ไม่ใช่หนังใหม่เท่าไหร่แล้ว สำหรับหนังเกาหลีปี 2019 อย่าง No Mercy ไร้เมตตา (언니) ที่ชื่อเรื่องภาษาเกาหลี 'ออนนี่' แปลตรง ๆ ได้ว่า 'พี่สาว' ซึ่งก็คือหัวใจสำคัญของผลงานระทึกขวัญเรื่องนี้เนี่ยแหละ โดยเล่าถึงพี่สาวสายบู๊ที่มีอาชีพเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี ต้องออกตามหาน้องสาวเด็กพิเศษที่หายตัวไป เริ่มจากเบาะแสเล็ก ๆ ในโรงเรียน ต่อเนื่องไปถึงแก๊งค้าผู้หญิง และลงท้ายที่ 'ตัวบอส' วายร้ายแถวบนสุดในห่วงโซ่อนาจาร
No Mercy มีคิวบู๊ที่ค่อนข้างหวือหวา เมื่อเทียบกับหนังแอ็กชันเกาหลีที่เดินเรื่องโดยผู้หญิงเรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยผ่านตา ซึ่งแค่นี้นักแสดงสายอึดคุณแม่ลูกหนึ่งอดีตนักมวยมือสมัครเล่นอย่าง อีชียอง 'เอาอยู่' สบายมาก แต่ที่เราประทับใจไปกว่าการที่หนังมันเล่าถึงปัญหาในสังคมเกาหลีที่ทุกคนรู้เห็นกันอยู่ เช่น การบุลลี่กันภายในโรงเรียน การค้าประเวณี ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก รวมถึงขบวนการค้ามนุษย์แล้ว มันยังพูดถึงความพิการและการเอาเปรียบคนด้อยกว่าไว้ในปริมาณที่มากพอ ๆ กันด้วย
อย่างหนึ่งที่เรารู้สึกได้ (ซึ่งขณะดูก็เซอร์ไพรส์พอสมควร) คือหนังค่อนข้างกล้าพูดถึง 'การข่มขืน' ในลักษณะที่ทำให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ไม่ได้โลกสวยว่า 'ตัวเอกจะโดนคนเลวข่มขืนแล้วนะ แต่มีคนมาช่วยไว้ได้' ว่าง่าย ๆ คือหนังเหมือนต้องการให้คนดูได้ดูซีนบาดหัวใจนี้จนรู้สึกว่าสังคมแบบนี้มันช่างบิดเบี้ยวเลวทราม แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้มีฉากโป๊เปลือยให้ลำบากใจอะไร
นอกจากการสะท้อนสังคมอย่างตรงไปตรงมาและใช้พลังผู้หญิงขับเคลื่อนเรื่องแล้ว บทพูดบางส่วนยังสะท้อนถึง Mindset ที่กดขี่เพศหญิงที่ฝังรากลึกอยู่ (ในตัวแต่ละปัจเจก) ในสังคมได้อย่างคมคายด้วย เหมือนเป็นการตีแสกหน้าคนดูที่ (อาจจะ) คิดเหมือนตัวละครใดตัวละครหนึ่งอยู่ไปด้วยซะทีเดียวเลย ถือเป็นหนัง Female Action ที่ทำเราลุ้นและเอาใจช่วยไปได้ตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะ
No Mercy ไร้เมตตา สตรีมแล้วทาง Netflix
