เมื่อพูดถึงพิกัดร้านเนื้อสูตรเด็ดแห่งย่านฝั่งธนฯ แล้วล่ะก็ สายมีตเลิฟเวอร์ที่ตระเวนชิมเมนูเนื้อเด็ดเจ็ดน่านน้ำย่อมต้องคุ้นเคยกับชื่อของ เนื้อหอมคาเฟ่ ตึกแถว 5 ชั้น ที่ปักหลักยืนหยัดเป็นตัวจริงด้านเมนูเนื้อแห่งย่านบ้านแขก จากที่เคยเป็นพิกัดของคนรักเนื้อแห่งย่านเมืองเก่า จนตอนนี้ก็กลายเป็นร้านประจำของคนโหยหาเมนูเนื้อกินง่ายแต่คุณภาพคับจาน และอร่อยถูกใจแบบไม่ต้องทำทรง
จากที่เราเคยพาชาวซอยมิลค์ไปเยี่ยมเยือนตึกแถว 5 ชั้น พร้อมชิมเมนูเนื้อที่รังสรรค์จากวัตถุดิบรอบตัวที่พ่อครัว ตั้ม กิตติศักดิ์ เฮงพระพรหม ไปเสาะแสวงหาจากตลาดประจำย่านในแต่ละวันกันมาแล้ว วันนี้เราก็มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมเยือนตึกแถวสีเขียวแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อชิมและชมคอนเซปต์ใหม่ของร้านและการรังสรรค์พื้นที่ 5 ชั้น ให้กลายเป็นคอมมูนิตี้สเปซแห่งความอร่อยและความสร้างสรรค์ ที่พร้อมเปิดแต่ละชั้นต้อนรับ 'เพื่อนใหม่' ที่มีสไตล์และความสนใจแตกต่างกัน
จากคาเฟ่เนื้อสู่บาร์อิซากายะ
ใครที่เคยมาเยี่ยมเยียนและได้ชิมบรรดาเมนูเนื้อสุดจัดจ้านของที่นี่ ย่อมต้องเคยได้รับประสบการณ์การดื่มด่ำกับเมนูอร่อย ๆ ในบรรยากาศสุดครื้นเครงและแสนเป็นกันเองของทั้งพ่อครัวและทีมงานพลังล้น ซึ่งบรรยากาศสบาย ๆ ที่มาพร้อมกับการแลกเปลี่ยนบทสนทนาจนทำให้ลูกค้ากลายมาเป็นเพื่อน และแนะนำปากต่อปาก ชวนเพื่อนของเพื่อนมาเป็นเพื่อนใหม่กันอีก ทางทีมจึงได้แรงบันดาลใจในการสร้างพื้นที่แห่งการกินดื่มอย่างจริงจัง พลิกบรรยากาศโคซี่ของเนื้อหอมคาเฟ่ให้กลายเป็นร้านอิซากายะ ปรับพื้นที่ชั้นแรกให้กลายเป็นห้องรับแขกที่พร้อมต้อนรับ 'เพื่อนของเพื่อน' ด้วยเมนูเนื้ออร่อยใส่ใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความหลากหลายของเมนูที่เหมาะกับการทานคู่กับเครื่องดื่มดี ๆ ดีกรีร้อนแรง
ขึ้นชื่อว่า 'เนื้อหอม' แน่นอนว่าเมนูที่ยังคงยืนพื้นเป็นที่หนึ่งของทางร้านก็ยังคงเป็นบรรดาเมนูเนื้อสุดสร้างสรรค์ ที่ยังเน้นความสดและคุณภาพของเนื้อไทยจากเขียงและบรรดาวัตถุดิบไทย ๆ ที่พ่อครัวได้มาจากการไปจ่ายตลาดเองทุกวัน ด้วยเหตุนี้ เนื้อย่างซอสเนื้อหอม (200 บาท) หรือเมนูยำเนื้อรสจัดจ้านที่ใช้เนื้อแทรกไขมันปานกลาง ย่างแบบมีเดียมแรร์แล้วราดด้วยน้ำซอสสุดแซ่บสูตรของทางร้าน จึงเป็นเมนูใหม่ที่เหมือนเป็นการแนะนำตัวร้านใหม่ในฐานะพื้นที่กินดื่มที่ไม่เมามาย (ในรสชาติอาหาร) ก็ห้ามกลับ
ในขณะที่ เนื้อหอมไข่เผาไฟ (100 บาท) คือเมนูเด็ดตัวใหม่ที่ทำเอาเราจ้วงไม่หยุด เพราะความนัวกลมกล่อมของเนื้อกับไข่ดิบลูกใหญ่ ผสานกันด้วยรสชาติเค็มพอดีของซีอิ๊วสูตรพิเศษซึ่งส่งตรงมาจากโรงงานบ้านเพื่อนที่ทางใต้
นอกจากเมนูเนื้อแล้ว ทางร้านยังสร้างสรรค์เมนูใหม่ที่น่าจะถูกใจเหล่านักดื่มสายเน้นกับแกล้ม ไม่ว่าจะเป็น กุ้งดองซีอิ๊วต้นตำรับ (239 บาท) ที่คัดสรรกุ้งตัวโต ๆ เนื้อเด้ง ๆ มาดองในน้ำซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน หรือจะเป็น ทาโกะวาซาบิ (85 บาท) เมนูกับแกล้มขวัญใจสายอิซากายะที่ชอบซดเครื่องดื่มดีกรีแรงคู่กับเมนูรสซ่าชาลิ้น ทำให้ดื่มได้คล่องคอยิ่งขึ้น
และแน่นอนว่าเมื่อเป็นร้านอิซากายะแล้ว ก็ต้องมียากิโมริหรือเมนูเสียบไม้ย่างต่าง ๆ ซึ่งทางร้านก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่เมนูคลาสสิกย่างสะโพกไก่ ปีกกลาง กึ๋น หัวใจ เห็ดออรินจิ ต้นหอมญี่ปุ่น ไปจนถึงเมนูที่ขยับความพิเศษที่หาชิมได้ที่ร้านนี้เท่านั้นอย่าง สะโพกไก่คันโซมาโย สะโพกไก่ศรีราชามาโย จนถึงเนื้อพรีเมียมเสียบไม้สไตล์เนื้อหอม
แต่ถ้ารู้สึกว่าอยากได้เมนูปลอบประโลมท้องก่อนกลับไปนอนฝันดีที่บ้าน ก็ยังมีเมนูเด็ดอย่าง นาเบะหม้อไฟหมูสามชั้นคุโรบุตะ (229 บาท) ให้เราได้ยาใจกับน้ำซุปรสกลมกล่อมซดคล่องคอ ปิดท้ายมื้อกินดื่มด้วยการเคี้ยวเนื้อหมูคุโรบุตะสไลซ์บาง ๆ ก่อนกลับบ้าน
เพื่อนบ้านคนใหม่ในฐานะ Ramen Specialty
นอกจากจะปักหมุดเป็นจุดนัดพบของคนรักเนื้อและเหล่านักดื่มตัวจริงแล้ว ตอนนี้ที่ตึก 5 ชั้น แห่งย่านบ้านแขกแห่งนี้ ได้เปิดพื้นที่ต้อนรับเหล่าราเมนเลิฟเวอร์ที่กำลังมองหาพิกัดรสชาติใหม่ ๆ จากพ่อครัวที่รังสรรค์เมนูเส้นชามโปรดในสไตล์เฉพาะตัว
Kanso คือพาร์ตเนอร์ใหม่ของเนื้อหอมที่ยึดครัวและพื้นที่ของชั้น 2 เปิดเป็นห้องครัวและพื้นที่ทดลองของ คุณโดม ปิยะพงษ์ จามรพิพัฒน์ อดีตสถาปนิกที่ผันตัวมาเป็นเชฟราเมน โดยเมนูที่เสิร์ฟที่ Kanso ก็คือเมนูที่กลั่นมาจากประสบการณ์การทำงานจริงในครัวของร้านราเมนชื่อดัง และจากแพชชันส่วนตัวที่ทำให้เขาออกเดินทางไปชิมราเมนทั่วญี่ปุ่นมาแล้ว
Kanso จึงเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของตึกแห่งนี้ที่ตอกย้ำวิถีการรังสรรค์อาหารจากแพชชันและความหลงใหลในการสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอหลักของชาวตึกนี้ พร้อมปรุงราเมนชามพิเศษที่ยึดคอนเซปต์ราเมนญี่ปุ่นแท้ ๆ แต่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทย เพื่อให้ได้คุณภาพและความสดแบบไม่ต้องนำเข้าแช่แข็งมาจากต่างประเทศ
ชามแรกที่เราอยากแนะนำให้ได้ลองชิมกันจริง ๆ ก็คือ ทงคัตสึราเมน (135 บาท) เมนูพื้นฐานของร้านราเมน แต่เป็นตัววัดฝีมือพ่อและความเก๋าของพ่อครัว ซึ่งทงคัตสึราเมนของ Kanso ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง ทั้งรสชาติน้ำซุปที่กลมกล่อมลงตัว นัวแบบไม่มันเลี่ยนเกินไป ส่วนหมูชาชูก็ยังคงความชุ่มฉ่ำในตัว คีบเข้าปากคู่กับเส้นราเมนหนึบ ๆ เด้ง ๆ คือดีที่สุด
ถัดมาคือ มาเซะโซบะ (145 บาท) เมนูราเมนแห้งที่ทีเด็ดของเขาอยู่ที่หมูสับผัดซอสที่เสิร์ฟมาพร้อมกับหอมเจียว เคี้ยวเพลินแสนจะเข้ากัน ส่วนตัวเส้นก็ยังคงความดีงาม ทั้งนุ่มหนึบและผัดมาได้กำลังดี คลุกเคล้ากับซอสจากหมูสับและไข่แดงดิบคือรสชาติเข้ากันสุด ๆ
สุดท้ายคือ ข้าวหน้าหมูคาคูนิ (185 บาท) ที่เป็นข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ โปะด้วยหมูสามชั้นตุ๋นในซอสญี่ปุ่น ชามนี้เหมาะสำหรับชาวกระเพาะเหล็กที่ต้องการความอิ่มจริงจัง เพราะเขาให้หมูสามชั้นมาแบบพูนชาม ตัวหมูนุ่มแบบละลายในปากจริง ๆ ไม่พูดเล่น รสชาติเค็มนำหวานตามของตัวซอสก็ทำให้เจริญอาหารสุด ๆ ชามนี้กินหมดมีคลานกลับบ้านแน่นอน เพราะหนักท้องไม่ไหว
Soimilk Says: เราชอบคอนเซปต์ของตึกที่เกิดจากการรวมตัวกันของเหล่าคนทำงานสร้างสรรค์ที่หันมาจับตะหลิวกระทะ เพื่อปรุงความสร้างสรรค์ใส่จาน นอกจากคุณตั้มและคุณโดมที่ยืนพื้นด้านเมนูอาหารของตึกนี้แล้ว เรายังได้คุยกับ คุณเค้ก ณัฐวุฒิ พ่อค้า และ คุณกอล์ฟ จาตุรงค์ ชื่นภักดี อีก 2 พาร์ตเนอร์ ที่เป็นคนดูภาพรวมของทั้งตึก โดยคุณกอล์ฟเล่าว่า ตึกสีเขียวแห่งนี้กำลังจะถูกดัดแปลงให้เป็นเหมือน 'บ้าน' ที่เปิดพื้นที่ต้อนรับทุกคนให้เข้ามาสำรวจบทสนทนาที่ต่างกันไปในแต่ละชั้น จากชั้นแรกที่เปิดเป็นห้องรับแขกด้วยบรรยากาศของอิซากายะ สู่ชั้น 2 ที่เป็นห้องทานอาหารพร้อมเสิร์ฟเมนูอุ่นใจอย่างราเมนชามโปรด ในอนาคตชั้น 3 ก็จะเปิดเป็นพื้นที่จัดอิเวนต์ ในขณะที่ชั้น 4 จะเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับเหล่าคนรักศิลปะการสัก โดยเร็ว ๆ นี้จะมีกิจกรรมให้ทุกคนได้มาสำรวจบ้านสีเขียวหลังนี้กันด้วย รอติดตามกันนะ!
เนื้อหอม x Kanso เวลาทำการ พุธ - จันทร์ (ปิดวันอังคาร) 17:00 - 23:00 น. ปากซ.อิสรภาพ 4 (แยกบ้านแขก) โทร. 02-121-4964 fb.com/nuahomcafe และ fb.com/KANSO
