ถือเป็นซีรีส์เกาหลีฟอร์มยักษ์ที่ปล่อยโปรโมตมาทีละเล็กทีละน้อย เรียกน้ำย่อยกันอยู่นานพอสมควร สำหรับเรื่อง Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (오징어 게임) ที่เล่าเรื่องชายติดพนันที่แสนจะไม่เอาไหน ไม่มีงานการเป็นชิ้นเป็นอัน วัน ๆ ได้แต่เกาะแม่กิน แถมมีหนี้ก้อนโตที่ต้องจ่ายอยู่วันนี้พรุ่งนี้ แต่ก็ยังไม่รู้จะหาเงินจากไหน จนได้รับโอกาสให้เข้าร่วมเล่นเกมชิงเงินรางวัล และที่สถานที่แข่งขันนั้นเอง เขาก็ได้พบกับ 'คนแบบเขา' หรือก็คือคนที่ต้องการเงินก้อนโตและหลังชนฝาสุด ๆ อีกนับร้อยชีวิต


ที่น่าแปลกก็คือผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ไม่มีใครรู้ว่าต้องเล่นเกมอะไร และกติกาคืออะไรกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาได้สลบไปพักหนึ่ง เมื่อตื่นมาอีกทีก็ถูกจับแต่งตัวพร้อมให้เข้าร่วมการแข่งขันสุดประหลาดที่ว่านี้แล้ว ซึ่งเมื่อเกมดำเนินไป ทุกคนถึงเข้าใจว่าทั้งหมดนี้คือการแข่งขันที่นำเกมสมัยเด็ก ๆ มาให้เล่น แต่ต่างกับเกมที่ทุกคนคุ้นเคยตรงที่เมื่อพลาด เมื่อแพ้ เท่ากับตายทันที!

ในสนามประลองที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าและแทบไม่มีใครรู้จักกันเลยนี้ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนถูกเรียกแทนด้วยตัวเลข ลำดับการสมัครเข้าร่วม โดยตัวเดินเรื่องของเราได้หมายเลข 456 และถือเป็นลำดับสุดท้ายของการแข่งขันพอดี แน่นอนว่าจำนวนผู้เข้าแข่งขันไม่ได้มี 456 คน อยู่ได้นานนักหรอก ก็เพราะว่าใครแพ้คือคนนั้นตายนี่นะ ถึงจะทำเอาผู้เข้าแข่งขันตกอกตกใจจนเสียกระบวนไปพอสมควร แต่สุดท้ายทุกคนก็เต็มใจที่จะเล่น เพราะเงินรางวัลนั้นสูงลิ่ว ล่อตาล่อใจเอามาก ๆ

จริง ๆ แล้ว คอนเซปต์การแข่งขันหรือเล่นเกมจนตายไม่ใช่เรื่องที่สดใหม่อะไรนัก ถึงซีรีส์เรื่อง Squid Game นี้ จะพยายามใส่เอกลักษณ์ความเป็นเกาหลีลงไป คือเลือกการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เกาหลีทุกคนต้องคุ้นเคย มาผูกให้เป็นเกมชี้เป็นชี้ตายสุดยูนีก แต่ส่วนตัวแล้วเราว่าความเป็นเกาหลีที่ชัดเจนและคมคายมาก ๆ กลับเป็นรายละเอียดปูมหลังตัวละครผู้เล่นเกมตัวหลัก ๆ มากกว่า เพราะพวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนชายขอบหรือคนไม่มีทางเลือกในสังคมเกาหลีทั้งนั้น


เหล่าผู้เล่นกลุ่มที่ว่ามีตั้งแต่ชาวเกาหลีเหนือที่พลัดพรากจากครอบครัว แรงงานต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย มนุษย์เงินเดือนที่สร้างหนี้ไว้ในระดับที่ทำงานทั้งชาติก็จ่ายไม่หมด สมาชิกแก๊งอันธพาลที่โดนหักหลัง ผู้หญิงก๋ากั่นเจนโลกที่ไม่มีใครอยากสุงสิงด้วย รวมถึงชายชราหลง ๆ ลืม ๆ ที่ป่วยหนักจนไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร
นี่ยังไม่รวมตัวละครสมทบที่คนดูจะได้ทำความรู้จักในเอพิโซดถัด ๆ มา ที่ก็สะท้อนปัญหาสังคมไม่แพ้คาแรกเตอร์หลักอีกนะ เช่น เด็กสาวที่ทนความรุนแรงในบ้านไม่ไหวเลยฆ่าพ่อตัวเอง หมอที่เข้าร่วมกับขบวนการค้าอวัยวะเถื่อน หรือคนที่หมกมุ่นในศาสนาจนไม่สนใจเหตุผลอื่น ๆ ในชีวิตเลย เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นตัวแทนของความสุดโต่งที่พบได้ทั่วไป และความน่าสนใจคือคนเหล่านี้ต้องมาห้ำหั่นกันเพื่อเงินรางวัลสำหรับคนคนเดียวนี่สิ!


เราชอบการพูดถึงสถานะทางการเงิน หนี้ครัวเรือน การล่มสลายของสถาบันครอบครัว และความไม่เอาไหนของมนุษย์เดินดินในเรื่องนี้มาก ๆ แต่ในขณะเดียวกัน Squid Game ก็ยังนำเสนอในส่วนอื่น ๆ ได้ไม่สมูทนัก ทั้งบางคาแรกเตอร์ที่ตื้นเขินและดูเป็นการ์ตูนเกินไป รวมถึงจังหวะการเล่าที่ดึงให้ช้าโดยไม่จำเป็นด้วย ทำให้เรื่องที่ควรจะน่าตื่นเต้นไม่เร้าใจอย่างที่เราคาดหวัง
ความจริงแล้วเรื่องนี้อาจไม่จำเป็นต้องมีความยาวถึง 9 เอพิโซดอย่างที่เป็นอยู่ และความจริงแล้วเรื่องนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงรับเชิญเป็น 'ตัวท็อป' ของวงการอย่าง กงยู หรือ อีบยองฮอน เลยด้วยซ้ำ ถ้าองค์ประกอบอื่น ๆ ลงตัวกว่านี้ กลมกล่อมกว่านี้ เราเชื่อว่าลำพังแคสต์หลักอย่าง อีจองแจ พักแฮซู วีฮาจุน และจองโฮยอน รวมถึงผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก เจ้าของผลงานอย่าง My Father, Silenced (กงยูแสดงนำ), Miss Granny และ The Fortress (อีบยองฮอนแสดงนำ) เอาอยู่แน่นอน
Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย สตรีมทาง Netflix
