พาไปชิมทุกร้านในเวิ้ง JIA 10 มินิเยาวราชแห่งซอยทองหล่อ

อารีนา 10 ในซอยทองหล่อ 10 คือโซนในตำนานของนักเที่ยวกลางคืนที่กำลังจะกลับมาคีกคักอีกครั้งกับการเปิดตัวเวิ้งใหม่ในชื่อ JIA (เจี๊ยะ) ภายใต้คอนเซ็ปต์การเป็นแหล่งกินดื่มสไตล์เอเชี่ยนที่ตอบโจทย์สายตระเวนกินช่วงหลังตะวันตกดิน

 

 

ชื่อเวิ้งว่า "เจี๊ยะ" ตั้งใจเอามาจากคำจีนที่ชักชวนให้เรามากินมาดื่มกันที่นี่ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากย่านเยาวราช ซึ่งคุณแจ๊คกี้ - แจ๊คเกอรีน ซิม เจ้าของไอเดียเวิ้งฮิปๆ แห่งนี้ บอกว่าอยากทำออกมาให้กลายเป็นมินิเยาวราช และเป็นคอมมิวนิตี้ที่ใครๆ ก็สามารถแวะมาได้ทุกวัน

 

ภายในจะมีร้านหลักทั้งหมด 4 ร้าน เน้นเมนูอาหารจากทั่วเอเชีย โดยจะเปิดบริการตั้งแต่ 5 โมงเย็นยาวไปจนถึงถึงตี 3 เลยทีเดียว แถมด้วยร้านอีกหนึ่งร้านที่เราขออุบเป็นความลับไว้ก่อน

 

 

นี่คือภัตตาคารอาหารจีนแต้จิ๋วชื่อดังของคุณแจ๊คกี้ แต่ถ้าใครคิดว่าที่นี่จะต้องหรูหราไฮโซและมีแต่อาม่าอากงมากินอย่างเดียว ขอให้เปลี่ยนความคิดนั้นได้เลย เพราะที่สาขานี้ คุณแจ๊คกี้ได้ปรับเมนูให้ออกสไตล์แคชชวลมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นอย่างเราๆ

 

 

เริ่มตั้งแต่การตกแต่งร้านด้วยภาพเพ้นท์ผนังที่เนรมิตรร้านนี้ให้กลายเป็นเยาวราชในยุค 60s ซึ่งเป็นปีเกิดของเชฟปิง แซ่เตีย ผู้คิดค้นสูตรลับของร้านนี้ ด้านหลังเป็นครัวกระจกใส สามารถเดินไปดูเชฟปรุงอาหารได้แบบเรียลไทม์เพิ่มอรรถรสในการกินขึ้นไปอีกขั้น

 

 

 

อย่างที่บอกไปคือเมนูของร้านปรับปรุงให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ อย่างหูฉลามก็ขายในราคา 300 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูอลังการตามแบบฉบับปิงคิทเช่นอยู่ด้วยเช่นกัน อาทิ ปูผัดผงกะหรี่สไตล์ฮ่องกง (300 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมหมั่นโถวทอดที่อานุภาพความอร่อยรุนแรงระดับ 8 ริคเตอร์ กุ้งแม่น้ำอบวุ้นเส้น (960 บาท) และปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่างบัวลอยงาดำน้ำขิง (60 บาท)

 

 

ความดีงามที่เพิ่มขึ้นมาคือในช่วง 4 ทุ่มถึงตี 3 ร้านนี้มีโปรโมชั่นลดราคาติ่มซำ 50% เลยด้วยนะ ใครที่ชอบหิวตอนดึกก็มีพึ่งยามยากแล้วล่ะ

 

 

เม่งกี่คือร้านบะหมี่เป็ดย่างสไตล์ฮ่องกงที่แนะนำให้มาทานให้อิ่มท้อง เอาแรงก่อนไปต่อที่ร้านอื่น ทุกจานของที่นี่เสิร์ฟมาแบบอัดแน่นเต็มที่พร้อมกับความอร่อยจากต้นตำรับฮ่องกงแท้ๆ ที่คุณปอ สุภาวดี แพทย์นุเคราะห์ เจ้าของร้านสาวสวยลงทุนมาดูแลร้านด้วยตัวอง 

 

 

 

ด้วยความที่คอนเซ็ปท์ของร้านนี้คือฮ่องกงโรสท์ เมนูทีเด็ดคงหนีไม่พ้นเป็ดย่างสไตล์ฮ่องกง (390-690 บาท) บะหมี่ไก่ซีอิ้ว (80 บาท) และบะหมี่หมูกรอบ (90 บาท) ที่ผ่านการย่างแบบไม่ใช้น้ำมันจนกรอบ ถือเป็นเมนูทีเด็ดที่เราอยากให้ทุกคนมาลอง

 

 

ถ้าใครเคยมาทีโซนอารีน่า10 เป็นประจำก็น่าจะคุ้นตากับร้านราเมนร้านนี้ที่ความอร่อยคงเส้นคงวาจนอยู่คู่โซนนี้มาตั้งแต่ดั้งเดิม ปัจจุบันร้านราเมนโยเนดะยังอยู่ที่เดิมและยังคงเสิร์ฟความอร่อยผ่านสูตรราเมนสไตล์ฮากาตะต้นตำรับจากคิวชู มีคาแรคเตอร์เด่นคือเส้นราเมนแบบเล็กและเหนียวนุ่ม  

 

 

 

คาระราเมน หรือราเมนแดงเดือดพิเศษ (290 บาท) คือเมนูที่ร้านนี้ภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษ ความแดงเดือดของร้านนี้มีถึง 3 ระดับที่ได้มาจากการผสมพริกขี้หนูสวนและพริกเกาหลีเข้าด้วยกัน ส่วนตัวสำหรับคนไม่กินเผ็ดอย่างเรา ระดับสองก็คือเผ็ดจนแทบร้องไห้แล้วจ้า

 

 

ซึ่งถ้าใครไม่ทานเผ็ด เราขอแนะนำเป็นราเมนซุปกระดูกหมูสูตรออริจินัล (320 บาท) แน่นอนว่ามีความพิเศษอยู่ที่น้ำซุปกระดูกหมูซึ่งต้องใช้เวลาเคี่ยวถึง 2 วัน เพราะฉะนั้นเลยได้รสชาติที่เข้มข้นถูกใจคอราเมนตัวจริง

 

 

อิซากายะไสตล์ใหม่ที่รวมเอาความเป็นเอเชียทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน ไอเดียเริ่มจากคุณยูจีน ลิม หนุ่มสิงคโปรอัธยาศัยดีที่อยากทดลองทำร้านอิซากายะแบบไม่เหมือนใคร เริ่มจากการเอาเมนูปิ้งย่างจากทุกประเทศทั่วเอเชียทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินโดเนเซีย เวียดนามและไทย มารวมกัน 

 

 

หลักๆ แล้วสิ่งที่เราต้องทำก็แค่เลือกเมนูว่าอยากได้เป็นหมู ไก่ เนือ ผัก หรือซีฟู้ด แล้วความแปลกใหม่ก็จะมาเสิร์ฟตรงหน้า เช่นเมนูนี้คือหมูสามชั้นย่างซอสหวานสไตล์อินโดเนเซีย (59 บาท) และอีกหลากหลายเมนูหน้าตาแปลก อาทิ หนังไก่ (49 บาท) กุ้งกระเทียม (59 บาท) และทีเด็ดคือการเลือกเซ็ตเมนูแบบโอมากาเสะในราคา 150-250 บาท ซึ่งเชฟจะเลือกเมนูมาให้สำหรับเราเป็นพิเศษ

 

 

 

ด้วยบรรยากาศร้านที่ทำออกมาให้รู้สึกสนุกเหมาะกับการมานั่งชิลล์พร้อมแก๊งค์เพื่อน และถ้ามาที่นี่ต้องอย่าลืมสั่งสาเกมาจิบคู่กันด้วยนะ รับรองว่าติดใจนั่งเพลินไปถึงดึกดื่นแน่นอน

นอกจากทั้ง 4 ร้านอาหารที่ว่ามา ในเวิ้งนี้ก็ยังมีบาร์ค็อกเทลลับซ่อนอยู่ด้วยนะ แต่เดี่ยวเราจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ถ้าใครไปเดินเล่นที่เวิ้งนี้ก่อนก็ลองไปสืบหาดูแล้วกันนะ