1. 80 ปีแห่งตำนานการขายปลาเปี่ยมอุดมการณ์
ตลาดปลาซึกิจิแห่งนี้เปิดทำการมาอย่างยาวนานถึง 80 ปี เรียกว่าเกือบหนึ่งศตวรรษเลยที่ตลาดปลาแห่งนี้ทำหน้าที่ส่งต่อความสดใหม่สู่ชาวกรุงโตเกียว และหลังๆ ก็รวมถึงชาวโลกที่ได้ลิ้มรสปลาแสนอร่อยมาอย่างยาวนาน ตลาดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1935 โดยกลุ่มพ่อค้าปลาจากแถบคันไซที่เข้ามาค้าขายปลาในโตเกียว ก่อนจะสร้างตลาดปลาค้าส่งกลางแห่งโตเกียวเพื่อให้เป็นสถานที่ซื้อขายปลาอย่างมีระบบและราคายุติธรรม
2. ค้าขายแบบดั้งเดิมสุดๆ
แม้จะผ่านช่วงเวลาค้าขายกันมาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือการค้าขายของพ่อค้าคนกลางที่ตลาดปลาสึคิจิที่ส่งผ่านวัฒนธรรมกันจากรุ่นสู่รุ่น พ่อค้ารุ่นเก่าถ่ายทอดประสบการณ์ อุดมการณ์ และความซื่อสัตย์ให้กับทีมงานที่เข้ามาค้าขายในรุ่นต่อไป ดังนั้นพ่อค้า กับลูกค้า ตลอดจนคนทำงานที่นี่ ซึ่งวันๆ หนึ่งมีมากกว่า 20,000 คน แทบจะรู้จักกันทั้งตลาด เรียกว่าเดินไปทางไหนก็เจอเพื่อน เจอฝูง รวมทั้งลูกค้าที่กลายมาเป็นคู่ซี้กันจนแก่เฒ่า
3. วัฒนธรรมการกินปลายากแท้หยั่งถึง
ถึงที่นี่จะเป็นตลาดปลาที่มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้านเยนต่อวัน แต่คนทำงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าคนกลางกลับมีแนวคิดในการทำหน้าที่ของตัวเองที่เหนือกว่าการเป็นพ่อค้าหากำไร แต่เป็นการแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าที่มีตั้งแต่พ่อบ้านแม่บ้าน โรงเรียน ไปจนถึงเชฟซูชิชั้นยอด รวมทั้ง จิโร่ โอโนะ เจ้าของร้าน Sukiyabashi ร้านซูชิในตำนานที่เคยเป็นภาพยนตร์ Jiro Dreams of Sushi มาแล้ว
4. ไม่ได้มีประมูลแค่ปลาทูน่านะ
แม้หลายคนจะรู้กันดีว่า King of Tsukiji หรือเจ้าทูน่าตัวอ้วนนั้นถือว่าเป็นไฮไลท์ของการขายปลาที่นี่ โดยแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาดูการประมูลปลาทูน่าที่บางตัวนั้นราคาแพงระดับหลักล้าน แต่นอกจากการประมูลปลาทูน่าแล้ว ตลาดปลาอันใหญ่โตแห่งนี้ยังมีการประมูลทุกสิ่งอย่างที่เป็นอาหารทะเล ตั้งแต่หอยนานาชนิด ปลาสดจากจังหวัดต่างๆ ไปจนถึงหอยเม่น ที่จริงๆ แล้วนำเข้ามาจากทั่วโลกทั้งแถบเอเชีย ไปจนถึงอเมริกาใต้อย่างเปรูเลยทีเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกคือตลาดแห่งนี้เป็นตลาดกลาง ทำให้มีขายของทุกอย่าง ตั้งแต่ผักผลไม้จนถึงของกินอื่นๆ ที่คนญี่ปุ่นกินกันนั่นแหละ
5. สึกิจิมีห้องสมุดด้วย
เป็นมุมลับเล็กๆ สำหรับคนที่อยากจะเข้ามาค้นคว้าหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตลาดแห่งนี้ แต่ติดว่าต้องอ่านภาษาญี่ปุ่นออกนะ เพราะหนังสือส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น นอกจากจะเป็นห้องสมุดให้คนที่หลงใหลกับความน่าทึ่งของตลาดแห่งนี้ได้มาศึกษาค้นคว้ากัน ตัวหนังสารคดียังเผยด้วยว่าห้องสมุดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งนัดพบของพ่อค้าปลาหลายๆ คนที่เข้ามาหาที่พูดคุยกันเงียบๆ ด้วย
ไม่ต้องห่วงว่าเราสปอยล์มาถึงขนาดนี้แล้วจะทำให้เสียอารมณ์ เพราะจริงๆ แล้วพอดูหนังสารคดีเรื่องนี้จบ ก็จะทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าเหตุใดพ่อค้าซูชิทั่วโลก และเชฟซูชิระดับตำนานของญี่ปุ่น หรือแม้แต่เชฟดังระดับโลก จึงมั่นใจที่จะสั่งวัตถุดิบชั้นเลิศจากพ่อค้าที่นี่เท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้อาจจะมีข่าวให้เสียดายหน่อย เพราะว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจะปิดตลาดปลาสึคิจิเพื่อหลีกทางให้นำพื้นที่ไปใช้สร้างสนามกีฬาแห่งใหม่รับโอลิมปิกโตเกียว 2020 ส่วนสึคิจิจะย้ายร้านทั้งหมดไปอยู่ตลาดแห่งใหม่ที่สร้างขึ้นในแถบ Toyosu ที่ห่างออกไปนอกเมือง โดยกำหนดการย้ายเดิมคือเดือนพ.ย.ปีนี้ แต่ตอนนี้มีข่าวว่าแผนเดิมล่าช้าออกไป ใครกำลังจะไปเยือนญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปล่ะ
เพราะซูชิแสนอร่อยหนึ่งคำนั้นแท้จริงแล้วเป็นมากกว่าแค่ซูชิ แต่เป็นการส่งผ่านอุดมการณ์แห่งท้องทะเลจากชาวประมงผ่านพ่อค้าคนกลางที่ตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมสู่มือเชฟที่บรรจงถ่ายทอดความปรารถนาดีเหล่านั้นสู่นักชิมทั่วโลก
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออุดมการณ์ของพ่อค้า และลูกค้าผู้แสวงหาความยอดเยี่ยมที่ทำให้ที่นี่เป็นดินแดนมหัศจรรย์ขึ้นมาจริงๆ
เข้าฉายวันที่ 22 ก.ย. ที่โรงภาพยนตร์ SF เช็กสาขาและรอบฉายได้ที่นี่
