การแต่งตัวเป็นวิธีการแสดงตัวตนอันเฉิดฉายออกมาให้โลกเห็นว่า นี่แหละฉัน และวันดี ๆ หนึ่งวันก็สามารถเริ่มต้นได้จากการหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่แล้วออกไปผจญภัยในโลกกว้าง เพราะฉะนั้นอยากแต่งแบบไหน เราขอแนะนำให้สนุกกับมัน แล้วถมไปเลยตามที่ใจชอบ จะเลเยอร์ไม่เลเยอร์ก็ไม่ผิดทั้งนั้น
พอเราไปสำรวจเทรนด์จากแคตวอล์กของแฟชั่นวีกปี 2020 มาแล้ว ก็พบว่าหนึ่งจุดร่วมกันของทุกคอลเลกชันในทุกแบรนด์ ก็คือการชวนเราออกจากกรอบมาสนุกกับการแต่งตัวแบบ ‘โบลด์ ๆ’ หรือ กล้า ๆ หน่อย แบบไม่ต้องสนใจว่าใครจะมองว่าแปลก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เน้นลวดลายสีสันแบบที่ใส่เดินตามถนนแล้วคนต้องหันมอง (แต่ถามว่า แคร์ไหม?) จะค้นเสื้อผ้าก้นตู้ของคุณยายคุณย่าคุณป้าคุณแม่มาใส่ จะเอาบรามาใส่เป็นท่อนบนสู้อากาศร้อนในประเทศเรา หรือจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุรักษ์โลกเพื่อประกาศจุดยืนของตัวเองก็ตามแต่ ไม่ว่าจะอยากใส่อะไร ปี 2020 คือเวลาของเรา ที่เราจะสามารถสนุกกับการเป็นตัวเองได้เต็มที่
ลองไปดูตัวอย่างของเทรนด์แฟชั่นปีนี้เพื่อเป็นตัวเลือกในการสปาร์กจอยในแต่ละวันด้วยการแต่งตัวได้แล้วล่ะ
การกลับมาของแฟชั่นยุค 60s และ 80s

ใครที่เป็นสาย More is More หรือ มากคือมาก ปีนี้คือปีของเรา จัดไปเลยบรรดาเสื้อผ้าวินเทจที่เราชอบใส่แต่ใคร ๆ บอกว่าเรา ‘เยอะ’ เพราะบรรดาเสื้อผ้าลวดลายจัด ๆ แบบโบฮีเมียนสไตล์ หรือที่เขาเรียกว่า ลายวอลเปเปอร์ยุค 60s กับความวิ้งวับของกลิตเตอร์ เสื้อคลุมแบบมีที่เสริมไหล่ หรือเชิ้ตปกคอใหญ่ ๆ ที่เห็นในหนังดิสโก้ยุค 80s ที่เราเห็นว่าสายแฟหลายคนใส่มานานก่อนกาล กำลังจะเป็นเทรนด์ที่เราจะได้เห็นบนราวเสื้อผ้าในชอปดัง ๆ ปีนี้ ใครที่ชอบอยู่แล้วก็ใส่ไปแบบมั่น ๆ ส่วนใครที่ยังลังเลว่าจะลองดีมั้ย... ก็ถึงเวลาแล้วล่ะ ถ้าไม่ตอนนี้แล้วจะตอนไหน!
นีออนสะท้อนแสงก็มา แต่มากว่านั้นคือเสื้อผ้าสีตัดกันแบบเจ็บ ๆ

แฟชั่นสีนีออนก็เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่เราแอบเห็นว่าสายแฟบ้านเราจัดมาใส่แบบนำเทรนด์ไปก่อนแล้ว แต่ปีนี้เขาคอนเฟิร์มว่า เสื้อผ้านีออนจะไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นของคนใจกล้าชอบทดลองเท่านั้น แต่จะเป็นสไตล์ที่เราจะเห็นได้ทั่วไปในทุก ๆ วัน แต่ที่จะตามมาเงียบ ๆ และปังกว่าแฟชั่นนีออนก็คือเสื้อผ้าสีตัดกันแรง ๆ หรือที่เรียกว่า คัลเลอร์บล็อกกิง นั่นเอง ลองเปิดตู้ดูว่ามีเสื้อกับกางเกงหรือกระโปรงตัวไหนบ้างที่เราไม่เคยจับมาใส่คู่กันเพราะคิดว่าสีมันไปด้วยกันไม่ได้ ลองหาคู่สีเหมาะ ๆ แล้วจับมาใส่แมตช์กันสักหนึ่งยกจุก ๆ
บราชั้นใน จับเอามาใส่ข้างนอก

สายมั่นอย่าได้แคร์ ลองจับบราเก๋ ๆ หรือเสื้อตัวบนสวย ๆ ทรงครอปสั้น ที่เดี๋ยวนี้หลายแบรนด์เขาดีไซน์มาให้เป็นบราไปในตัว มาใส่คู่กับกางเกงเอวสูงให้ดูเฉี่ยว ๆ หรือจะหยิบชุดนอนลูกไม้มาใส่ตอนกลางวันในลุคเปรี้ยว ๆ ไม่แคร์เวิลด์ดูก็ได้ แต่ถ้ายังกังวลว่าจะดูไม่สุภาพไปในบางวาระ ก็ลองหยิบเบลเซอร์หรือเสื้อคลุมที่ดูเป็นทางการขึ้นมาสวมทับไว้หน่อย แบบว่าไปประชุมตอนกลางวันก็ติดกระดุมให้ดูสุภาพ แต่ตอนค่ำจะไปสังสรรค์กับแก๊งเพื่อนสาวต่อก็สะบัดเสื้อตัวนอกทิ้งไป กลายเป็นหนึ่งสไตล์ได้สองลุค ไม่ต้องขนเสื้อผ้าไว้ท้ายรถด้วย
เสื้อถักยังมา และมาแรงกว่าเดิม

เสื้อถักหรือโครเชต์ไม่ได้จำกัดให้เป็นสไตล์สาวหวานหรือลุคคุณย่าคุณยายอีกต่อไป เพราะปีนี้โครเชต์จะเป็นเทรนด์สำหรับสาวมีสไตล์ที่แอบซ่อนความเก๋หรือลูกเล่นไว้ ด้วยความสร้างสรรค์ของงานฝีมือ นอกจากนี้ใครที่ที่บ้านมีเสื้อถักของคุณย่าคุณยายอยู่แล้ว ก็สามารถจับมาใส่คู่กับไอเทมที่ดูเท่ ๆ หรือโฉบเฉี่ยว ก็เป็นการสร้างมิติให้กับโททัลลุคได้อีกแบบ นอกจากจะออกมาแตกต่างจากเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั่วไป ยังเป็นการนำเสื้อผ้าก้นตู้มาใช้ใหม่ เป็นการประหยัดเงินในกระเป๋า และมีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ต้องไปเพิ่มกระบวนการผลิตด้วยนะ
กางเกงสามส่วนไม่ใช่กางเกงคุณพ่ออีกต่อไป

กางเกงคลุมเข่า โดยเฉพาะที่มีกระเป๋าเยอะ ๆ อาจเป็นไอเทมคุ้นตาที่เราเห็นได้ในตู้เสื้อผ้าของคุณพ่อ หรือจะเห็นคุณพ่อใส่เวลาไปตกปลาแคมปิง แต่ปีนี้ กางเกงสามส่วนหรือที่เขาเรียกกันว่า กางเกงเบอร์มิวดา จะไม่ใช่กางเกงคุณพ่อนักผจญภัยอีกต่อไป แต่จะเป็นไอเทมที่เราขอยืมมาสวมใส่แมตช์คู่กับสูทหรือเบลเซอร์แบบคลาสสิก ก็จะได้ลุคเก๋ ๆ สำหรับไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนวันเสาร์อาทิตย์ แถมใส่ได้ทั้งชายและหญิงเลยนะ
รักตัวเองแล้ว รักษ์โลกด้วย

โลกของเรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคที่การคำนึงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต้องเป็นสิ่งที่มาเป็นอันดับแรก ไม่เว้นแม้กระทั่งในแวดวงแฟชั่น ซึ่งเราก็ได้เห็นการหยิบยกประเด็นเรื่อง ฟาสต์แฟชั่น (การสวมใส่เสื้อผ้าตามกระแสแฟชั่น ที่มีส่วนสำคัญในการเร่งกระบวนการผลิตเสื้อผ้า เนื่องจากคนใส่เสื้อผ้าซ้ำน้อยลงเพราะกลัวเชยหรือตกยุค) มาพูดคุยกันอยู่บ่อย ๆ ในทศวรรษข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นกระแสอีโคแฟชั่น หรือแฟชั่นแบบรักษ์โลก ที่จะมาในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้หรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสื้อผ้ามัลติฟังก์ชันที่สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส รวมไปถึงการหยิบเอาไอเทมแฟชั่นเก่า ๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์ หรือแม้แต่การรณรงค์ให้เลือกชอปเสื้อผ้ามือสอง เพื่อทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราแม้กระทั่งในเรื่องพื้นฐานอย่างการสวมใส่เสื้อผ้า ส่งผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด
ฮิปสเตอร์หลบไป เพราะนี่คือยุคของชิปสเตอร์แล้ว

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านตากับแฟชั่นนี้มาแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าเขามีคำเรียกขานสไตล์นี้ด้วย สำหรับสไตล์ที่เรียกว่า ชิปสเตอร์ นี้ เป็นนิยามที่รวมเอาคำว่า ฮิปสเตอร์ และ ชิป (Ship) ที่หมายถึง เรือ มารวมกัน เพื่อใช้เป็นคำเรียกสไตล์การแต่งตัวที่ประกอบด้วย หมวกบีนนี เสื้อทับ กางเกงที่มีช่องกระเป๋าเยอะ ๆ รองเท้าบู๊ตหนา ๆ หรือรองเท้าหุ้มข้อดูทะมัดทะแมง ซึ่งไอเทมเหล่านี้ก็คือองค์ประกอบของยูนิฟอร์มของชาวประมงในแถบประเทศเมืองหนาวนั่นเอง ปัจจุบัน ชิปสเตอร์ ได้กลายเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ จนได้ฉายาว่าเป็นการแต่งตัวสไตล์ โพสต์ฮิปสเตอร์ หรือยุคหลังฮิปสเตอร์ไปแล้ว ซึ่งสไตล์แบบนี้นอกจากจะดูเท่คูลแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านการใช้สอย เหมาะสำหรับคนที่พกของเยอะแต่ไม่ชอบสะพายกระเป๋า ถ้ามีแค่มือถือกับกระเป๋าสตางค์ก็จับใส่ช่องใส่ของที่มีอยู่มากมายทั้งในเสื้อและกางเกงได้เลย