นางลิ้นจี่ในภาพจำของเราคือถนนสายพิเศษที่มีมนตร์ขลังประหลาด เพราะแม้ว่าจะทอดตัวพาดผ่านสาทร ย่านธุรกิจแสนจอแจที่เต็มไปด้วยประชากรชาวออฟฟิศ แต่ถ.นางลิ้นจี่ทั้งสายกลับให้บรรยากาศของความสงบ ที่ใครที่ไม่คุ้นเคยแล้วเผลอเลี้ยวผิดเข้ามา ก็อาจรู้สึกงงงันกับบรรยากาศของต้นไม้ริมสองฝั่งถนนและความเงียบสงบที่เหมือนหลุดออกจากเขตกรุงเทพฯ ไปแล้ว ทั้งที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร คือพื้นที่ของรถติด การจราจรแออัด หนุ่มสาวออฟฟิศเดินขวักไขว่เต็มทางเท้า และความจอแจเร่งรีบที่แทรกอยู่ในทุกอณูบรรยากาศ

หากคิดว่าถ.นางลิ้นจี่คือพื้นที่ลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีพื้นที่ลึกเร้นยิ่งกว่าที่ซ่อนตัวอยู่ริมถ.นางลิ้นจี่อีกที Kush Cafe เป็นพื้นที่นั้นที่เร้นตัวอยู่ท่ามในแมกไม้ของโครงการ De For Rest ที่หากใครไม่เฉลียวใจ ก็อาจผ่านเลยไปโดยไม่รู้เลยว่า ที่นี่มีของดีซ่อนอยู่

Kush Cafe เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ แต่เสิร์ฟเมนูทั้งเครื่องดื่ม อาหาร ขนม รวมกันแล้วกว่า 50 รายการ โดยความตั้งใจของเจ้าของร้านก็คือการสร้างพื้นที่ผ่อนคลายสบาย ๆ ให้คนมานั่งพบปะพูดคุยกันได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น รวมถึงวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ชาวเมืองคนไหนขี้เกียจขับรถออกต่างจังหวัดไปเบียดเสียดกับคนอื่น แค่มาที่ Kush Cafe ที่ตั้งอยู่ในโลเคชันกลางกรุง แต่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างจังหวัด ก็สามารถมอบบรรยากาศการพักผ่อนชิลล์ ๆ ให้ตัวเองได้แบบไม่เสียสุขภาพจิตเรื่องรถติด

ด้วยความที่ตั้งใจจะเป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้มาใช้เวลากันทั้งวัน บรรดาอาหารและเครื่องดื่มในร้านจึงถูกคิวเรตออกมาให้ตอบสนองความต้องการความชอบของทุกคนในทุกช่วงเวลา สายกาแฟเข้มข้นก็มีเมนูกาแฟจัดหนักมากมายให้ลองเลือก สายน็อนคาเฟอีนก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีเมนูชา สมูทตี้ รวมไปถึงม็อกเทลให้เลือกดื่ม ส่วนสายกินก็มีเมนูให้เลือกทั้งแบบเบา ๆ และจัดหนัก โดยทางร้านภูมิใจนำเสนอว่าวัตถุดิบในทุกเมนูเป็นวัตถุดิบคุณภาพ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์นมทุกอย่างในร้านที่เป็น 100% Dairy ไม่มีมาการีนหรือนมข้นมาทำเนียนตีเสมอ

ด้วยความที่เราไปถึงในช่วงสาย แต่ท้องยังว่างอยู่ เลยถือโอกาสเลือกสั่งเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือ Breakfast & Croissant เซตอาหารเช้าจัดหนักที่เสิร์ฟทั้งวัน ครบถ้วนความเป็นอาหารเช้าทั้งไข่ เบคอน ผัก และแป้ง โดยทีเด็ดอยู่ที่ตัว Croissant au Beurre ที่กรอบนอกนุ่มใน หอมเนย ถูกต้องแบบที่ครัวซองต์ควรเป็น และชีสที่โปะหน้ามาบน Egg Scramble ซึ่งเป็นชีสมอซซาเรลลาและเชดดาร์ชีสที่ทางร้านเบลนด์เอง แล้วเรายังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนเมนูในจาน จะสั่งเป็นไข่ดาวแทนไข่คน เปลี่ยนครัวซองต์เป็นขนมปังปิ้งก็ย่อมได้

อีกหนึ่งเมนูที่รังสรรค์มาตอบสนองชาวคาเฟ่สายหนัก และเราขอ Recommend ให้เตรียมท้องให้ว่างเพื่อมาสั่งจานนี้ ก็คือ Pork Burger ที่อาจจะดูธรรมดา ร้านไหนก็มี แต่เบอร์เกอร์หมูของที่นี่เป็นรสชาติที่ชิมไปแล้วต้องจำจด ทีเด็ดอยู่ที่ตัวหมูที่ทำออกมาเป็นรสชาติของเมนูหมูทอดที่ทางเจ้าของร้านเคยทานตอนเด็ก ๆ แล้วนำมาคลุกเคล้าซอสบาร์บีคิวรสชาติไทย ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีจากเมนูหลังโรงเรียนเลิก มีทั้งความกรอบและนุ่มในคำเดียว พร้อมกับรสชาติแสนอบอุ่นใจ ไม่เค็มและไม่จัดจนเกินไป เป็นเมนูแสนดีที่อยากกินทุกวัน

มาถึงส่วนเครื่องดื่มกันบ้าง วันนี้เราเลือกสั่งหนึ่งในเมนูกาแฟที่ทางร้านแสนภูมิใจ นั่นก็คือ Coconut Sunset Cold Brew เป็นกาแฟโคลด์บริวรสชาติละมุนละไม ซึ่งทางร้านใช้เวลาตระเวนหาโรงคั่วที่ได้ดังใจ จนเจอพาร์ตเนอร์กาแฟที่ตอบโจทย์และมาตรฐานของทางร้าน ความหอมของน้ำมะพร้าวสด 100% ไม่ผสมน้ำตาล ช่วยชูกลิ่นของกาแฟให้เด่นชัดขึ้น สายกาแฟเข้มข้นสามารถเลือกเปลี่ยนโคลด์บริวเป็นเอสเพรสโซช็อตเข้ม ๆ ได้

สำหรับสายน็อนคาเฟอีน เราขอแนะนำให้เลือกสั่ง Peanut Butter Cocoa ที่ทางร้านพิถีพิถันถึงขั้นทำตัวเนยถั่วเอง เมนูนี้ต่อยอดมาจากเมนู Peanut Latte แล้วอยากเพิ่มตัวเลือกให้คนที่ไม่ทานกาแฟ จึงออกมาเป็นเมนูโกโก้เย็นเข้มข้นหอมชื่นใจคนรักโกโก้ กลิ่นเนยถั่วและเทกซเจอร์จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรอบที่โรยมาด้านบน ให้ความรู้สึกเหมือนทานช็อกโกบาร์ในเวอร์ชันเครื่องดื่ม แต่ไม่ต้องกลัวจะเบาหวานขึ้นตา เพราะทางร้านทำแบบไม่หวานเป็นเกณฑ์มาตรฐานทุกเมนู ไม่ต้องสั่งหวานน้อยต่อท้ายก็ได้

ในส่วนของขนมหวานที่เราเดินไปยืนดูที่ตู้แล้วก็ต้องตาลาย เพราะมีเมนูให้เลือกเยอะมาก แถมแต่ละวันก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปอีก โดยดาวเด่นของตู้ขนมหวานเราขอยกให้ Matcha Basque Cheesecake เมนูชีสเค้กหน้าไหม้ที่กำลังสุดฮิตในตอนนี้ แต่ทางร้านลองสร้างความแตกต่างด้วยการใส่มัทฉะแท้เข้มข้นนำเข้าจากญี่ปุ่นลงไปผสมกับตัวเนื้อเค้กและโรยไว้ด้านบน กลิ่นของมัทฉะที่ผสมผสานกับกลิ่นของชีสช่วยทำให้ทานได้เรื่อย ๆ เราประทับใจที่ทางร้านทำเมนูของหวานแบบไม่หวานจัดเหมือนร้านทั่วไป ชิ้นนี้ทานได้หมดจาน ไม่เลี่ยนจนต้องหยุดกลางคัน

อีกหนึ่งเมนูคือ เค้กแคร์รอต ที่มีความพิเศษคือการใช้น้ำตาลทรายแดงที่ทำให้ตัวเค้กไม่ออกสีส้มจ๋า ตัวเค้กมีความฉ่ำพอดี เมื่อทานคู่กับครีมและถั่วที่โรยมาด้านบนก็ยังได้รสชาตินวลละมุน ไม่หวานตาแตก ทานได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้สึกผิด

เมนูสุดท้ายที่แอบกระซิบว่า ไปสายคือหมดนะจ๊ะ นั่นก็คือ เค้กมะพร้าว ที่อาจเป็นเมนูธรรมดาสามัญที่ร้านไหนก็มีติดตู้ แต่เพราะความเป็นเมนูที่ต้องมีทุกตู้นี่แหละที่ทำให้เกณฑ์วัดความอร่อยถูกยกขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเค้กมะพร้าวของทางร้านก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง และยังขอย้ำอีกครั้งว่าคุ้มค่าแก่การไปเร็วเพื่อให้ชิงสั่งทันก่อนหมด ตัวครีมมะพร้าวพร้อมด้วยเนื้อมะพร้าวเน้น ๆ ด้านบนเข้มข้นหนักแน่นจนเวลาเสิร์ฟต้องประคองดี ๆ เดี๋ยวมีล้ม ส่วนตัวเค้กก็นุ่มฟู แต่ไม่เบาเกิน ตัดทานครบทั้งครีมและเค้กในหนึ่งคำคือใจฟูมาก ๆ
Soimilk Says: ถึงบรรยากาศและการตกแต่งในร้านจะออกสไตล์ยุโรป แต่เมนูเครื่องดื่มและอาหารต่าง ๆ ยังมีกลิ่นอายที่เราชาวเอเชียนยังเข้าถึงและทานได้อร่อยแบบไม่ต้องเกร็ง นี่คือคาเฟ่สำหรับคาเฟ่ฮอปเปอร์สายหนักที่ต้องการอาหารทานอิ่ม รสชาติอร่อย รวมไปถึงคาเฟ่ฮอปเปอร์ที่ต้องการกาแฟแบบจริงจัง แต่ไม่ถึงขั้นต้องนั่งดูบาร์ริสตาดริป ควรลิสต์ไว้เป็นตัวเลือกในวันที่ต้องการการพักผ่อนแบบสบาย ๆ เลยล่ะ!
Kush Cafe ถ.นางลิ้นจี่ สาธร เวลาทำการ ทุกวัน 8:30-17:30 น. โทร. 061-218-8258 fb.com/kushcafebkk