"หลับตาลง แล้วจินตนาการไปกับเรา... ให้ลองนึกถึงภาพของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไร้ชื่อ ไร้กาลเวลา ไม่อาจระบุได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ตั้งอยู่แห่งใด มันคือพื้นที่ว่างเปล่าที่เราบอกไม่ได้ว่านี่คือกลางวันหรือกลางคืน มีเพียงแสงสลัวที่ส่องเข้ามาจากภายนอก คอยโอบไล้พื้นที่ที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นพัก ๆ "
นั่นคือคำตอบที่เราได้รับหลังจากเอ่ยถามออกไปว่า เราจะนิยาม Void Bangkok ว่าอะไร? พื้นที่แห่งนี้คือคาเฟ่? คือค็อกเทลรูม? หรือเป็นอินสตอลเลชันอาร์ตที่เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเพื่อชุบตัวในบรรยากาศของศิลปะสไตล์อาวองการ์ด?
คำตอบนั้นกลับเป็นคำเชื้อชวนให้เราลองนึกภาพสถานที่ในจินตนาการที่เราบรรยายไว้ข้างต้น ซึ่ง Void Bangkok ก็เกิดขึ้นจากภาพในจินตนาการนั้น สร้างสรรค์ออกมาเป็นพื้นที่ที่จับต้องได้จริง แล้วชวนผู้คนมาหลงลืมตนและรื่นรมย์ไปกับความว่างเปล่า (Void) ด้วยกัน

แต่หากจะให้อธิบายให้เข้าใจง่ายกว่านั้น เราอาจสรุปความได้ว่า Void Bangkok คือพื้นที่ที่ชวนผู้คนหลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก แล้วเข้ามาใช้เวลาในพื้นที่ที่เหมือนหลุดเข้าไปในแดนสนธยาแห่งนี้ด้วยกัน โดยเขาตั้งใจให้เป็นพื้นที่นำเสนอความงดงามและความเรียบง่ายที่สอดแทรกอยู่ในทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่เราก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ทั้งเซอร์วิส การตกแต่ง กลิ่นเครื่องหอม เสียงเพลงจังหวะชนเผ่า ไปจนถึงเมนูที่เสิร์ฟ ล้วนถูกคิวเรตมาเพื่อมอบประสบการณ์ 'การติดอยู่ในห้วงระหว่างตรงกลาง' ที่ชวนให้เราสลัดความรีบเร่งที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันทิ้งไป แล้วปล่อยตัวปล่อยใจ ผ่อนคลายความเครียด ลองนั่งลงมองแสงแต่ละช่วงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ชี้ชวนให้เราสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวและสีสันของสิ่งรอบตัว ที่ถูกแสงนั้นกระทบในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

เมื่อซึมซาบกับองค์ประกอบของพื้นที่ผ่านเสียง กลิ่น และภาพแล้ว ก็ลองสัมผัสกับรสชาติที่ Void Bangkok ตั้งใจคัดสรรมาเพื่อให้เราดื่มด่ำบรรยากาศของที่นี่ได้ลึกซึ้งขึ้น โดยเมนูที่เราสามารถเลือกสั่งได้ก็มีตั้งแต่บรรดาม็อกเทลต่าง ๆ ไปจนถึงเซตชาร้อน ที่มีให้เลือกทั้งแบบหอมกลิ่นธัญพืชและแบบฟรุตตี้

แค่ชื่อเมนูม็อกเทลของเขาดึงดูดความสนใจเราได้สุด ๆ เพราะเราไม่นึกว่าแต่ละส่วนผสมจะเข้ากันได้ และหลังจากพิจารณาอยู่นาน เราก็สั่งแต่ละเมนูมาลองละเลียดจิบ โดยตัวแรกที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอก็คือ Watermelon Rose (190 บาท) ที่เป็นการผสมผสานระหว่างน้ำแตงโมหวานฉ่ำ ใบทาร์รากอน ชาผู่เอ๋อร์ โรสวอเทอร์ และมะกรูด เป็นแก้วที่จิบได้เรื่อย ๆ ชื่นใจสุด ๆ

Coconut White Tea (250 บาท) เป็นแก้วที่มาพร้อมกับรสชาติสดชื่นของมะพร้าวและความนุ่มนวลของบรรดาส่วนผสมอื่น ๆ ถือว่าเป็นแก้วดับร้อนได้ดีเลยทีเดียว โดยมีส่วนผสมของ น้ำมะพร้าว คาเคานิบส์ จันทน์เทศ ชาขาว Silver Needle ข้าวหมาก และน้ำเต้าหู้

2 แก้วแรกที่ผ่านมา จะเป็นแก้วที่ดื่มง่าย คนไม่คุ้นเคยกับม็อกเทลก็เอ็นจอยได้ง่าย ๆ แต่เตรียมตัวให้ดี 2 แก้วหลังนี้ เป็นแก้วที่เราขอบอกว่า ใครอยากลองโดนของแรงของบาร์เทนเดอร์ที่นี่ ต้องไม่พลาดสั่งมาลอง! โดยแก้วแรกก็คือ Pineapple Popcorn (220 บาท) ที่เป็นการประกอบร่างกันระหว่าง น้ำสับปะรด ป็อปคอร์น ชาผู่เอ๋อร์ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว พริกเหลือง เกลือ และปาปริกา แก้วนี้ถือเป็นแก้วที่จิบได้เพลิน ๆ ด้วยความหวานของน้ำสับปะรดกับกลิ่นหอมของป็อปคอร์น แต่จะเจอเซอร์ไพรส์เป็นความเผ็ดซ่าลิ้นเล็ก ๆ ถือเป็นการกระตุ้นให้ตื่นในช่วงบ่ายได้ดี

สำหรับแก้วปราบเซียนขอยกให้กับ Pickled Tomato (190 บาท) ที่ทางร้านก็กระซิบเตือนเรามาก่อนแล้วว่า แก้วนี้เขาแรงจริง! โดยเป็นส่วนผสมระหว่าง มะเขือเทศดอง (Lacto Tomatoes) หัวไชเท้า ชา Fukamushi Sencha ต้นหอมญี่ปุ่น เมล็ดมัสตาร์ด และงาคั่ว
สำหรับรสชาตินั้น ถือว่าจัดจ้านและนำมาด้วยกลิ่นหอมอมเปรี้ยวของมะเขือเทศดอง ก่อนจะตามมาด้วยบรรดาส่วนประกอบอื่น ๆ ที่กระตุ้นประสาทการรับกลิ่นของเราให้ตื่นตัวสุด จิบไปเรื่อย ๆ ก็เหมือนจะเมาได้เหมือนกัน โดยแก้วนี้ทางบาร์เทนเดอร์เขาบอกว่า 'สนุกมากที่ได้ทำ' เพราะฉะนั้นใครอยากลองของก็ไม่ควรพลาดจ้า!

แต่หากใครไม่ใช่สายม็อกเทล ก็สามารถลองเลือกสั่งเซตชาร้อนมาจิบกันได้ โดยตัวที่เราขอเลือกลองในวันนั้นก็คือ Aged Bai Mu Dan (250 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมโก๋แบบสไตล์ดั้งเดิม โดยตัวน้ำชานั้นหอมกลิ่นดอกไม้สีขาว รสชาติอุ่นใจ แต่หากใครกลัวว่าจะจิบเพลินเกินไป สามารถสั่งของหวานเป็น The Leftover Crackers (80 บาท) หรือข้าวตังรสชาติเข้มข้นมาทานคู่กัน เพื่อเพิ่มความจัดจ้านให้กับมื้อน้ำชาเบา ๆ นี้ก็ได้เช่นกัน


Soimilk Says: ถือว่าเป็นพื้นที่ที่เปิดประสบการณ์ทุกผัสสะได้ถึงใจสุด ครบทั้งรูป รส กลิ่นเสียง นอกจากสายลองร้านใหม่แล้ว เราว่าสายอาร์ตและสายออกแบบก็น่าจะเอ็นจอยกับการไปนั่งดูการออกแบบสเปซและบรรดาของตกแต่งในร้านที่ทำออกมาได้เป็นเรื่องราวเดียวกันได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. ทางร้านก็ได้เปิดทำการในลักษณะพื้นที่นิทรรศการหรืออาร์ตสเปซภายใต้คอนเซปต์ The Art of An Unoperated: Shop Closed - Eyes Open ที่เราสามารถจองรอบเข้าไปชมพื้นที่ภายใน โดยมีค่าเข้าชม 250 บาท แล้วสั่งเครื่องดื่มเป็นแบบเทกอะเวย์กลับบ้านได้

Void Bangkok เวลาทำการ ทุกวัน 11:00 -18:00 น. (เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ รอบละ 10 คน) ปาก ซ.เจริญกรุง 82 BTS สะพานตากสิน แล้วต่อพี่วิน จองรอบเข้าชมที่ Line @voidbkk หรือ fb.com/Voidbangkok