หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับพื้นที่ของ Blue Wild Space บ้านหลังใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นบ้านหลังที่ 2 ของเหล่าฮิปสเตอร์ที่มีใจรักในการแต่งบ้านและการสรรหาไอเทมพิเศษที่อาจจะกำลังเฝ้ารอเนื้อคู่อย่างเราให้ไปจับจองเป็นเจ้าของ (อ่านเรื่องราวของ Blue Wilde Space ต่อได้ที่ เปิดบ้าน Blue Wild Space พื้นที่แห่งความคูลของชาวทองหล่อ แหล่งรวมสารพัดแรร์ไอเทมปีลึก) รวมไปถึงการเป็นที่ตั้งของชอปแบรนด์รองเทัาและไอเทมแฟชั่นอย่าง Oyster and Things และคาเฟ่สไตล์เก๋ไก๋อย่าง Blue Dye Cafe ซึ่งการมารวมตัวกันของเหล่าแบรนด์ร้านค้าสายลึกเหล่านี้ก็ทำให้ Blue Wild Space เป็นบ้านที่เราสามารถไปใช้เวลาได้ทั้งวัน (อันนี้เรื่องจริง คอนเฟิร์ม!)
ล่าสุด บ้าน 2 ชั้นสไตล์ Mid-century แห่งนี้ก็ได้เปิดพื้นที่ต้อนรับน้องใหม่เป็น Tea Room ขนาดกะทัดรัดแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพและความตั้งใจที่จะเสิร์ฟชาเขียวคราฟต์ให้ทุกคนได้ชิม และน้องใหม่ของสมาชิกบ้าน Blue Wild Space นี้ก็มีชื่อว่า Niche Tea
Niche Tea เกิดจากความตั้งใจของ คุณแอน ปณิชา กุญชร ณ อยุธยา ที่จะสร้างพื้นที่สำหรับ Green Tea Specialty แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ที่อาจจะยังมีน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับฝั่งกาแฟ โดยแต่ละเมนูที่เสิร์ฟที่นี่เกิดจากการคิวเรตเลือกสรรใบชาจากแต่ละถิ่นที่ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูชาเขียวที่ดึงคุณสมบัติของใบชาจากพื้นที่นั้น ๆ ออกมาได้ดีที่สุด เพื่อเสิร์ฟในพื้นที่ขนาดย่อมแต่ให้บรรยากาศสบาย ๆ และอารมณ์ละเมียดละไม อันเกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างห้องดื่มชาในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองของบ้านหลังใหญ่
เมื่อลองพลิกเมนูที่มีเสิร์ฟในร้าน เราก็ประทับใจในความสร้างสรรค์ของแต่ละเมนูเป็นอย่างมาก แก้วแรกเราจึงขอเลือกเป็นตัว Nitro Latte (180 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ใบชาสายพันธุ์อูจิ จากเกียวโต มาผ่านกระบวนการไนโตรเจน เพื่อคงความเข้มข้นอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของใบชาตัวนี้ แต่เมื่อจิบแล้วยังให้ความรู้สึกสดชื่น ไม่เฝื่อนขมจนต้องเบือนหน้าหนี กลายเป็นว่าแก้วนี้คือแก้วที่ละเมียดจิบได้เรื่อย ๆ แบบไม่ฝืนใจตัวเอง
แต่แก้วที่เราขอยกให้ชนะเลิศไปเลยของวันนั้นก็คือ Matcha Passion (185 บาท) ที่ใช้น้ำที่ทางร้านสกัดเย็นเองมาท็อปด้วยมัทฉะสุดเข้มข้น ซึ่งความพิเศษของเมนูนี้ก็คือการเลือกใช้เจ้าเสาวรสนี่ล่ะ ในขณะที่ร้านอื่นมักจะเลือกใช้น้ำส้มยูซุที่ให้ความเปรี้ยวจี๊ด แต่ที่นี่น่าจะเป็นที่เดียวที่เลือกใช้น้ำเสาวรสเปรี้ยวอมหวาน ซึ่งกลายเป็นว่าเข้ากันได้ดีกับตัวมัทฉะเข้ม ๆ ด้านบน เคล็ดลับในการดื่มแก้วนี้ คุณแอนแนะนำว่าอย่าคน แล้วให้จิบไปเรื่อย ๆ จนถึงน้ำเสาวรสด้านล่าง แต่ระหว่างทางเราก็จะได้กลิ่นหอม ๆ ของเสาวรสอยู่ตลอด หรือหากใครใจร้อน อีกวิธีหนี่งที่แนะนำก็คือการใช้หลอดดูดเพื่อซึมซับสัดส่วนทั้งหมดของแก้วนี้เข้าไปในคราวเดียว
สำหรับสายมัทฉะลาเต้ ทางร้านก็ยังมีเมนู Dirty (120 บาท) สุดเข้มข้น หอม มัน ให้เลือกสั่ง โดยทางร้านใช้นมสูตรพิเศษที่ผสมเองนำไปแช่ในความเย็นจัด แล้วท็อปด้วยช็อตมัทฉะที่ตีจนนุ่มละมุน แต่ยังได้เทกซเจอร์ที่เป็นลักษณะเฉพาะของมัทฉะ เป็นแก้วที่เพลินต่อการจิบแต่ละครั้งมาก ๆ
นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ทางร้านยังมีเมนูขนมให้สั่งมาทานแกล้มกับชาเขียวแก้วโปรด โดยตัวแรกคือ Berry Financier (65 บาท) ที่โดดเด่นด้วยความหอมของแป้งอัลมอนด์และความเปรี้ยวอมหวานของเบอร์รี ซึ่งเป็นเมนูที่เหมาะจะสั่งมาทานตัดรสกับชาเขียว ความประทับใจของเราต่อเจ้าขนมฝรั่งเศสชิ้นนี้ก็คือเนื้อแป้งนุ่มแต่ฉ่ำแน่นพอดี ไม่แห้งฝืดคอ เข้ากันดีกับชาเขียวแบบไม่เสียรส
ส่วนขนมที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านซึ่งไปช้าอาจหมดอดกิน ก็คือ Matcha Terrine (145 บาท) ที่เป็นไวต์ช็อกโกแลตผสมกับมัทฉะเข้มข้น หวานด้วยตัวส่วนผสมเองแบบไม่ต้องใส่น้ำตาลเพิ่ม ทีเด็ดของเจ้าตัวนี้คือการตัดเนื้อเทอร์รีนที่มีสัมผัสนุ่ม ๆ กับแครกเกอร์ที่เสิร์ฟมาคู่กันเข้าปากในคำเดียว ซึ่งจะให้เทกซเจอร์ที่ต่างกันแต่เข้ากันอย่างลงตัวในปาก ตัดรสหวานด้วยพีชอมเปรี้ยวที่เสิร์ฟมาคู่กัน เมนูนี้คือห้ามพลาดเด็ดขาดเด้อ
Soimilk Says: เอาล่ะ สารภาพตรงนี้เลยแล้วกันว่าเราไม่ใช่แฟนชาเขียวตัวจริง เพราะเคยมีประสบการณ์แย่ ๆ กับชาเขียวที่บางทีก็เฝื่อนไป หรือหวานไป แต่ทุกเมนูของ Niche Tea ที่เราได้ลองก็ช่วยสร้างความประทับใจใหม่เกี่ยวกับชาเขียวให้กับเรา และทำให้รู้สึกว่าการปรุงมัทฉะให้ลงตัวนี่เป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนแต่น่าสนใจมาก ๆ เอาเป็นว่าขนาดเราที่ไม่ใช่แฟน แต่ลองชิมเมนูไหนก็ประทับใจ ใครที่เป็นสายชาเขียวตัวจริงก็ไม่ควรพลาดล่ะ!
Niche Tea เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) 10:00 - 19:00 น. ชั้น 2 ในพื้นที่โครงการ Blue Wild Space ซ.สุขุมวิท 36 BTS ทองหล่อ แล้วเดินต่อ (1 เหนื่อย) หรือต่อพี่วิน instagram.com/nichetea.bkk โทร. 062-969-3665
