Skip to main content

Citizen Tea Canteen of Nowhere โรงน้ำชาใจกลางตลาดน้อย ที่ตั้งใจเสิร์ฟชาไทยแบบสเปเชียลตี้

ถูกใจคนรักชาไทยหวานน้อยอย่างเราที่สุด

Citizen Tea Canteen of Nowhere โรงน้ำชาใจกลางตลาดน้อย ที่ตั้งใจเสิร์ฟชาไทยแบบสเปเชียลตี้
October 28, 2021 Bangkok time
พอพูดถึงคำว่า 'สเปเชียลตี้' แล้ว ภาพที่ปรากฏในความทรงจำของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์สายลึกก็คงหนีไม่พ้นบาร์สโลว์ดริป ที่เสิร์ฟตัวเลือกเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด หลากหลายเบลนด์ และหลากหลายระดับการคั่ว หรือหากเป็นสายชาก็คงหนีไม่พ้นภาพของทีรูม ที่เสิร์ฟชาเขียวซึ่งส่งตรงจากหลายแหล่งขึ้นชื่อทั่วญี่ปุ่น
 
แล้วถ้าเราจะบอกว่า ใจกลางกรุงเทพฯ ของเราได้ผุดพื้นที่สเปเชียลตี้บาร์แห่งใหม่ที่ไม่ได้เสิร์ฟทั้งกาแฟและชาเขียว แต่สิ่งที่เสิร์ฟที่นี่กลับเป็นเมนู 'ชาไทย' ที่เราคุ้นเคย แต่เสิร์ฟในรูปแบบสเปเชียลตี้ ที่มีให้เลือกชนิดของใบชา เบลนด์ และรสชาติแบบพรีเมียมล่ะ...
 
 
Citizen Tea Canteen of Nowhere คือชื่อของทีรูมสเปเชียลตี้เปิดใหม่ใจกลางตลาดน้อย ที่ตั้งใจจะเป็นพื้นที่เสิร์ฟเมนูชาไทยสายลึกให้เหล่าคนรักชาไทยได้มีพื้นที่หยัดยืนท่ามกลางกระแสสเปเชียลตี้เครื่องดื่มอื่น ๆ โดยความตั้งใจของ คุณโอ ศรัณย์ เย็นปัญญา ดีไซเนอร์สไตล์จัดจ้านที่หลงใหลในเอกลักษณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่าง ๆ ในประเทศไทย และ คุณโอ๊ะ เบญจภัค เพชรคล้าย ผู้สนใจบุกเบิกธุรกิจสายใหม่ที่ตัดสินใจเปิดพื้นที่ห้องแถวใกล้ศาลเจ้าโจวซือกงในตลาดน้อยของตัวเองให้เป็นพื้นที่ละเลียดชาของเหล่าไทยทีเลิฟเวอร์
 
นอกจากจะเป็นทีรูมสายลึกแล้ว Citizen Tea Canteen of Nowhere ยังเป็นพื้นที่กึ่งโชว์รูมของแบรนด์ Citizen of Nowhere แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยของคุณศรัณย์ ที่สายสตรีตน่าจะคุ้นเคยกันดีจากเอกลักษณ์ความไทยชิค ที่จับเอาลวดลายและกลิ่นอายของงานคราฟต์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใส่ไว้ในไอเทมต่าง ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า หมวก ไปจนถึงบรรดาของใช้ในบ้านอย่างถ้วยกาแฟ
 
 
 
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ของ Citizen Tea Canteen of Nowhere จึงถูกตกแต่งด้วยลวดลายของเครื่องจักสานที่มาจากภูมิปัญญาไทยท้องถิ่น เพื่อสะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นพื้นที่ที่นำเสนอทั้งรสชาติไทย ๆ และศิลปะความเป็นไทยแบบที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มลงไป ไม่ใช่ความเป็นไทยแบบที่จับต้องไม่ได้แบบที่มักถูกนำเสนอในสื่อกระแสหลัก
 
 
แค่การตกแต่งและคอนเซปต์ของร้านก็เอาใจคนรักชาไทยแบบเราไปแล้ว แต่เมื่อเดินเข้ามาที่บริเวณบาร์ เพื่อให้ทางบาริสต้าเขาแนะนำเราเข้าสู่โลกของชาไทยแล้วยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก เพราะที่เราบอกว่าที่นี่คือไทยทีสเปเชียลตี้นั้นไม่เกินจริงเลย ดูได้จากบรรดาเบลนด์ต่าง ๆ ที่มีให้เราเลือกมากมาย แถมแบ่งเป็นเบลนด์สำหรับชานมกับเบลนด์สำหรับชาดำอีกต่างหาก
 
 
สำหรับเบลนด์ที่เราเลือกชิมเป็นหลักของวันนั้นคือเบลนด์สำหรับเมนูชานม เพราะเป็นเมนูโปรดและคอมฟอร์ตเมนูที่สั่งมาตลอดชีวิต แต่ไม่รู้เลยว่าจะมีตัวเลือกมากมายขนาดนี้ โดยใบชาของที่นี้เป็นชาที่ทางทีมของร้านได้เดินทางไปเสาะหามาจากทั่วประเทศไทย แล้วนำมาทดลองจับคู่เบลนด์ตามสูตรของทางร้านเอง ส่วนนมที่ใช้สำหรับชงชานมของที่นี่ก็เป็นสูตรที่สั่งทำขึ้นมาเอง เพื่อลดความคาวและเพิ่มความหอมมัน เรียกได้ว่าสเปเชียลตั้งแต่ใบชายันนมที่ใช้เลยล่ะ!
 
 
เมนูชานมที่นี่ราคาเดียวคือแก้วละ 120 บาท เริ่มที่ตัวแรกกับ Blend No.1 Vanilla Sky ที่ให้รสชาติของวานิลลานิด ๆ ตบท้ายด้วยกลิ่นของโกโก้ ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบชารสนวล ๆ กลมกล่อม แต่ถ้าอยากได้ความเข้มข้นทั้งกลิ่นและรสชาติขึ้นมาอีกหน่อยต้องเป็น Blend No.2 Dusty Dawn ที่แอบให้กลิ่นหอมของถั่วและโกโก้ ส่วนรสชาติของชานั้นจะเข้มขึ้นมาในระดับกลาง ๆ
 
 
 
ส่วนคนชอบชานมเข้ม ๆ ที่ให้กลิ่นชาแน่น ๆ ต้องขยับขึ้นมาที่ Blend No.3 Sweet Sunset ที่กลิ่นเฉพาะตัวของใบชากับวานิลลามีความเข้มข้นพอ ๆ กัน และทิ้งรสชาติชาบนลิ้นนานขึ้น (จะบอกว่าเราชอบตัวนี้ที่สุดเพราะความหอมมันพอดี เป็นชาไทยในอุดมคติ) ส่วน Blend No.4 Suede Sunset จะให้กลิ่นหอมของดอกไม้บาง ๆ เหมาะสำหรับดื่มเรียกความสดชื่น
 
 
ในส่วนของชาดำ เราขอแนะนำให้ลอง Special Blend of the Month ซึ่งเมนูที่เราได้ชิมในวันนั้นก็คือ Duck Noodle Blend หรือ ชาก๋วยเตี๋ยวเป็ด (250 บาท) ที่เสิร์ฟมาในกาให้เราค่อย ๆ รินละเลียดดื่ม จะบอกว่าถึงชื่อจะชวนให้ฉงนสงสัยว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดนี่ดื่มได้จริง ๆ เหรอ? แต่ที่จริงแล้วเมนูนี้ก็คือชาที่ประกอบด้วยกลิ่นหวาน ๆ ของเครื่องเทศไทย ซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยกับเครื่องเทศเหล่านี้ในฐานะส่วนประกอบของน้ำพะโล้ ซึ่งพอไม่มีกลิ่นเป็ดหรือกลิ่นของเนื้อสัตว์อื่น ๆ นี่ก็คือชาดำที่ดื่มแล้วสดชื่น คล่องคอสุด ๆ
 
 
Soimilk Says: เราประทับใจทั้งคอนเซปต์และเมนูของร้าน แม้จะเป็นเมนูชาไทยที่เราคุ้นเคยกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่การเติมความสร้างสรรค์และความพิถีพิถันลงไปก็ทำให้เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ และทำให้เข้าใจประโยคที่ว่า 'ของไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก' อย่างถ่องแท้แบบไม่ต้องฝืนใจกัดฟันพูด ใครที่ผ่านมาแถวตลาดน้อย เราอยากให้ลองเดินเข้ามาพิสูจน์กันจริง ๆ นะ
 
Citizen Tea Canteen of Nowhere เวลาทำการ ศุกร์ - อาทิตย์ 10:00 - 18:00 น. 764 ซ.วานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ MRT หัวลำโพง แล้วเดินต่อ fb.com/citizenteacanteen