ชีวิตของชาวกรุงเทพฯ ช่วงนี้ เดลิเวอรี่ส่งอาหารถึงบ้านคงแทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว แต่แม้ว่าใจหนึ่งจะเซ็งเศร้าที่ไม่สามารถออกไปนั่งลิ้มรสอาหารเคล้าคลอบรรยากาศเฉพาะของแต่ละร้านได้ แต่อีกแง่หนึ่ง การสั่งมากินที่บ้านก็กลายเป็นกิจกรรมสนุก ๆ ที่ทำให้เราได้ลองตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่า วันนี้จะลองสั่ง 'กล่อง' จากร้านไหนมาลองดี
สำหรับโจทย์ที่เราตั้งให้ตัวเองวันนี้ก็คือ จะต้องเป็นร้านที่มีทั้งอาหารไทยและฝรั่งให้เลือกสั่งครบจบในที่เดียว เพื่อแก้ปัญหาการตบตีกับเพื่อนร่วมห้องที่บางมื้อก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะสั่งจากร้านไหน อย่างวันนี้ที่ฉันอยากกินอาหารไทยแซ่บ ๆ นัว ๆ คนร่วมห้องร่วมบ้านก็เกิดอยากจะกินสปาเกตตี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น และนั่นจึงเป็นที่มาของการเลือกเปิดกล่องเดลิเวอรี่จาก Hoppe Coffeehouse ร้านอาหารที่ชื่อเหมือนจะขายแค่กาแฟ แต่จริงจังที่สุดในเรื่องอาหาร เพราะเมนูของเขาครอบคลุมตั้งแต่อาหารไทยหาทานยากอย่าง แกงเผ็ดลิ้นจี่ไก่ ไปจนถึงอาหารฝรั่งจ๋าอย่าง สปาเกตตี้โบโลเนส
ใครที่เคยผ่านไปมาแถวโครงการ Velaa Sindhorn Village ถ.หลังสวน น่าจะสะดุดตากับกำแพงสีเขียวน้ำทะเลและโลโก้ร้าน Hoppe Coffeehouse กันอยู่บ้าง โดยร้านนี้เป็นการแตกแบรนด์ย่อยออกมาจากสตูดิโอแบรนด์กราฟิกและอินทีเรียร์ดีไซน์ be>our>friend Studio ซึ่งร้านของเขาที่ Velaa Sindhorn Village ก็ตกแต่งออกมาได้สมกับเป็นร้านของนักออกแบบเลยล่ะ ทั้งการเล่นสีสันของเฟอร์นิเจอร์และการดึงกลิ่นอายของร้านอาหารในยุค 60-70 หรือที่เรียกว่าร้านอาหารแบบ 'คอฟฟี่เฮาส์' สมัยที่พ่อแม่เราไปเดตกันมาใส่ไว้ในร้าน เป็นร้านที่เราผ่านไปทีไรก็สะดุดตา
แต่วันนี้เราไม่ได้ไปนั่งที่ร้านของเขา เพราะฉะนั้นเราจะพูดกันเฉพาะในส่วนของอาหารล่ะนะ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า ร้านนี้เขาไม่ได้มีขายแค่กาแฟ แต่ชื่อห้อยท้าย 'คอฟฟี่เฮาส์' นั้นมาจากลักษณะของร้านสมัยก่อนที่เสิร์ฟทั้งกาแฟและอาหารแบบจริงจังทั้งไทยและฝรั่ง แบบว่ามาที่เดียวครบจบ เมนูต่าง ๆ ในร้านจึงเป็นอาหารจริงจังไล่ไปตั้งแต่อาหารจานเดียวจนถึงกับข้าวต่าง ๆ เราจึงเลือกสั่งทั้งฝั่งไทยและฝรั่งเป็นการ 'ลองของ' ให้ครบ และเพื่อสงบศึกกับเพื่อนร่วมบ้านที่อยากกินคนละแบบกับเราด้วย

ขอเริ่มจากฝั่งอาหารฝรั่งก่อน เมนูแรกที่เราสั่งมาลองก็คือ สปาเกตตี้โบโลเนสเนื้อ (ราคาปกติ 249 บาท แต่ช่วงนี้ลดสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ ทุกเมนู ถึงสิ้นเดือน เม.ย. ทุกเมนู เราจึงสั่งได้ในราคา 174 บาท) ชิมเข้าไปคำแรกก็ต้องยอมรับว่าซอสเนื้อของเขานั้นเข้มข้นและถึงเนื้อมากจริง ๆ แบบว่าถึงจะเคี่ยวจนเปื่อย แต่ก็ยังรับรสของเนื้อที่มากับกลิ่นหอมของเครื่องเทศได้เต็ม ๆ เสียดายว่าถ้าไปนั่งที่ร้านคงได้กินเส้นสปาเกตตี้ที่ลวกมาได้พอดีเด้งหนึบ แต่ด้วยความที่บ้านเราอยู่ค่อนข้างไกลจากร้าน กว่าพี่ไลน์แมนจะมาถึง เส้นของเราจึงเกินความสุกแบบเพอร์เฟกต์ไปแล้ว
จานถัดมาเป็นเมนู ไก่อบ HOPPE มันอบ และซอสเห็ด (ราคาปกติ 350 บาท ราคาลดแล้ว 175 บาท) เรายกให้จานนี้แหละเป็นจานโปรดของเรา ด้วยความที่เขาเลือกใช้น่องไก่ติดสะโพกซึ่งเป็นส่วนที่ชุ่มฉ่ำที่สุดของไก่ พอกินคู่กับซอสครีมเห็ดรสชาติหอมมันเข้มข้นเลยเสริมกันดีมาก ๆ ยิ่งจิ้มมันอบหั่นชิ้นที่ใส่มาเป็นเครื่องเคียงเข้าปาก ก็ยิ่งเข้ากัน
ขยับมาที่เมนูอาหารไทยกันบ้าง จานหลักของเมนูอาหารไทยที่เราเลือกมาก็คือ ข้าวโจรี (ราคาปกติ 190 บาท ราคาลดแล้ว 160 บาท) ที่เบสจริง ๆ แล้วก็คือข้าวคลุกกะปิกับหมูหวาน แต่ความพิเศษของเมนูนี้คือ เป็นขาวขยำน้ำพริกกะปิหอม ๆ ที่นอกจากจะเสิร์ฟมากับหมูหวานแล้ว เขายังจัดพล่ากุ้งเนื้อแน่นมาให้กินคู่กันด้วย นับเป็นจานที่คุ้มมาก ๆ สำหรับใครที่คิดอยากสั่งอาหารจานเดียวนะ เพราะได้ครบทั้งข้าว เนื้อสัตว์ และผัก และเจ้าข้าวขยำกะปินี่ทานกับพล่ากุ้งรสแซ่บแล้วเข้ากันดีแบบไม่น่าเชื่อ
มีข้าวแล้วก็ขอกับข้าวหน่อย เมนูต่อมาจึงเป็น แกงเผ็ดลิ้นจี่ไก่ (ราคาปกติ 220 บาท ราคาลดแล้ว 154 บาท) ที่ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเลยต้องขอจัดมาลองสักหน่อย ความประทับใจแรกก็คือทางร้านเลือกลิ้นจี่ลูกโตจัดมาให้แบบไม่หวง ความหวานของลิ้นจี่ตัดกับรสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องแกงได้ดี จนทำให้ตักกินคู่กับข้าวได้เพลิน ๆ เลย
เมนูไทยสุดท้ายที่สั่งมาล้างปาก (หรือเปล่า) ก็คือ ส้มตำปูปลาร้าต้มสุกแกล้มก้างปลาข้างเหลืองทอด (60 บาท) ที่เราอยากลองของว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดไหน พอชิมแล้วก็ต้องยอมรับว่า ของเขาเด็ดจริง โดยเฉพาะรสชาติความนัวและความหอมของน้ำปลาร้าที่ทำได้ 'ถึง' มาก ๆ ความดีความชอบอีกอย่างหนึ่งที่ขอยกให้เขาก็คือเส้นมะละกอที่เป็นแบบสับมือ เคี้ยวกรุบเพลิน ส่วนเจ้าก้างปลาข้างเหลืองทอดที่เขาใส่มาให้แกล้มก็กินคู่กับส้มตำได้ดีมาก ๆ เพราะสัมผัสกรุบกรอบและที่ตัดกับเทกซเจอร์ของเส้นมะละกอได้ดี
Soimilk Says: สำหรับเรา ร้านนี้ก็เป็นร้านที่สมควรบุ๊กมาร์กเอาไว้เป็นร้านสำหรับกดสั่งเวลาที่คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี หรือตกลงกับเพื่อนร่วมห้องไม่ได้ว่าอยากกินอาหารสัญชาติไหน เพราะเขามีเมนูแบบกินได้ทุกวันมาให้เลือกแบบครบเลยล่ะ ส่วนรสชาติของอาหารก็สมกับที่ทางร้านเขาเคลมความเป็น 'คอมฟอร์ตฟู้ด' หรืออาหารบ้าน ๆ แบบที่แม่เราทำให้กินตอนเด็ก ๆ แบบว่ารสชาติทานได้ทุกคนทุกวัย กินแล้วอยากกลับบ้านไปกินข้าวฝีมือแม่เลยอะ
Hoppe Coffeehouse โครงการ Velaa at Sindhorn Village ถ.หลังสวน เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 22:00 น. บริการเดลิเวอรี่ทาง Line Man หรือโทร โทร. 099-442-1592 ig.com/hoppecoffeehouse