เรานั่งคิดอยู่นานหลังดูหนังสารคดี The Kingmaker แด่ลูก ผัว และตัวฉันเอง... อีเมลดา มาร์กอส จบ ว่าเรารู้สึกยังไงกันแน่ จะว่าขำก็ขำ จะว่าเศร้าก็เศร้า และจะว่าโกรธก็โกรธ ที่โลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างฟิลิปปินส์นี้ ยังมีกลุ่มคนที่ใช้ชีวิต 'เหนือจริง' และล้ำสุด ๆ อย่างในเนื้อเรื่องนี้อยู่อีก
แน่นอน คอการเมืองต้องคุ้นเคยกับชื่อชั้นของครอบครัวมาร์กอส ข่าวฉาว และเรื่องราวรองเท้าหลายพันคู่ของอดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง อีเมลดา ที่ล่าสุดได้มีการถ่ายทอดออกมาเป็นหนังอย่างจริงจัง ร้อยเรียงเรื่องอย่างมีศิลปะ และเชื่อมโยงคนดูให้เข้าใจความเป็นมา เป็นไป และจะเป็นในอนาคตของวงศ์ตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในฟิลิปปินส์ไว้ได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง
'ฉันไม่ต้องการเป็นแม่ของฟิลิปปินส์ แต่เป็นแม่ของทั้งโลก' และ 'ช่วงที่สงครามเย็นกำลังคุกรุ่นที่สุด ฉันทำหน้าที่ได้อย่างไม่เคยผิดพลาด' เป็นคำพูดจากปากของ อีเมลดา ที่ตอกย้ำความสำคัญและบทบาทที่เธอมีต่อประเทศได้อย่างชัดเจน โดยที่แม้ขณะนี้เธอจะมีอายุย่างเข้าปีที่ 91 แล้วก็ตาม แต่ทางเดินชีวิตที่เธอได้สร้างไว้สำหรับลูกหลานนั้นยังคงเหมือนกับสมัยยังอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งแม้การใช้อำนาจอย่างเผด็จการของครอบครัวมาร์กอสจะจบลงด้วยการลี้ภัยชั่วคราวไปต่างประเทศ แต่ก็ลงเอยด้วยการเดินทางกลับมาแผ่นดินแม่อย่างสง่าผ่าเผย แถมยังกลับลงสู่สนามการเมืองได้อย่างแทบไม่ติดขัดเลยด้วย
ดูไปเราก็ได้แต่ทึ่งไป ที่สารคดีเรื่องนี้ทำให้เห็นอย่างแจ่มชัดเลยว่าคนที่มีอำนาจล้นฟ้ายังไงก็ต้องลงเอยด้วยการเป็นผู้ชนะ และเขียนประวัติศาสตร์เสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และความยุติธรรมก็อาจเป็นสิ่งที่หาไม่ได้เลย ในยุคที่เงินตราและผลประโยชน์ซื้อได้ทุกอย่าง ไม่เข้าใครออกใครแบบนี้
สรุปคือ The Kingmaker เป็นหนังเดือด ๆ เรื่องหนึ่งที่ทำประเด็นการเมืองยาก ๆ ให้เข้าใจง่าย และเชื่อเหลือเกินว่าคนดูบ้านเราจำนวนมากจะเอ็นจอยเนื้อหา ไม่ว่าสุดท้ายแล้วหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึกยังไงก็ตาม
The Kingmaker เข้าฉายจำกัดโรงในเครือ SF 2 ก.ค.
ฉาย Bangkok Screening Room, House Samyan และ Lido Connect 16 ก.ค.
