 2020 Bangkok time
"I'm lying on the moon. My dear, I'll be there soon." เมื่อใดที่ท่อนนี้ถูกร้องขึ้นมา หูของเราก็จะแว่วเสียงอูคูเลเล่ และเมื่อหลับตาลง เราก็จะเห็นภาพตัวเองนอนขดอยู่บนเตียง ในห้องที่ประตูระเบียงเปิดกว้างออกไปเห็นแสงสีพร่างพรายของมหานครใหญ่ที่กลับทำให้ใจเรายิ่งเหงา
 
 
ภาพและเสียงทั้งหมดที่ว่ามาคือพลังของสุนทรียภาพของ Her หนังโรแมนติกไซไฟปี 2013 ของผู้กำกับ สไปก์ โจนซ์ ที่เล่าเรื่องความงดงามที่ยิ่งใหญ่แต่เรียบง่ายที่สุดในจักรวาล นั่นก็คือ ความรัก อันทำให้แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เราก็ยังสามารถหยิบหนังเรื่องนี้มาดูแล้วยัง 'รู้สึก' ไปกับเรื่องราวของ ธีโอดอร์ และ ซาแมนธา ได้เสมอ ซึ่ง Her ก็ได้รับการยกย่องจากสื่อและใครหลาย ๆ คนให้เป็นหนึ่งในหนังรักที่เล่าเรื่องของคนยุคนี้ได้ดีที่สุดด้วย
 
 
ต้นเดือนหน้า Her ก็จะได้ฤกษ์ลงฉายในบริการสตรีมมิงเจ้าดังอย่าง Netflix ให้เราได้นอนเหงาวนกันไปทั้งวันทั้งคืน แต่ก่อนที่จะไปซึมซับบรรยากาศของโลกที่คนกับปัญญาประดิษฐ์ไม่มีวันรักกันไม่ได้ เราอยากชวนทุกคนไปทบทวนสุนทรียะของ Her ที่จับใจคนดูมาได้นานเกือบทศวรรษกันก่อน
 

The Story

 
 
Her ว่าด้วยเรื่องราวของ ธีโอดอร์ ชายหย่าเมียขี้เหงาที่อาศัยอยู่ในโลกที่เทคโนโลยีครอบงำ กระทั่งวันหนึ่งเขาได้ลองซื้อปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่คิดเอง พูดเองได้ ที่ชื่อว่า ซาแมนธา มาเป็นเพื่อนคุยแก้เหงา เธอผู้มีอยู่จริงหรือไม่ก็ไม่รู้นี้ ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนโลกที่ทึมเทาของเขาให้กลับมามีสีสัน และนำพาความรักกลับมาในชีวิตของเขาอีกครั้ง
 
ความงดงามของเรื่องราวใน Her คือการสำรวจและเผยแง่มุมของมนุษย์ในด้านที่อ่อนแอและอ่อนไหวที่สุด นั่นก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ 
 
Her ชวนผู้ชมตั้งคำถามก่อนเดินเข้าโรงว่า คนกับปัญญาประดิษฐ์จะรักกันได้อย่างไร? ก่อนจะค่อย ๆ พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับธีโอดอร์ที่เป็นภาพสะท้อนของมนุษย์เราอย่างตรงไปตรงมาที่สุด และเมื่อเราติดตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ เราก็พบกับความจริงอันแสนสามัญว่า ในเรื่องของความรัก เราล้วนทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ และเมื่อเป็นเรื่องของความรัก เราทุกคนล้วนเป็นคนโง่ที่ไม่แคร์ความเป็นไปได้หรือความเหมาะสมใด ๆ ดังประโยคที่ซาแมนธากล่าวกับธีโอดอร์ก่อนจะจากไปว่า
 
"หัวใจไม่ใช่กล่องที่รองรับการเติมเต็ม หัวใจคือพื้นที่ที่ขยายออกได้ตามปริมาณความรักที่เรารับมา"

 

The Sound

 
YouTube video
 
The Moon Song โดย แคเรน โอ เป็นหนึ่งในซาวนด์แทร็กประกอบ Her ที่สร้างมวลอารมณ์ติดตัวผู้ชมไปแม้เดินออกจากโรง ซี่งนอกจาก The Moon Song แล้ว ยังมีอีกหลายเพลงจากหนังที่ทำให้ผู้ชมพบว่าตัวเองยังติดอยู่ในโลกของ Her ทุกครั้งที่ได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็น Milk & Honey โดย Arcade Fire ที่บรรเลงขึ้นในช่วงต้นของหนังที่ธีโอดอร์สั่งให้สมาร์ตโฟนเล่นเพลงเศร้า ("Play melancholy song.") หรือในฉากที่ธีโอดอร์กับซาแมนธาไปเที่ยวชายหาดด้วยกัน เพลง Song on the Beach ที่เธอแต่งขึ้นเพื่อบอกเล่าความงดงามของวันนั้นก็ราวกับจะช่วยพาผู้ชมไปใช้โมงยามในวันนั้นร่วมกับเขาและเธอด้วย หรือในช่วงท้ายเรื่อง ก่อนที่ซาแมนธาจะจากไป เธอได้แต่งเพลง Photograph ไว้ให้ธีโอดอร์ โดยหวังให้เพลงนี้เป็นเหมือนกับภาพถ่ายที่จะบันทึกช่วงเวลาที่พวกเขาได้อยู่ร่วมกันเอาไว้
 
กล่าวง่าย ๆ ได้ว่า ความงดงามของเพลงประกอบ Her ก็คือการที่แต่ละเพลงช่วยบอกเล่าเรื่องราวแต่ละฉากแต่ละตอนในหนัง และประทับซ้ำความรู้สึกจากฉากเหล่านั้นไว้ในห้วงคำนึงของผู้ชมนั่นเอง

 

The Visuals

 
 
 
 
ในแง่ของงานภาพ Her เป็นหนึ่งในหนังที่คนทำงานดีไซน์และศิลปะต้องจดจำ เพราะทั้งการออกแบบฉาก การตกแต่งภายใน การถ่ายภาพแลนด์สเคป หรือการดีไซน์สถาปัตยกรรมในเรื่องล้วนแล้วแต่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของหนัง และยังช่วยสะท้อนอารมณ์ของตัวละครให้สื่อถึงผู้ชมได้อย่างถนัดชัดเจนขึ้น 
 
โลกของ Her ที่เกิดขึ้นในนครลอสแองเจลิสในอนาคต ดูทั้งงดงามและเหงาหงอยในเวลาเดียวกัน ธีโอดอร์มักถูกล้อมรอบไว้ด้วยตึกสูงเสียดฟ้า ที่ทำงานและบ้านของเขาถูกออกแบบให้สื่อถึงการถูกโอบล้อมด้วยตึกและผู้คน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเว้นพื้นที่ไว้รอบ ๆ ตัวละครเพื่อสะท้อนถึงความอ้างว้างแม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย 
 
ความงดงามอีกประการหนึ่งในงานภาพของ Her คือการใช้สีแดงเข้ามาผสมในทุกฉาก โดยสีแดงก็เป็นสีที่สื่อถึงอารมณ์ในห้วงรัก ความปรารถนา และความโกรธ ซึ่งเป็น 3 อารมณ์ ที่ตัวละครธีโอดอร์รู้สึกผสมปนเปกันไปในแต่ละฉาก
 
YouTube video
 
Her สตรีมทาง Netflix ประเทศไทย วันที่ 2 พ.ย. นี้
AdSense
AdSense
AdSense