ในความทรงจำของผู้คนที่เคยผ่านไปมาในซ.พร้อมมิตร ภาพจำเกี่ยวกับตึกสีเขียวมะกอกเรียบ ๆ ที่ตัดด้วยกรอบไม้สีน้ำตาลเข้มดูอบอุ่น ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนในซอยนี้ อาจเป็นที่ตั้งของบูทีกโฮเทลขนาดเล็กที่ชื่อว่า OB OON Boutique Hotel หรือหากจะรู้วงในมากไปกว่านั้น ก็อาจจดจำว่าชั้นบนของที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Terra Architects แหล่งรวมตัวของสถาปนิกและเหล่าอินทีเรียร์ดีไซเนอร์หัวสร้างสรรค์ แต่เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ที่พื้นที่สีเขียวแสน 'อบอุ่น' แห่งนี้ได้เปิดต้อนรับผู้คนที่มีความสนใจนอกเหนือไปจากการหาที่พักแสนสบาย หรือนักสร้างสรรค์ที่จะมาออกแบบตึกรามบ้านช่อง เพราะตอนนี้พื้นที่ชั้นล่างของตึกอบอุ่นแห่งนี้ได้ถูกดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ของคนรักกาแฟที่มีชื่อว่า WBD Cafe

WBD Cafe เกิดมาจากความรักในงานคราฟต์ของกลุ่มเพื่อนนักตกแต่งภายใน ที่ขอวางดินสอและไม้ทีมาจับเครื่องชงกาแฟและช้อนตวง เพื่อสร้างสรรค์เป็นพื้นที่งานคราฟต์ที่กินได้ทั้งในรูปแบบของกาแฟและขนมที่สวยงามราวกับงานศิลป์ ดำเนินงานโดย 2 หัวเรือหลักคือ คุณแบงค์ กิตติชล เรืองพุ่ม และ คุณปุ้ย ลัดดา บุตรพรม อินทีเรียร์ดีไซเนอร์จาก Terra Architects ชั้นบน ที่วันดีคืนดีก็ขอมายึดพื้นที่โซนต้อนรับชั้นล่าง เพื่อสร้างเป็นพื้นที่อบอวลด้วยกลิ่นกาแฟและขนมหวาน

คุณแบงค์และคุณปุ้ยช่วยกันเล่าถึงที่มาที่ไปของการขออนุญาตยึดพื้นที่ต้อนรับของ OB OON Boutique Hotel อย่างละมุนละม่อมมาเป็นพื้นที่เสิร์ฟกาแฟและขนม โดยคุณปุ้ยนั้นเป็นคนที่รักการทำขนมอยู่แล้ว และก็ขายขนมหน้าตาสุดประณีตผ่านช่องทางอินสตาแกรมในชื่อ Bulanda Bakes ส่วนคุณแบงค์คืออินทีเรียร์ดีไซเนอร์ที่ไม่เคยติดใจในรสชาติของกาแฟ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ออกแบบร้านกาแฟ เขาจึงต้องพาตัวเองเข้าไปคลุกวงในในโลกของกาแฟ เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่คอกาแฟต้องการ จนเมื่อรู้ตัวอีกที คุณแบงค์ก็กลายเป็นนักสะสมเมล็ดกาแฟที่เสาะหาเมล็ดกาแฟแปลกใหม่มาลองคั่วชิม โดยสิ่งที่เขาสนใจเป็นพิเศษก็คือบรรดากลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดแต่ละชนิด

ความพิเศษของเมล็ดกาแฟที่คุณแบงค์สรรหามาให้คนรักกาแฟได้ลองผลักประตูเข้ามาเลือกเสพอยู่ตรงการเน้นเมล็ดกาแฟที่ให้กลิ่นของเหล่าดอกไม้พรรณพฤกษาต่าง ๆ โดยคุณแบงค์ได้แรงบันดาลใจมาจากพื้นที่ของโรงแรม ซึ่งสร้างขึ้นมาตามความชอบของ คุณยายอุ่นเรือน คุณยายของผู้ก่อตั้ง Terra Architects ที่ต้องการจะสร้างโรงแรมที่มีบรรยากาศอบอุ่นของบ้าน ซึ่งนอกจากพื้นที่ภายในจะถูกตกแต่งด้วยของเก่าและของใช้ที่ใช้ในบ้านจริง ๆ แล้ว ทุกพื้นที่ภายในโรงแรมยังอบอวลด้วยกลิ่นดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คุณยายชื่นชอบ คุณแบงค์จึงต้องการที่จะสานเรื่องราวเหล่านี้ไปกับกาแฟแต่ละแก้วที่เสิร์ฟออกไป โดยได้เลือกเมล็ดกาแฟที่ให้กลิ่นหอมแบบดอกกุหลาบ ไปจนถึงกาแฟที่ให้กลิ่นดอกไม้โทนสีขาวและสีม่วงมาเบลนด์สำหรับใช้ในร้าน

ด้วยเหตุนี้ แก้วแรกที่คุณแบงค์ภูมิใจนำเสนอให้เราก็คือ Hot Americano ที่ทำการดริปจากเมล็ดกาแฟ Costa Rica Canet Musician Series Mozart ที่เมื่อจิบเข้าปากแล้วก็ได้รับกลิ่นกุหลาบอบอวลในผัสสะรับกลิ่นจนทำให้แอบงง เพราะแม้ว่ารสชาติที่กำลังดื่มด่ำจะเป็นรสชาติกาแฟเข้มข้น แต่กลิ่นที่ได้รับกลับเป็นกลิ่นกุหลาบชัดเจน เป็นแก้วที่ทำให้เซอร์ไพรส์และค่อย ๆ ละเลียดไปเพลิน ๆ ได้ชิลล์ ๆ

แก้วต่อมาคือ Dirty ที่ใช้เมล็ดกาแฟจากโรงคั่วกาแฟปางขอน จ.เชียงราย แก้วนี้ทำออกมาได้เข้มข้นเข้า หอม นุ่ม ยังได้รับรสชาติของกาแฟเต็ม ๆ แบบไม่เสียท่าให้ความมันของนม

แก้วต่อมาที่คุณแบงค์กดมาให้ 'ลองของ' ก็คือ Nitro Cold Brew ที่พอซดเข้าไปแล้วก็แอบคิดไปว่าจะเมามั้ยเรา เพราะเผลอนึกไปว่ากำลังจิบฟองเบียร์นุ่ม ๆ เย็น ๆ เป็นแก้วที่เราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งของที่ต้องลองเลยแล้วกัน

มาถึงส่วนของขนมที่ถ้าใครไปที่ WBD ต่อจากนี้ไปก็จะได้ลองชิมแบบไม่ต้องต่อรอคิวสั่งจากไอจีร้านกันอีกแล้ว โดยคุณปุ้ยก็ไม่พลาดที่จะนำดาวเด่นของ Bulanda Bakes อย่างคู่หู Take My Heart และ Take My Leg มาวางประจำร้าน โดยเจ้าขนมที่มีหน้าตาและชื่อจั๊กจี้หัวใจ 2 ตัวนี้ก็คือ บราวนี่ช็อกโกแลตและเรดเวลเวต ที่มีความพิเศษอยู่ตรงที่การเป็นสูตร Flourless หรือเค้ก 'ไร้แป้ง' นั่นเอง ซึ่งคู่หูคู่นี้เป็นตัวท็อปขายดีประจำร้านอยู่แล้ว พอเราได้มาลองชิมก็รู้เลยว่าทำไมใคร ๆ ถึงเลิฟ เพราะความหนั่นแน่นของตัวเค้กที่มาพร้อมกับรสชาติสุดเข้มข้น ทำให้เราอยากมอบทั้งตัวทั้งใจให้เขาไปเลยจริง ๆ เราเลิฟความหวานน้อยของตัวเค้ก ที่ทำให้เราสามารถรับรสชาติของวัตถุดิบและบรรดาผลไม้กับช็อกโกแลตแต่งหน้าได้อย่างครบถ้วน กลายเป็นหนึ่งคำที่อัดแน่นด้วยรสชาติที่ออร์แกนิกมาก ๆ ตัวนี้ต้องสั่งจริง ๆ นะ!

ต่อมาเป็นแก๊งเค้กที่ทำออกมาเป็นรูปวงโดนัท ซึ่งคุณปุ้ยรังสรรค์รสชาติมาจากกลิ่นกุหลาบซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของที่นี่ แก๊งนี้จึงประกอบไปด้วย เค้กลิ้นจี่โรส ที่ตัวเค้กแทรกด้วยเนื้อลิ้นจี่ฉ่ำข้างใน ราดด้วยเกลซที่เป็นรสชาติของลิ้นจี่ผสมกุหลาบ ชิ้นนี้เหมาะทานคู่กับอเมริกาโนกลิ่นกุหลาบให้จิตใจเราเบ่งบานราวทุ่งดอกไม้ไปเลย ส่วนอีกชิ้นเป็น เค้กเอิร์ลเกรย์ ที่มีตัวเกลซเป็นเลมอน คำแรกที่เข้าปากก็ได้รับกลิ่นเอิร์ลเกรย์หอม ๆ ฟุ้ง ๆ เต็มโพรงจมูกไปเลย

ส่วนอีกแก๊งจะเป็นทาร์ตต่าง ๆ เช่น แอปเปิลและเลมอนทาร์ต 2 ตัวนี้เลือกทานตัวไหนก็ไม่ผิดหวัง ทั้งเลมอนทาร์ตที่ทำจากแป้งฝรั่งเศสและกลิ่นเลมอนหอมสดชื่น หรือแอปเปิลทาร์ตที่ใช้แอปเปิลเขียวฝาน โดยด้วยบราวน์ชูการ์และซินนามอน แนะนำให้พาเพื่อนไปแล้วแบ่งกันสั่ง แต่อยากให้ลองทานทุกตัวเลยจริง ๆ

Soimilk Says: จากความตั้งใจของทั้งคุณแบงค์และคุณปุ้ยที่จะสร้างพื้นที่งานคราฟต์กินได้ในใจกลางสุขุมวิท เราก็อยากเชิญชวนทุกคนที่ไม่ได้แค่สนใจในรสชาติ แต่รวมไปถึงเรื่องราวเบื้องหลังของกาแฟแต่ละแก้วและขนมแต่ละเมนู ให้มาลองใช้เวลาสาย ๆ หรือบ่าย ๆ ณ พื้นที่แห่งนี้ ลิ้มรสชาติกาแฟจากเมล็ดแต่ละชนิดที่คุณแบงค์ไปเสาะแสวงหามาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้เลือกชิม คู่ไปกับขนมรสชาติแสนปราณีตที่คุณปุ้ยใส่เรื่องเล่าลงไปในทุกขั้นตอน สำหรับเรา ที่นี่เป็นพื้นที่ที่สามารถมาละเลียดเวลาได้อย่างสบายใจแบบไม่ต้องเกร็ง และก็มั่นใจได้ว่าทุกเมนูล้วนไม่ทำให้ผิดหวัง ยังไงก็ลองมากันให้ได้นะ
WBD Cafe เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) 8:00 - 17:00 น. ชั้นแรกของ OB OON Boutique Hotel ซ.พร้อมมิตร หรือ ซ.สุขุทวิท 49/6 BTS ทองหล่อ หรือ พร้อมพงษ์ แล้วต่อพี่วิน โทร 092-684-7828 fb.com/wbdhomecafe