สำหรับชาวไทยอย่างเรา ภาพจำเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณรอบวัดพระแก้ว ไล่ไปจนถึงวัดโพธิ์ ก็คงหนีไม่พ้นบรรยากาศความคึกคักจอแจของนักท่องเที่ยวทั้งไท่กั๋ว (คนจีนเรียกไทย) จงกั๋ว (คนจีนเรียกจีน) จนเป็นการยากที่จะนึกว่า ท่ามกลางสีสันและความคึกคักของบรรยากาศการท่องเที่ยวเช่นนี้ จะไปหามุมพักใจแบบสงบ ๆ สบาย ๆ ให้ไปนั่งปล่อยใจทอดอารมณ์กันได้ที่ไหน

แต่หากลองขยับออกมาสักนิด เดินข้ามถนนมายังบริเวณที่เรียกว่า ท่าเตียน เดินเข้าตรอกซอกซอยมาสักนิด เราก็จะพบว่า ในพื้นที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นหับการขนส่งสินค้าทางน้ำที่คึกคักที่สุดของพระนคร กลับมีตึกแถว 3 ชั้น เล็ก ๆ ซ่อนอยู่ ที่แค่ผลักประตูเข้าไป เราก็จะพบกับบรรยากาศของความผ่อนคลายที่เชื้อเชิญให้เรานั่งลงพักใจที่ว้าวุ่นจากความจอแจและไอร้อนด้านนอก แล้วปลอบประโลมตัวเองด้วยกาแฟดี ๆ สักแก้ว

Ports Cafe คือพื้นที่ที่ว่ามานั้นอันเกิดจากการที่ คุณพล ภัคพล วิเศษผลิตผล แปลงตึกแถวของครอบครัวที่ในอดีตเคยเป็นโกดังเก็บสินค้า ให้กลายเป็นพื้นที่นั่งพักใจของผู้หลงใหลในกลิ่นอายเมืองเก่า แต่แสวงหาบรรยากาศของความสงบผ่อนคลายและการปลอบประโลมจากกาแฟดี ๆ สักแก้ว โดยความตั้งใจนั้นก็ถ่ายทอดออกมาเป็นการรีโนเวตตึกแถวเก่าแก่แห่งนี้ด้วยการเติมความเรียบง่ายสไตล์มินิมอลยุคใหม่ลงไป แต่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมตึกเก่าเอาไว้เพื่อให้เห็นร่องรอยของอดีตก่อนที่จะมาเป็นร้านกาแฟ


เมนูเครื่องดื่มและขนมที่ Ports Cafe อาจไม่ได้มีให้เลือกมากมายแบบอลังการตระการตา แต่เราเลือกจิ้มเมนูไหนมาชิมก็ไม่ผิดหวัง ทำให้รู้สึกได้ถึงความมั่นใจในการคิวเรทแต่ละเมนูของเขา
เมนูแรกที่ทางร้านแนะนำให้เราลองก็คือ Dalgona Latte (120 บาท) เมนูที่เคยเป็นไวรัลฮิตในช่วงกักตัวที่ผ่านมาที่มีเอกลักษ์เด่นคือการตีกาแฟให้เป็นฟองแล้วเทท็อปด้านบน ซึ่งทัลโกนาของที่ร้านจะไม่ได้มาเป็นฟองกาแฟข้น ๆ แบบที่เห็นกันในคลิป แต่เป็นการเสิร์ฟทัลโกนา ซึ่งเป็นขนมดั้งเดิมของชาวเกาหลีที่เป็นแผ่นน้ำตาลบด ท็อปมาบนกาแฟนมหอม ๆ ที่เบสมาแบบไม่หวาน เพื่อที่เวลาดื่มกับแผ่นน้ำตาลด้านบนแล้วจะไม่หวานบาดคอ ซึ่งแก้วนี้เป็นแก้วที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์สำหรับเราที่เป็นคนชอบดื่มเมนูกาแฟนมแบบง่าย ๆ ไม่หวือหวา แต่พบว่าแก้วนี้จิบได้เพลิน ๆ เรื่อย ๆ แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ และแอบเพลินกับแผ่นน้ำตาลด้านบนแบบไม่รู้สึกผิดบาป

แก้วต่อมาคือ Hojicha (100 บาท) เมนูน็อนคอฟฟี่สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟ ที่คุณภาพและรสชาติคือคับแก้ว ตัวชายังคงให้ความหอมและรสชาติเข้มข้น แต่ไม่เฝื่อนขมจนต้องขอลา ใครที่เป็นสายกาแฟแต่วันนี้เกิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แก้วนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

เมนูกาแฟสุดท้ายที่เราเลือกชิมในวันนั้น เนื่องจากอยากลองอะไรที่ซิมเปิลที่สุด เราจึงขอเลือกเป็น ลาเต้ร้อน (90 บาท) ซึ่งที่ร้านจะมีเมล็ดกาแฟให้เราเลือก 2 ตัวคือ เฮาส์เบลนด์ที่เป็นเมล็ดกาแฟบราซิลกับลาวมาคั่วด้วยกัน ตัวนี้จะให้ความหอมของช็อกโกแล็ตและความนัตตี้ ส่วนสเปเชียลเบลนด์ของทางร้านคือเมล็ดเอธิโอเปีย คอสตาริกา และลาว ที่ใส่ลงมาเพื่อตัดไม่ให้ออกเปรี้ยวเกินไป ต้วนี้จะให้ความเปรี้ยวและฟรุตตี้เบา ๆ ไม่แรงมาก เราเลือกลองเป็นตัวสเปเชียลเบลนด์ซึ่งก็พบว่าได้ใจคนที่ไม่ค่อยชอบกาแฟเปรี้ยวมากนักอย่างเรา แก้วนี้ได้ความเข้มข้นและรสเปรี้ยวจาง ๆ ที่พอให้ความสดชื่นเบา ๆ

ส่วนเมนูขนมของร้าน วันนี้เราไปทันขนมกาเนเล่ของเขาที่ทางร้านแอบกระซิบมาว่า หมดตั้งแต่ก่อนเที่ยงเป็นประจำ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันเมนูนี้จะเป็นเมนูที่เห็นได้แทบทุกร้านกาแฟ แต่กาเนเล่ของที่นี่ก็ตรงใจเราที่ไม่หวานบาดคอ ส่วนตัวคัสตาร์ดด้านในก็เข้มข้น มัน หวานบาง ๆ ทานได้เพลิน ๆ

Soimilk Says: สำหรับใครที่มองหาที่นั่งพักใจในบรรยากาศเมืองเก่า ที่นี่ก็ตอบโจทย์สุด ๆ เลยล่ะ สำหรับชาวย่านเมืองเก่าอย่างเราที่ไม่ค่อยเจอร้านกาแฟบรรยากาศสบาย ๆ ที่เสิร์ฟกาแฟแบบจริงจังและตั้งใจแบบนี้ การค้นพบที่นี่ก็ฮีลใจเราได้ดีมาก ๆ

Ports Cafe ถ.มหาราช ซอยตรงข้ามหอสมุดสันติวัน วัดพระเชตุพนฯ เขตพระนคร ไม่แนะนำให้เอารถส่วนตัวไป fb.com/Portsbkk โทร. 083-973-1961