เชื่อว่าชาวกาแฟและเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์แห่งกรุงเทพฯ ย่อมต้องคุ้นเคยกับชื่อของ Sarnies กันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเวลา 2 ปีมาแล้ว ที่ร้านกาแฟชื่อดังจากสิงคโปร์แบรนด์นี้ได้บินลัดฟ้ามาปักหลักเสิร์ฟเมนูกาแฟสายลึกและเมนูสไตล์โฮมคุกสาขาแรกในกรุงเทพฯ ณ ย่านเจริญกรุง และปักหลักเป็นพื้นที่กรุ่นกลิ่นกาแฟในบรรยากาศกลิ่นอายเมืองเก่าที่ต้อนรับทั้งคนที่หลงรักการละเลียดกาแฟและเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์สายอินสตาแกรม

ข่าวดีก็คือตอนนี้ Sarnies ได้ขยับขยายพื้นที่มาปักหลักเสิร์ฟกาแฟและอาหารกันใจกลางเมืองกรุงฯ ณ ซ.ต้นสน โดยบ้านใหม่ของ Sarnies หลังนี้ก็มาพร้อมกับความพิเศษตรงที่เขามาในรูปแบบของ Sarnies Roastery คาเฟ่พ่วงโรงคั่วที่ไม่เพียงเสิร์ฟกาแฟคั่วใหม่จากเตาคั่วให้กับลูกค้าทุกคนที่สั่งเมนูกาแฟที่นี่ แต่โรงคั่วกาแฟที่ Sarnies Roastery ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักในการกระจายเมล็ดกาแฟคั่วใหม่ไปยังสาขาที่เจริญกรุง และส่งตรงถึงคนรักกาแฟทุกคนที่กดสั่งเมล็ดกาแฟของเขาไปชงกาแฟแก้วโปรดเองที่บ้านด้วย!

เมื่อก้าวเข้ามาใน Sarnies Roastery เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความโฮมมี่จากที่เคล้าคลอด้วยเสียงเตาคั่วกาแฟ โดยการออกแบบสาขานี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้นั่งใช้เวลากับกาแฟและเมนูอาหารเช้าสุดโปรดที่บ้าน

แรงบันดาลใจในการออกแบบ Sarnies สาขานี้มาจากสตอรี่และบรรยากาศของพื้นที่ ซ.ต้นสน ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการเป็นย่านที่อยู่อาศัยแสนสงบ ซ่อนตัวจากความวุ่นวายและวิวของตึกสูงอยู่หลังร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ บวกกับความที่บนถนนเล็ก ๆ เส้นนี้สามารถมองเห็นบ้านและตึกเก่าในสไตล์การออกแบบยุค 70s มากมาย ที่นี่จึงโดดเด่นด้วยการเป็นพื้นที่เสิร์ฟกาแฟและอาหารเช้าที่เบลนด์อินไปกับพื้นที่ เหมือนเป็นบ้านหลังหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยนี้

สำหรับความพิเศษของเมนูที่ Sarnies Roastery ก็อยู่ที่บรรดาเมนูเบเกอรีและเพสตรีที่จะมีสลับหมุนเวียนกันมาให้เลือกมากกว่าที่สาขาแรก เช่นกันกับเมนูกาแฟที่จะมีเบลนด์ใหม่ ๆ ให้เราได้ลองเลือกชิมแตกต่างกันไปในแต่ละวัน

แต่ที่พิเศษจริง ๆ ก็คือเมนูแซนด์วิชที่เป็นเมนูยืนพื้นของทางร้านมาตั้งแต่ตอนยังอยู่ที่สิงคโปร์ ซึ่งถ้าใครเคยไปเยือน Sarnies ที่เจริญกรุงแล้วติดใจกับชอยส์เมนูแซนด์วิชที่มีให้เลือกแบบละลานตา ก็น่าจะถูกใจตัวเลือแซนด์วิชที่น่ากินไปเสียทุกเมนูที่ Sarnies Roastery แต่วันนี้ที่เราเลือกสั่งจะเป็นตัวใหม่ของทางร้านที่มีเฉพาะแค่สาขานี้อย่าง Smashed Avocado On Toast (325 บาท) ที่เป็นขนมปังซาวร์โดสูตรเฉพาะของทางร้าน ท็อปด้วยอะโวคาโดบดเนื้อเนียนหอมมัน เสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศอบแห้งและสโมกแซลมอน โปะด้วยลาเบินหรือโยเกิร์ตชีส ที่ให้รสเปรี้ยวตัดกับความนวลของตัวอะโวคาโด เราชอบที่เขาปรุงรสด้วยเครื่องเทศอย่างดุกกาห์ที่ทำให้รสชาติของทั้งอะโวคาโด สโมกแซลมอน และชีสเปรี้ยวกลมกล่อมลงตัว

ในส่วนของเมนูเพสตรีและขนมอบที่แค่เดินเข้ามาก็ถูกเชิญชวนด้วยกลิ่นหอมที่โชยมาจากเตาอบร้อน ๆ เราขอเลือกชิมเป็น Sourdough Croissant (80 บาท) เมนูภูมิใจเสนอของทางร้านที่มีเสิร์ฟเฉพาะที่สาขานี้เช่นกัน เรารักความหนึบของตัวแป้งด้านในที่ตัดกับความกรุบกรอบของผิวด้านนอกมาก ๆ เป็นสัมผัสที่เรารู้สึกว่าแตกต่างจากครัวซองที่เคยกินมาจริง ๆ ใครเป็นทาสรักครัวซองเราขอให้มาลองของที่นี่แบบด่วน ๆ

อีกหนึ่งเมนูที่เอาใจเราไปเต็ม ๆ คือ Apple Miso Danish (140 บาท) เดนิชเนื้อฉ่ำที่ผสานกับความหวานอมเปรี้ยวของไส้แอปเปิลได้ชื่นใจเรานัก แต่ที่โดดเด่นมาก ๆ คือซอสมิโสะคาราเมลที่เข้มข้น ได้รสถั่วเต็ม ๆ และมีความเค็มที่ช่วยตัดรสให้ทั้งคำเข้ากันได้ดี
แต่เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่เราอยากให้ลองชิมกันก็คือ White Coffee Lemonade (เริ่มต้นที่ 100 บาท) ซึ่งเป็นเมนูที่ขอยกให้เป็นเซอร์ไพรส์ที่ประทับใจที่สุดของวัน โดยเมนูนี้เป็นเมนูทดลองของทาง Sarnies ที่ต้องการจะศึกษาศาสตร์เครื่องดื่มหมัก จึงกลายมาเป็นเมนูกาแฟที่เกิดจากการนำนมไปอินฟิวส์กับน้ำมะนาว หมักไว้ข้ามคืน แล้วค่อยใส่เมล็ดกาแฟลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นกาแฟ จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการกรองเพื่อแยกเอาโปรตีนออก เหลือเพียงน้ำใส ๆ รสชาติสดชื่นที่มีกลิ่นของกาแฟ เมนูนี้เหมาะจะเป็นเมนูเรียกความสดชื่นตอนบ่ายมาก ๆ


สำหรับคอกาแฟสายลึก เราสามารถเลือกได้ว่าวันนี้อยากลองเมล็ดกาแฟตัวไหน ไปจนถึงขั้นเลือกได้ว่าจะลองระดับความคั่วแบบอ่อน กลาง หรือเข้ม ส่วนตัวเราขอเลือกเป็นระดับความคั่วกลางที่ไม่ถึงดับเข้มจนตาตึง แต่ยังให้กลิ่นเข้มข้นชวนตื่น โดยเบลนด์ที่เราเลือกลองในวันนั้นเป็นตัว Mr. Darkside Blend ซึ่งเป็นเบลนด์เฉพาะของทาง Sarnies มีความโดดเด่นที่รสชาติซึ่งมีความเป็นดาร์กช็อกโกแลตนิด ๆ และให้กลิ่นหอมของมอลต์คั่ว เราเลือกสั่งเป็นเมนู Coffee Filter (115 บาท) เพราะอยากค่อย ๆ ละเลียด ระหว่างที่จิบไปก็คิดไปว่าถ้ามีโอกาสได้มาลองเมล็ดกาแฟใหม่ ๆ ของที่นี่ทุกวันคงเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีสุด ๆ

Soimilk Says: เรารักบรรยากาศความโฮมมี่และการเน้นแสงธรรมชาติของที่นี่มาก ๆ การจัดโต๊ะภายในร้านก็สามารถจัดสรรพื้นที่ได้ดีจนเราสามารถหอบหิ้วโน้ตบุ๊กมานั่งทำงานได้ทั้งวันแบบไม่อึดอัด (ทางร้านกระซิบมาว่ายินดีให้มาใช้บริการได้ทั้งวัน พร้อมทั้งเตรียมปลั๊กไฟไว้สำหรับทุกโต๊ะด้วย) ในส่วนของเมนูก็ยังคงความเป็น All Day Breakfast ที่ครบครัน อร่อย ดีต่อใจ เช่นเดียวกับเมนูกาแฟที่ทั้งสายทดลองและสายลึกก็น่าจะฟินกันได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสปอตที่น่าปักหมุดไว้เป็นพื้นที่สำหรับการมานั่งทอดอารมณ์ได้เรื่อย ๆ ตามใจอยาก
Sarnies Roastery เวลาทำการ ทุกวัน 7:30 - 17:00 น. เลขที่ 34 ซ.ต้นสน BTS เพลินจิต แล้วเดินต่อ