เมื่อพูดถึงย่านบางขุนนนท์ สิ่งที่หลายคนน่าจะนึกถึงกันเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นการเป็นย่านรวมของกินแสนอร่อยที่มีให้เลือกเดินเลือกชิมทั้งสองฝั่งถนนได้ทั้งวัน ทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวตำลึงชื่อดังที่ตั้งอยู่เรียงราย แต่เดินสะดุดเข้าร้านไหนก็อร่อย ร้านบะหมี่ก้ามปูเจ้าดังดั้งเดิม ไปจนถึงร้านผลไม้ในห้องแถวเก่าแก่ที่มีทีเด็ดเป็นบรรดาผลไม้ดองและแช่อิ่มที่ทำกันสด ๆ ทุกวัน ไปจนถึงร้านขนมเบื้อง เรียกว่ามีครบคอร์สครบเมนูสตรีตฟู้ดสไตล์ไทย ๆ เลยทีเดียวล่ะ
แต่สำหรับเราที่ปักหลักอาศัยอยู่ในย่านนี้มาตั้งแต่หลังเรียนจบใหม่ ๆ บางขุนนนท์เป็นย่านอยู่อาศัยแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายเมืองเก่าที่มีจังหวะเนิบช้า แต่มีชีวิตชีวา เพียงแค่หักรถเลี้ยวเข้ามาในแยกบางขุนนนท์ ก็ราวกับเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ตัดขาดจากบรรยากาศความจอแจข้างนอก เป็นย่านอยู่อาศัยริมคลองบางกอกน้อยที่มีวิถีชีวิตริมน้ำในจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ด้วยความที่รักในจังหวะการใช้ชีวิตของย่านนี้ เมื่อเราได้ข่าวว่า บางขุนนนท์ได้ต้อนรับพื้นที่ใหม่ที่เป็าร้านกาแฟ Spacialty สายลึก เราจึงไม่รีรอขอผลักประตูเข้าไปทำความรู้จักกับผู้ที่นำจังหวะใหม่มาสู่บางขุนนนท์แห่งนี้กันสักหน่อย
Tea La Soul เกิดมาจากความรักในกาแฟของ คุณสตางค์ ศิรเมศร์ รวงผึ้งวีระโชติ มือกลองของวง บ้านกูเอง ที่ขอวางไม้กลองจากช่วงที่ไม่ได้ทำงานวงมาจับที่ดริปกาแฟ ตามหัวใจของตัวเองที่พบแพชชันใหม่ในกลิ่นและรสของกาแฟ
เอ็มวีเพลง ทำเพื่อฉันคือเธอทำเพื่อตัวเอง ที่ใช้ร้านเป็นสถานที่ถ่ายทำ
คุณสตางค์อธิบายว่า สิ่งที่ทำให้เขาสนใจในศิลปะการทำกาแฟก็คือการค้นพบว่า กรรมวิธีการทำกาแฟนั้นมีจังหวะไม่ต่างกับเสียงดนตรี ตั้งแต่การคั่วเมล็ด การตวง การเติมน้ำ หรือช่วงเวลาที่รอให้กาแฟค่อย ๆ กลั่นตัว นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Tea La Soul ที่เขาตั้งใจให้ออกเสียงคล้าย ๆ กับโน้ตดนตรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเจ้าความรักของเขา
และเพราะที่บ้านเองก็ทำธุรกิจขายอุปกรณ์และเมล็ดกาแฟ ที่ Tea La Soul จึงมีสารพัดเมล็ดกาแฟให้เลือกให้ลองตามความชอบของผู้สนใจ โดยเมล็ดกาแฟที่นี่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละวัน ซึ่งเราก็สามารถไปนั่งที่บาร์และชวนคุณสตางค์คุยเรื่องเมล็ดกาแฟได้ทั้งวัน รวมถึงใครที่ลังเลไม่แน่ใจว่ามู้ดวันนี้อยากได้กาแฟแบบไหน ก็สามารถขอให้เขาแนะนำและจับคู่เมล็ดกาแฟกับเมนูต่าง ๆ ได้ อยากได้คั่วอ่อน กลาง เข้ม ก็ว่ามา ซึ่งบอกก่อนเลยว่าเมนูกาแฟของที่นี่จะไม่หวือหวามาก เพราะทีเด็ดเขาอยู่ตรงที่การคิวเรตเมล็ดกาแฟ เพื่อให้คนชอบกินกาแฟสายลึกได้มานั่งดื่มด่ำกับกาแฟตัวโปรดกัน
เมนูแรกที่เราได้ชิมจึงเป็นเมนู Filter Coffee (100+ บาท) ที่ในวันนี้เราได้ลองเมล็ดกาแฟจากบราซิล มีความพิเศษตรงที่รสชาติออกคาราเมลและเฮเซลนัตที่ปลายลิ้น เหมาะสำหรับสายเข้มกลาง ๆ ที่ไม่ชอบกาแฟเปรี้ยวแบบเรา ที่สำคัญคือกลิ่นหอมติดวานิลลานิด ๆ ตัวนี้เหมาะสำหรับวันที่ต้องการเติมกาแฟเข้าเส้นมาก ๆ
เมนูต่อมาคือ Iced Latte (55 บาท) ที่คุณสตางค์เลือกใช้เมล็ดเบลนด์ที่ให้ความเปรี้ยวของเบอร์รีต่าง ๆ มาทำเป็นกาแฟนมแก้วนี้ ถึงจะออกตัวก่อนแล้วว่าไม่ใช่สายกาแฟเปรี้ยว แต่ต้องยอมรับว่าแก้วนี้ได้ใจเราเต็ม ๆ ด้วยความที่เมล็ดกาแฟตัวนี้เป็นเบลนด์แบบคั่วกลางที่ยังมีความเข้มแบบที่เราชอบอยู่ และทางร้านก็บาลานซ์นมกับตัวกาแฟได้ดี แก้วนี้ดื่มง่าย เหมาะเป็นเมนูประจำ
ตัวต่อมาคือ กาแฟเวียดนาม ซึ่งเป็นเมนูที่เราอยากให้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อลองเมนูนี้ เพราะต้องใช้เวลาในการรอกาแฟค่อย ๆ กลั่นตัว ไอเดียของเมนูนี้มาจากกาแฟเวียดนามที่เราคุ้นเคยกันดี แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีนมข้น และคุณสตางค์มองว่ากรรมวิธีการทำกาแฟแบบนี้เหมาะกับเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนที่มีรสชาติความเปรี้ยวของผลไม้นิด ๆ ชุ่มคอดี จึงออกมาเป็นเมนูนี้ที่เราอยากแนะนำให้ลองสั่งมาละเลียดกันดู
นอกจากเมนูกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูน็อนคาเฟอีนให้เลือกสั่งอีกมากมาย แต่ที่เราขอลองในวันนั้นจะเป็น Tea La Soul (80 บาท) ตัวซิกเนเจอร์ของทางร้านที่เป็นชานมไต้หวันบวกกับเจลลี่บุกที่ทางร้านทำเอง เราประทับใจในความไม่ต้องสั่งหวานน้อยก็ได้รสชาติหวานมันกำลังดี ขนาดไม่ใช่สายชานมไข่มุก แต่นี่ก็ดูดเพลินจนรู้ตัวอีกทีหมดแก้วแล้วจ้า
Soimilk Says: สำหรับเราที่เป็นคนย่านนี้ การมีร้านกาแฟสายลึกแบบนี้มาเปิดใกล้บ้านนั้นดีต่อใจมาก ๆ ถึงแม้จะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ก็อัดแน่นด้วยความตั้งใจของบาริสต้า และคุณภาพคับแก้วจริง ๆ ใครสนใจบทสนทนากาแฟสายลึกก็มาหาได้ที่นี่เลยจ้า
Tea La Soul เวลาทำการ ทุกวัน 9:00 - 17:00 น. ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซ.บางขุนนนท์ 15 MRT บางขุนนนท์แล้วเดินต่อ หรือต่อรถแดง หน้าร้านสะดุดตาเพราะเจ้าของร้านตั้งใจไม่ติดป้ายร้าน เปิดไว้ว่าง ๆ เผื่อโฆษณาเข้า อิอิ
