Eden’s
ช่วงนี้ย่านเมืองเก่ามีแหล่งกินดื่มเปิดใหม่มากมายหลายหลาก ไล่เรียงตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงบาร์ลับ และล่าสุดกับคาเฟ่เล็กๆ อย่าง Eden’s ที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่กลับเป็นแหล่งดึงดูดสาย Cafe Hopping ให้แวะเวียนไปเยือนเมืองเก่ากันอีกครั้ง


ขนมและอาหารของที่นี่จะเน้นความเรียบง่าย อย่างอาหารเช้าเสิร์ฟในกะทะอย่าง English Breakfast (ไซส์เล็ก 260 บาท และไซส์ใหญ่ 490 บาท) หรือโทสต์ก็มีให้บริการตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ขนมปังเนยและไข่อย่าง The Simplest (110 บาท) โทสต์แซลมอนรมควัน (190 บาท) หรือจะเป็นแซนด์วิชเนื้อ (180 บาท) ก็ดีงาม

ส่วนขนมที่เป็นหัวใจของ Eden’s นั้นมีทั้กเค้กอบหมุนเวียนไปวันละ 6-7 อย่าง รวม 20 ชนิดต่อสัปดาห์ โดยจะมียืนพื้นที่เค้กเบียร์ดำ และหมุนเวียนอย่างเลมอนทาร์ต เค้กพีช เค้กแครอท เค้กกล้วยหอม (เริ่มต้นชิ้นละ 90-160 บาท)

สำหรับเครื่องดื่มก็มีกาแฟทั้งร้อนเย็น โดยจะเน้นตัวกาแฟดำ ซึ่งกาแฟร้อนสามารถเติมได้ไม่จำกัด ส่วนชาจะใช้ชายี่ห้อ Mariage Freres ชาฝรั่งเศสที่มีต้นกำเนิดในปารีสมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1854 หรือเมื่อ 163 ปีก่อน ซึ่งไม่ว่าจะจิบตัวไหนก็เข้ากับขนมทั้งนั้น แอบบอกว่าบรรยากาศช่วงเช้าดีงามมากเลยทีเดียว
Eden’s, 7/1 ถ.หลานหลวง (ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้า) เวลาทำการ อังคาร-พฤหัส 09.00-17.00 น. และศุกร์-อาทิตย์ 09.00-20-00 น. (ปิดวันจันทร์)
หลังจากเสิร์ฟความอร่อยมากว่า 2 ปีที่ซอยสุขุมวิท 38 ร้านเพื่อนรักสำหรับคนตื่นสายอย่าง Toby's ก็ได้ขยับขยายไปพบปะชาวทองหล่อกันในรูปแบบคาเฟ่ขนาดกระทัดรัดในชื่อ Lazy Toby


กาแฟของที่นี่ (เริ่มต้น 80 บาท) เลือกสรรมาจากโรงคั่วท้องถิ่น ตัวเบลนด์จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อย่างตอนนี้เป็นกาแฟจากเอธิโอเปีย โคลอมเบีย และลาวที่ผ่านการคั่วกลาง มีรสเปรี้ยว และกลิ่นหอมดอกไม้จางๆ ตามเอกลักษณ์ของ Toby's Blend แต่ถ้าใครไม่สนกาเฟอีนก็ยังสั่งน้ำผลไม้สกัดเย็น (180 บาท) หรือน้ำผลไม้ปั่น (150 บาท) มาเพิ่มความสดชื่นแทนได้ และสายสุขภาพยังจะถูกใจเข้าไปใหญ่กับ Gym Junkie Smoothies (150 บาท) ที่เลือก Super Food มาปั่นรวมกับเครื่องดื่มด้วย

ถึงที่ Lazy Toby จะไม่มีเมนูบรันช์เต็มเหนี่ยวเหมือน Toby's สาขาหลัก แต่ก็ยังมีเมนู Fruit & Grains ให้เติมพลังพออยู่ท้อง เช่น กราโนลากับโยเกิร์ตและเบอร์รี่ (240 บาท) และพุดดิ้งเมล็ดเจียกับมะม่วง เสารส และเบอร์รี่ (250) มีทั้งแบบใส่แก้วซื้อกินสะดวก หรือจะนั่งกินที่ร้านก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีขนมอบหอมกรุ่นให้เลือกอีกเพียบเลย
Lazy Toby, ทางเข้า Villa Market, J Avenue ทองหล่อ 15 สุขุมวิท 55 เวลาทำการ ทุกวัน 09.00-20.00 น. BTS ทองหล่อ
หนึ่งในร้านที่เพิ่งเปิดใหม่บนถนนพระอาทิตย์ Latte Bua อาจจะไม่ได้มีธีมแปลกใหม่หรือการตกแต่งที่ฮิปที่สุด แต่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศห้องแถวแบบวันวาน บวกกับความเรียบง่ายซึ่งเป็นเสน่ห์ของร้านเก่าแก่บนถนนเส้นนี้


ตามที่ชื่อร้านแอบบอกใบ้ไว้แล้ว เมนูแนะนำของจึงหนีไม่พ้น Latte Bua Milk (ร้อน 80 บาท และเย็น 90 บาท) ลาเต้ผสมไซรัปกลิ่นดอกบัว เสิร์ฟพร้อมกับกลีบบัวบนฟองนม เรียกว่าแปลกทั้งรสชาติและหน้าตาที่คนรักกาแฟต้องลอง

ที่ร้านยังมีเค้กและขนมหลากหลายชนิดที่จะสับเปลี่ยนไปตามวัน เช่น บราวนี่ (60 บาท) และชีสเค้กสูตรฮอกไกโด (140 บาท) ให้เลือกทานคู่กับเครื่องดื่มยามบ่ายได้อีกด้วย
Latte Bua, ถ.พระอาทิตย์ เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 10.00-20.00 น. (ปิดวันจันทร์) โทร. 082-599-0959
Hawker Chan
ไม่ต้องบินไปสิงคโปร์กันอีกแล้ว เพราะ Liao Fan Hong Kong Soya Chicken Rice & Noodles ร้านข้าวหน้าไก่ต้มซีอิ้วระดับตำนานและการันตีด้วย Michelin Star ได้มาเปิดสาขาในเมืองไทยแล้ว นับเป็นสาขาที่ 2 นอกบ้านเกิดต่อจากสาขาบุกเบิกในไต้หวัน (ที่ต้องรอคิวกันถึง 3 ชั่วโมงนั่นแหละ)


เหตุผลที่คนสิงคโปร์แห่กันไปกิน "ไก่ต้มซีอิ้ว" จนของหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลา 3-4 ชั่วโมงของทุกวันนั้นอยู่ที่วิธีการต้มไก่ในซีอิ้วสูตรพิเศษจนสุกได้ที่ โดยที่คงความชุ่มฉ่ำของเนื้อเอาไว้ ถือว่าเป็นสูตรลับของเชฟ Chan Hon Meng เขาแหละ ความดีงามคือแม้จะเป็นร้านข้าวขึ้นห้าง แต่ราคายังคงจับต้องได้ อย่างข้าวหน้าไก่ต้นซีอิ้วเริ่มต้นขายที่ราคา 88 บาท ซึ่งเสิร์ฟพร้อมซอสพริกเผาสไตล์สิงคโปร์ และยังมีซอสพริกอีกแบบซึ่งรสชาติออกคล้ายกับแซมบัลอันเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

นอกจากเมนูข้าวแล้ว ยังมีเมนูน่ากินอื่นๆ โดยเฉพาะเมนูหมูแดงย่างสุดนุ่ม ซี่โครงย่าง เมนูเต้าหู้ทอดราดซอสถั่ว และเมนูคะน้าลวกราดซอสซีอิ้ว แถมเรายังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะกินไก่หรือหมูกับเมนูข้าวหรือเมนูบะหมี่ หรือถ้าอยากกินไก่ทั้งตัวก็สามารถสั่งได้ในราคา 580 บาทนะ
Hawker Chan, ชั้น 5 Terminal 21 ถ.สุขุมวิท เวลาทำการ ทุกวัน 10.00-22.00 น. BTS อโศก / MRT สุขุมวิท
เรามักจะเห็นเมนูพาสตาแนะนำอยู่ในเล่มเมนูของแทบทุกร้านอาหาร แต่จะมีสักกี่ร้านที่จริงจังเรื่องเส้น? เรามีหนึ่งร้านใหม่ที่จริงจังเรื่องพาสตาอย่าง La Dotta ในซอยทองหล่อ 9 ที่ทำเส้นกันสดใหม่ทุกวัน แถมยังมีพาสตาจากหลากหลายภูมิภาคของอิตาลีมาให้เลือกลองด้วย


ปกติแล้วพาสต้าคือส่วนผสมของแป้งและไข่ไก่ แต่ที่นี่เลือกใช้ไข่เป็ดมาเป็นส่วนผสมเข้ากับแป้ง Semolina แป้งสาลีที่มีไว้สำหรับทำพาสตาโดยเฉพาะ ทำให้ได้รสชาติและความเข้มข้นของไข่แดงเพิ่มขึ้น เส้นพาสตามีทั้งเส้นสดและเส้นแห้ง โดยเส้นสดที่ทำกันทุกวันจะมีอยู่ 4 ชนิด ได้แก่เส้น Tortelloni ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเกี๊ยวห่อไส้อยู่ข้างใน เส้น Pici เส้นกลมม้วนด้วยมือ เส้น Garganelli พาสตาลายเส้นม้วนหัวท้ายคล้ายปากกาขนนก และเส้น Fileja พาสตาเส้นเกลียว

Tortelloni 4 Formaggi
เราแนะนำว่าห้ามพลาดเมนูเส้น Tortelloni 4 Formaggi (340 บาท) หรือพาสตายัดไส้ชีสพาร์เมซานที่หมักนานถึง 24 เดือน หรือจะเป็นเมนู Tortelloni Bolognese (370) พาสตายัดไส้ปาร์มาแฮมที่รสชาติมากับกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของแฮม หรือจะลองเป็นเส้น Pici Bolognese ก็ได้เช่นกัน

สำหรับเครื่องดื่มจะเน้นเป็นค็อกเทลสดชื่นตามสไตล์อิตาเลียนซัมเมอร์ ที่เน้นการนำผลไม้ต่างๆ มาเป็นส่วนผสมของค็อกเทล โดยเฉพาะกับน้ำคั้นผลไม้สดๆ 100% เราชอบ Passione Negroni (340 บาท) ที่ผสมกาแฟเข้ากับ Fords Gin, Carpano Classico, Campary พร้อมโฟมมะนาวด้านบน จิบคู่กับเสาวรสแล้วกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
La Dotta, 161/6 ทองหล่อ 9 สุขุมวิท 55 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 11.30-14.30 น. และ 17:30 - 23:00 น. (ปิดวันจันทร์) โทร. 02-392-8688 BTS ทองหล่อ
คุณพีท-พันดนัย และคุณพอท-มิตรดนัย สภาวรมณี ได้พา Coro Field สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรไลฟ์สไตล์ ณ สวนผึ้ง ขยับเข้ามาใกล้คนเมืองมากขึ้นในรูปแบบของร้านอาหาร Coro Harvest ที่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากฟาร์ม


หยุดความคิดไปเลยว่าผักเยอะขนาดนี้จะต้องเป็นอาหารคลีนๆ ลีนๆ แห้งๆ เพราะเมนูมาครบทุกหมวดหมู่ตั้งแต่ออร์เดิร์ฟ อาหารจานหลัก ของหวาน เครื่องดื่ม จนไปถึงไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ แน่นอนว่ามีเมนูยอดนิยมอย่างเมลอนคัตสึโอะ (145 บาท) เมลอนกับปลาย่าง บวกกับมะเขือเทศเชอร์รี่ ราดด้วยซอสอีกที อีกเมนูเด็ดคือมันม่วงญี่ปุ่นทอด (145 บาท) มันม่วงทอดอุ่นๆ คลุกกับผงปาปริก้า เสิร์ฟพร้อมซอส 3 ฤดู

มาถึง Coro Harvest แล้วห้ามพลาดเมลอนกับมะเขือเทศเชอร์รีปั่นเชียวนะ ตบท้ายด้วยของหวานอย่างเมลอนและมันหวานลาวา (195 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม เราชอบตัวมันหวานเป็นพิเศษเพราะเนื้ออุ่นๆ กินแล้วอบอวลอยู่ในปาก หม่ำไอศกรีมเย็นๆ ตามก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย
Coro Harvest, ชั้น G, The Esplanade ถ.รัชดาภิเษก เวลาทำการ ทุกวัน 10.00-22.00 น. โทร. 02-660-9341 MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
หลังจากเปิดตัวร้าน Midnight Moon ให้คนรักดอกไม้ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนกันมาแล้ว พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ก็ไม่หยุดแค่นั้น แต่ได้ยกเครื่องห้องชาริมระเบียงโฉมใหม่ในชื่อ Dok Mai Thai Salon du Thé


ห้องชานี้จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับร้านอาหาร Midnight Moon แต่จะให้บริการชุดน้ำชาและอาหารว่างแบบเบาๆ อย่าง Scone Tea Set ที่แน่นอนว่ามาพร้อมกับชาดอกไม้ 1 กา และรวม Scone แบบโฮมเมดสูตรจากไอร์แลนด์ที่อบใหม่ทุกวัน พร้อมครีมและแยมนำเข้าจากต่างประเทศในบรรยากาศแบบบ้านไทยยุคโคโลเนียล

ในส่วนของชานั้นจะเน้นไปทางเบลนด์ที่ผสมดอกไม้ลงไปด้วย ทำให้มีกลิ่นหอมเบาๆ อย่างเช่น ชากุหลาบ Love Pekoe ที่ผสมชาดำอัสสัมกับกลีบกุหลาบอินเดีย หรือ ชาแอปเปิ้ลชินนาม่าน Kathmandu (120 บาทต่อกา) ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ถึงเวลาต้องไปแถบสามเสนแล้วแหละ
Dok Mai Thai Salon du Thé, พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้, 315 สามเสน 28 แยกองครักษ์ 13 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 10.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์) โทร.02-669-3633