ไม่รู้ว่าชาวซอยมิลค์จะคิดเหมือนกันมั้ย แต่ทีแรกที่เราเห็นเทรลเลอร์หนังเรื่องใหม่ของ เลียม นีสัน เราก็คิดทันทีเลยว่า 'อีกแล้วเหรอ?' คือลุงแกจะมาเหนื่อยให้เราดูอีกแล้วเหรอ เพราะชื่อแกแทบจะการันตีเลยว่าถ้าไม่วิ่ง ไม่หนี ก็ต้องแค้นอะไรสักอย่างแล้วต่อสู้กลับจนสาแก่ใจ คืออะไรเหนื่อย ๆ มาหมดแน่ ๆ อะ ซึ่งเทรลเลอร์ของ The Ice Road เหยียบระห่ำ ฝ่านรกเยือกแข็ง ก็ให้ไวบ์นั้นอยู่ แต่แค่ยังไม่รู้ว่านอกจาก 'ถนนเยือกแข็ง' ที่เป็นแก่นเรื่องแล้ว จะต้องมาลุ้นกับอะไรอีกบ้าง

The Ice Road เล่าถึงคนขับรถบรรทุกและน้องชายช่างเครื่องคนเก่งที่เพิ่งตกงาน ได้รับแจ้งให้ไปคัดเลือกเป็นผู้ขนส่งอุปกรณ์สำคัญน้ำหนักหลายตันในภารกิจกู้ภัยเหมืองถล่ม โดยเส้นทางไปนั้นอันตรายแบบที่ไม่น่าจะมีใครกล้ารับงานเลยทีเดียว เพราะมันต้องผ่านถนนน้ำแข็งที่กำลังละลายหลังฤดูกาลเปลี่ยนและอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น แต่ชายคนนี้ก็เลือกที่จะรับงานอยู่ดี ส่วนหนึ่งเพราะตัวเขาก็เชี่ยวชาญการเสี่ยงตายบน 'ice road' อยู่พอตัว แถมค่าจ้างก็น่าพอใจด้วย


ถึงเนื้อเรื่องแค่นี้จะทำให้หนังดูเป็น 'หนังเลียม' พอแล้ว แต่ที่เราชอบมาก ๆ คือการสร้างสตอรี่ให้ปมต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด โดยหนังเลือกที่จะเปิดเรื่องมาด้วยข้อจำกัดในการทำงานของตัวเอก คือการมีน้องชายที่มีอาการบกพร่องทางภาษา ซึ่งทีแรกก็นึกว่าจะเล่นปมคนพิการเฉย ๆ แต่เปล่าเลย ตัวละครน้องชายเป็นทหารผ่านศึกที่เผชิญเหตุสะเทือนใจ เป็น PTSD ต้องรับการรักษาต่อเนื่อง แล้วระบบสาธารณสุขก็ดูแลคนกลุ่มนี้แบบส่ง ๆ อีก


แค่เปิดมาไม่กี่ซีนก็จี้ประเด็นสังคมไปแล้วอย่างน้อย 2 ประเด็น แต่หนังก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะสิ่งที่ทำให้คู่พี่น้องต้องออกไปผจญภัยท้าความตายก็คือเหตุเหมืองถล่มในแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีปัญหากดขี่และเหยียดคนพื้นถิ่นอย่างเข้มข้น แล้วเรื่องนี้ก็ถูกหยิบมาเล่นอีกจึ้ง คือให้ตัวละครสมทบมีเชื้อสายครี (หนึ่งในเผ่าอเมริกันพื้นถิ่น) ที่ถูกกดขี่จากเจ้าหน้าที่รัฐและนายทุน กลายเป็นว่าฉากหลังของการดริฟต์รถบรรทุกท้าความตายคือประเด็นสังคมที่เกิดขึ้นจริงและควรได้รับสปอตไลต์ล้วน ๆ

อุปสรรคของการนำส่งอุปกรณ์ช่วยเหลือคนงานเหมืองไม่ใช่แค่ถนนที่กำลังละลายและพื้นน้ำแข็งที่เปราะบางจนแทบไม่สามารถรับน้ำหนักขบวนรถบรรทุกกู้ภัยนี้ได้เท่านั้น แต่ทีมคนขับมากประสบการณ์ยังต้องพบกับ 'การขัดขา' ไม่ให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดีอีกต่างหาก สรุปคือตัวละครเหนื่อยมาก คนดูก็เหนื่อยมากด้วย ลุ้นสุด ๆ สมกับเป็นหนังเลียม แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันหยิบประเด็นสังคมสำคัญ ๆ มาโยงได้ดีมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าแอ็กชันทริลเลอร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์และเต็มไปด้วยหัวใจ (แม้จะเวอร์เกินเบอร์อยู่หลายฉากก็เถอะนะ) อยากชวนให้ไปดูกันเยอะ ๆ จ้า
The Ice Road เหยียบระห่ำ ฝ่านรกเยือกแข็ง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 28 ต.ค.
