Skip to main content
AdSense

Unorthodox: ซีรีส์ที่ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างคนกับพระเจ้า ความเป็นชายกับความเป็นหญิง

ใครกำหนด?

Unorthodox: ซีรีส์ที่ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างคนกับพระเจ้า ความเป็นชายกับความเป็นหญิง
April 9, 2020 Bangkok time
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Netflix ได้ปล่อยผลงานมินิซีรีส์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า Unorthodox ที่แค่ชื่อเรื่องก็ดึงดูดความสนใจของเราได้มากแล้ว และพอได้เห็นหน้าปกซีรีส์ที่เป็นภาพหญิงสาวกำลังถูกกล้อนผมจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่ยังยิ้มทั้งน้ำตา ก็ยิ่งสร้างอิมแพกต์มหาศาลจนเราต้องกดเข้าไปดูเดี๋ยวนั้น 
 
 
พอรู้ตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองดูจบ 4 ตอนรวดแบบไม่พัก อีกทั้งเรื่องราวที่ทั้งซาบซึ้งและสะเทือนใจก็ยังคงติดค้างในใจเราไปหลายวัน โดยเล่าถึงชุมชนชาวยิวกลางนครนิวยอร์ก ที่ยังคงจารีตอันแสนเคร่งครัด ถือเป็นการเปิดโลกครั้งใหญ่สำหรับเรา ให้รับรู้ว่า ณ ใจกลางมหานครที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก กลับมีชุมชนที่เวลาเหมือนจะหยุดเดินแทรกตัวอยู่ และผู้คนเหล่านั้นก็ดำรงชีวิตเหมือนอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงใหม่ ๆ เป็นพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ ไม่มีสมาร์ตโฟนให้เห็น เพราะอะไรก็ตามที่เป็นผลผลิตจากยุคสมัยใหม่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งต้องห้าม
 
 
Unorthodox ดัดแปลงจากหนังสือ Unorthodox: The Scandalous Rejection of My Hasidic Roots บันทึกความทรงจำของ เดบอราห์ เฟลด์แมน ซึ่งเติบโตในชุมชนเคร่งศาสนากลางนิวยอร์ก โดยชุมชนที่ว่านั้นยังคงวิถีชีวิตตามข้อกำหนดในคัมภีร์ศาสนาอย่างเคร่งครัดครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การที่ผู้หญิงสมรสแล้วต้องสวมผ้าคลุมผม หรือแม้จะสวมผ้าคลุมผมแล้วก็ยังต้องโกนผมออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้ปอยผมออกมานอกชายผ้า รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของผู้หญิงทุกคนคือการเป็นเมียและแม่ กระทั่งการเลือกคู่ครอง พวกเธอก็ไม่สามารถทำตามใจปรารถนา แต่ต้องผ่านการจัดหาของพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในชุมชนเท่านั้น
 
 
เรื่องราวชีวิตและความฝันของเฟลด์แมนที่ต้องการหลุดพ้นจากกรอบของสังคมถูกถ่ายทอดผ่านตัวละคร เอสเธอร์ ชาปีโร หรือ เอสตี โดยในซีรีส์เรื่องนี้ ผู้ชมจะได้รู้จักกับตัวละครหญิงแกร่งนี้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปจนถึงการหลบหนีออกจากชุมชน โดยมีจุดหมายปลายทางคือประเทศเยอรมนี ซึ่งระหว่างทางนั้น ผู้ชมจะค่อย ๆ เข้าใจว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งตัดสินใจตัดขาดจากทุกอย่างที่เธอเคยรู้จัก แล้วเลือกไปเผชิญกับชะตากรรมอันไม่แน่นอนในดินแดนแปลกถิ่น
 

พระเจ้าหรือคนกำหนด

 
แม้หน้าฉากและชื่อของซีรีส์ Unorthodox เหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา (Unorthodox แปลว่า คนนอกรีต) แต่เมื่อดูครบ 4 ตอน จะพบว่า ประเด็นที่ต้องการจะนำเสนอคือ ความขัดแย้งระหว่าง 'คน' ด้วยกันเองมากกว่า เพราะแม้ว่าจะเดินเรื่องด้วยความยากลำบากของเอสตีในการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยข้อห้าม แต่เธอก็ยังศรัทธาในพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง เท่ากับว่าเอสตีไม่ได้ต่อต้านพระเจ้า หรือต่อต้านคำสอนในพระคัมภีร์ สะท้อนให้เห็นว่าข้อความที่ศาสนิกชนใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลย แต่สิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับผู้หญิงคนนี้ ตัวละครตัวนี้ กลับเป็นข้อห้ามต่าง ๆ ที่สังคมที่เธอเติบโตมาเลือกที่จะยึดถือ ซึ่งก็น่าตั้งคำถามต่อไปเหลือเกินว่า ใครคือผู้ตั้งกฎเหล่านั้น พระเจ้าหรือมนุษย์?
 
 
ฉากหนึ่งที่สะท้อนสาระสำคัญดังกล่าวก็คือ ฉากที่เอสตีโต้เถียงกับ ยันกี สามีที่เธอถูกจับให้แต่งงานด้วย โดยเขากล่าวว่าเธอบกพร่องในหน้าที่ภรรยาและในฐานะชาวยิว เพราะไม่ยอมทนรับความเจ็บปวดจากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสมีลูก ซึ่งการที่เธอไม่มี (หรือไม่ยอมมี) ลูก นับว่าขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า โดยฝ่ายชายอ้างอิงข้อความที่ระบุในพระคัมภีร์ที่ว่า ชายหญิงมีหน้าที่ผลิตทายาทเพื่อสืบทอดศาสนา
 
 
ในฉากนี้ เอสตีแย้งว่าในทัลมุต (คัมภีร์สูงสุดของยิวที่รวบรวมจากคำบอกเล่าของแรบไบผู้นำศาสนา) ไม่ได้มีบัญญัติข้อนั้นอยู่แม้แต่น้อย แต่ทั้งหมดเป็นการตีความเอาเองของศาสนิกชนรุ่นหลังมากกว่า 
 
แม้ว่าฉากนั้นจะจบลงด้วยความโกรธของยันกีที่รู้ว่าภรรยาของตนอ่านทัลมุต คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีไว้สำหรับผู้ชาย แต่ความน่ากังขาในฉากที่ว่าไม่ได้จบลงตามไปด้วย ซึ่งตัวเราก็กลับนั่งคิดต่อว่า ในเมื่อความเชื่อและศรัทธาในศาสนาไม่ใช่สิ่งที่จะย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์ หรือทำให้ใครเจ็บปวด แสดงว่าเราควรตั้งคำถามต่อไปสำหรับทุกศาสนาและทุกสังคม ว่าเนื้อแท้ของศาสนาคืออะไรกันแน่ มีไว้เพื่ออะไร และใครเป็นคนกำหนดระเบียบต่าง ๆ ที่ทำให้คนกดขี่กันอย่างที่เป็นอยู่ (ทั้งในซีรีส์นี้และชีวิตจริง) พระเจ้า ศาสดา หรือมนุษย์กันเอง?
 

เราทุกคนล้วนเป็นเหยื่อ

 
อีกสิ่งหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอได้อย่างน่าสนใจคือ การนำเสนอชะตากรรมของตัวละครที่ถูกกดขี่ด้วยความเป็นชาย แม้ว่าเมื่อพูดถึงความเป็นชายแล้ว ผู้ถูกกระทำมักเป็นเพศหญิงก็ตาม แต่หากเรามองในแง่ที่ว่า ความเป็นชายคือคอนเซปต์หนึ่งที่ถูกกำหนดขึ้น และตัวผู้ชายเองก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องมีความสมชายหรือ 'แมน' ให้ได้ตามคอนเซปต์นั้น เราก็น่าจะมองได้ว่า ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากแนวคิดเรื่องความเป็นชายและหลักการชายเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะเพศกำเนิด เพศสภาพ หรือเพศวิถีใด
 
 
ตัวละครที่นำเสนอสารดังกล่าวจากผู้สร้างได้เป็นอย่างดีก็คือ ยันกี เพราะเขาเองก็ถูกคาดหวังให้ต้องเป็นพ่อและสามีที่ดีเช่นกัน แม้ว่าเรื่องราวใน Unorthodox จะมุ่งนำเสนอชีวิตอันยากลำบากของฝ่ายหญิง เพื่อสะท้อนภาพผู้ถูกกดขี่โดยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แต่สิ่งที่ผู้กำกับไม่ละเลยที่จะตีแผ่ควบคู่กันไปก็คือ ความยากลำบากของผู้ชายในการประคับประคองความคาดหวังของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการควบคุมภรรยาให้ได้และให้ดี จนกลายเป็นความกดดัน และที่สุดแล้วก็ปะทุออกมาเป็นความเกรี้ยวกราดในช่วงท้ายเรื่อง 
 
 
เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ยันกีเลยกลายเป็นตัวละครที่เราจะรักก็รักไม่ลง จะเกลียดก็เกลียดไม่สุด เพราะเขาเองก็อาจจะอยากปฏิบัติกับเอสตีให้ดีกว่านี้ แต่เพราะข้อห้ามมากมายที่บ่มเพาะโดยสังคม การแสดงความรัก การอนุญาตให้เรียนเปียโน หรือพฤติกรรมที่ 'ซอฟต์' บางอย่าง ทำให้เขาถูกคนรอบข้างมองว่าไม่หนักแน่นสมชายชาตรี และที่ร้ายที่สุดก็คงเป็นการที่พวกเขาไม่มีลูก ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว ก็กลายมาเป็นจุดบกพร่องที่สร้างความชอบธรรมให้สังคมที่เขาเป็นสมาชิก เหยียดหยามว่าเขาบกพร่องในหน้าที่ไปซะอีก
 
การนำเสนอความยากลำบากของทั้งเอสตีและยันกีใน Unorthodox ที่เราเล่ามาตอกย้ำได้ดีว่า ในที่ที่ความเป็นชายถูกเชิดชู และหลักการชายเป็นใหญ่หยั่งรากลึกและมีผลผูกพันอย่างเข้มข้นในทุกกลไกการขับเคลื่อนสังคม ทุกคนต่างก็เป็นเหยื่อ เป็นผู้ถูกกระทำด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งที่สุดแล้ว ศาสนาควรนำไปสู่ภาวะเช่นนั้นหรือ? พระเจ้าประสงค์เช่นนั้นแน่หรือ?
 
Unorthodox สตรีมแล้วทาง Netflix
 
YouTube video
AdSense
AdSense
AdSense