Skip to main content
AdSense

เปิดมื้อกินดื่มหลังเลิกงานที่ Aunglo by Yangrak ร้านแฮงก์เอาต์ที่เสิร์ฟอิซากายะสไตล์ไทยใจกลางเจริญกรุง

ปักหมุดพิกัดร้านชาวแก๊งแห่งใหม่

เปิดมื้อกินดื่มหลังเลิกงานที่ Aunglo by Yangrak ร้านแฮงก์เอาต์ที่เสิร์ฟอิซากายะสไตล์ไทยใจกลางเจริญกรุง
October 25, 2021 Bangkok time
เมื่อพูดถึงย่านกลิ่นอายเมืองเก่าของกรุงเทพฯ หนึ่งในย่านที่สายเสพความคัลเจอร์ล้วนตกหลุมรักเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น 'เจริญกรุง' ย่านค้าขายเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความ 'ศิวิไลซ์' ที่ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายทั้งไทย แขก จีน และฝรั่งไว้ได้อย่างลงตัว  
 
และด้วยความที่สตอรี่ที่เป็นฉากหลังของย่านนี้คือการหลอมรวมของหลากหลายวัฒนธรรม การผลักประตูไม้บานหนักเข้าไปในร้านอาหารที่มีจุดเด่นเป็นการเสิร์ฟเมนูอาหารไทยในสไตล์อิซากายะจึงเป็นเหมือนกับการเดินเข้าไปสู่พื้นที่ที่สะท้อนเรื่องราวและเอกลักษณ์ของย่านเมืองเก่าแห่งนี้
 
 
Aunglo by Yangrak (อั้งโล่ บาย ย่างแรก) ตัวอยู่ในตึกแถวริม ถ.เจริญกรุง ซึ่งหากเราไม่ได้ตั้งใจมา ก็จะเดาไม่ออกเลยว่าหลังประตูไม้บานใหญ่นี้คือร้านหรือพื้นที่อะไร แต่เมื่อเราผลักประตูเข้าไปพบกับโต๊ะบาร์ทอดยาว ที่ข้างหลังนั้นพื้นที่ครัวซึ่งทีมเชฟกำลังรังสรรค์เมนูอาหารกันอย่างขะมักเขม้น เราก็พอจะเดาออกได้ว่านี่คือร้านอาหารสไตล์อิซากายะแบบญี่ปุ่นที่เน้นเสิร์ฟอาหารจานเล็กทำใหม่ ๆ จากเชฟแน่ ๆ
 
 
แต่ความเซอร์ไพรส์ของร้าน Aunglo by Yangrak ที่ชื่อร้านอ่านตรงตัวว่า 'อั้งโล่' ก็คือ แม้ว่าจะเสิร์ฟอาหารในสไตล์อิซากายะ แต่เมนูที่เขาเสิร์ฟกันที่นี่กลับเป็นเมนูอาหารไทยที่เราคุ้นเคยกันดี เพียงแต่นำมาดัดแปลงและเสริมความสร้างสรรค์ จนกลายเป็นเมนูอิซากายะสไตล์ไทย ๆ
 
 
Aunglo by Yangrak เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนที่ประกอบด้วยเชฟรุ่นใหม่ไฟแรงและคนที่สนใจการทำธุรกิจอาหารใหม่ในวิถีสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นร้านอาหารที่ตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การแชร์มื้ออาหารและบทสนทนาที่แปลกใหม่ระหว่างกลุ่มเพื่อนหลังเลิกงาน โดยใช้วิถีของอิซากายะที่คนหนุ่มสาวยุคใหม่น่าจะคุ้นเคยกันดีมาเป็นตัวกลาง เพื่อเสิร์ฟเมนูอาหารไทยสไตล์สร้างสรรค์ที่เชฟเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจมาจากทั้งวิถีของอาหารเหนือ อีสาน ใต้ ไปจนถึงสตรีตฟู้ดที่เราคุ้นเคยกันดี
 
 
'Better Comfort Food' จึงเป็นคอนเซปต์หลักของร้านอั้งโล่ ที่ตั้งใจเสิร์ฟเมนูที่เราคุ้นเคยถูกนำมารังสรรค์ใหม่ จานแรกที่เราได้ชิมจึงเป็นเมนูสามย่างไฮไลต์ของทางร้าน นั่นก็คือ ไก่สะเต๊ะกับผักดอง (55 บาท) หมูสามชั้นย่างพริกเกลือ (60 บาท) และ คอหมูย่างกะทิ (60 บาท) ซึ่งเมนูย่างทั้งสามไม้นี้ก็คือหมูย่างและไก่ย่างที่เราคุ้นเคยจากร้านรถเข็นข้างทาง แต่เชฟได้นำมาเพิ่มความสร้างสรรค์และใส่วัตถุดิบพิเศษเข้าไป เช่น ไก่สะเต๊ะที่จับคู่กับผักดองสูตรพิเศษของเชฟแทนอาจาด แล้วรวมทั้งหมดไว้ในคำเดียว คอหมูย่างกะทิที่ใช้เนื้อหมูส่วนคอมันแทรกนิด ๆ มาหมักด้วยกะทิกับน้ำปลาอย่างดี พร้อมด้วยสมุนไพรไทยและน้ำตาลมะพร้าว ส่วนหมูสามชั้นย่างพริกเกลือก็เพิ่มส่วนผสมพิเศษคือมะแขว่นที่ให้ความซ่านิด ๆ เข้าไป
 
 
จานถัดมาคือ ยําส้มโอ (150 บาท) เมนูสุดคลาสสิกที่เชฟปรุงด้วยความใส่ใจตั้งแต่การเผาน้ำพริกเองจนได้รสชาติน้ำพริกที่กลมกล่อมพอดีเข้ากับรสชาติเปรี้ยวอมหวานของส้มโอ ก่อนจะโปะหน้าด้วยโฟมกะทิเพื่อช่วยให้รสชาติทั้งหมดผสานเข้าด้วยกัน และที่ต้องใช้เป็นโฟมนั้นก็เพื่อไม่ให้กะทิคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่นมากเกินไป ส่วนส้มโอนั้นก็สั่งตรงมาจากสวนของเกษตรกรที่ปลอดสารพิษ
 
 
อีกจานคือ ลาบคั่วชีสและกุ้งย่าง (150 บาท) ที่มาจากความชอบส่วนตัวของเชฟที่ชอบกินข้าวโพดกับชีส จึงสรรหาวิธีที่จะทำให้ข้าวโพดกับชีสมาเจอกันได้ในวิถีทางใหม่ จนสุดท้ายก็ลงตัวที่การนำข้าวโพดกับชีสมาเจอกับเมนูลาบคั่วเห็ดรสจัดจ้านแบบทางเหนือ โดยมีจุดเด่นที่พริกลาบที่ใช้เครื่องเทศของภาคเหนือ โดยที่เชฟคั่วเอง และเติมผักแพว ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านของภาคเหนือและอีสานเข้าไปด้วย
 
 
และนอกจากเมนูอิซากายะที่เสิร์ฟแบบกินได้ทั้งทีเล่นทีจริง (และจะให้ดีที่สุดคือกินเป็นกับแกล้ม…) ทางร้านยังมีเมนูอาหารจานเดียวสำหรับชาวออฟฟิศที่เลิกงานแล้วอยากเติมพลังด้วยเมนูอิ่มหนัก ๆ ก่อนไปลุยชนแก้วคัมไป โดยเมนูที่เราขอแนะนำคือ ข้าวหมูแดงอั้งโล่กับน้ําพริกอั้งโล่ (159 บาท) ที่ตอบโจทย์คนแอนตี้ข้าวหมูแดงแห้ง ๆ อย่างเรายิ่งนัก เพราะเชฟใช้หมูสามชั้นมาหมักข้ามวันก่อนนำไปสโลว์คุก จนได้เป็นหมูแดงที่เชฟให้คำจำกัดความว่าเป็น 'หมูแดงในอุดมคติ' เสิร์ฟคู่กับผักกาดแก้วซอสน้ำปลาและน้ำพริกสูตรของทางร้านที่นำสมุนไพรพื้นบ้านไปย่างบนเตาถ่านแล้วค่อยนำมาตำ บอกไม่ถูกเลยว่าพระเอกของจานนี้คือหมูแดงหรือเครื่องเคียง เพราะกินทั้งสามอย่างด้วยกันแล้วเข้ากันดีสุด ๆ ถือเป็นเมนูเด็ดที่เราอยากให้ทุกคนมาลองสั่งกันดู
 
 
Soimilk Says: เราชอบคอนเซปต์การผสานอาหารไทย ๆ เข้ากับสไตล์แบบอิซากายะของทางร้าน ที่ทำให้รู้สึกว่าเราสามารถสนุกกับการลองเมนูที่เราคุ้นเคยในสไตล์ที่แตกต่างออกไปได้ ทุกเมนูที่นี่คือการได้มาทดลองชิมความสร้างสรรค์และความใส่ใจจากทีมเชฟ ที่สำคัญคือราคาไม่แรงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพและการเป็นอิซากายะ เหมาะกับการปักหมุดไว้เปิดมื้อกินดื่มหลังเลิกงานกับชาวแก๊งมาก!
 
Aunglo by Yangrak เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) 11:30 - 14:30 น. และ 17:30 - 21:00 น. ถ.เดโช ซ.สุรวงศ์ เขตบางรัก fb.com/aunglo.by.yangrak
AdSense
AdSense
AdSense