Skip to main content

ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ: เมื่อการทิ้งสิ่งของเจ็บปวดไม่แพ้การทิ้งความสัมพันธ์

อย่าอีโมดิแก 

ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ: เมื่อการทิ้งสิ่งของเจ็บปวดไม่แพ้การทิ้งความสัมพันธ์
January 12, 2020 Bangkok time

Spoiler Alert! บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาภาพยนตร์ 

ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา คงมีหลายบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย จะได้เริ่มต้นปีด้วยสเปซใหม่พร้อมกับใจที่เบิกบาน แต่การจัดบ้านในแต่ละครั้งก็มาพร้อมกับการขุดความทรงจำเก่า ๆ ขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดมุ่งหมายที่วางเอาไว้ เราก็แอบสละเวลาให้กับการย้อนเวลาไปเสียมาก แถมยังทำใจทิ้งไม่ลงอีก ทำได้แค่กองสุมไว้ที่เดิม ไม่ก็เปลี่ยนมุมใหม่ แต่จะจัดบ้านอย่างไรให้ราบรื่นนั้น เราก็ต้องมาหาคำตอบในหนังใหม่ของพี่เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ กันแล้วล่ะ 
 
YouTube video
 
ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ผลงานเขียนบทและกำกับชิ้นล่าสุดจากผู้กำกับอย่างพี่เต๋อ นวพล ก็เป็นอีกครั้งที่เขาหยิบจับเรื่องราวในชีวิตประจำวันมาสร้างเป็นหนังโรงให้เราดูจนได้ ซึ่งการจัดบ้านก็เป็นกิจกรรมช่วงสิ้นปีของพี่เต๋อเองเช่นกัน ฮาวทูทิ้งจึงมีคอนเซปต์ที่ชัดเจน ตรงประเด็น และแยบยลตามสไตล์เขา โดยที่ถุงดำ หรือก็คือถุงขยะที่มีกันทุก ๆ บ้าน ถูกนำมาทำเป็น Key Visual หลัก และการทิ้งที่ว่าก็ไม่ใช่แค่การทิ้งของในบ้าน แต่รวมถึงการทิ้งความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน อย่างที่ใครหลายคนชอบตั้งสเตตัสช่วงท้ายปีนั่นแหละว่า ปีนี้เราได้ทำใครหล่นหายไปบ้างรึเปล่านะ? 
 
 
หนังใหญ่รอบนี้ พี่เต๋อเลือกที่จะถ่ายในสัดส่วน 3:2 ซึ่งเราก็บอกเลยว่ามันเหมาะมาก ๆ เพราะเนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในพื้นที่บ้านเป็นหลัก เราจึงเห็นมุมกล้องที่เล่นกับสเปซได้ออกมาสวยงามลงตัว อย่างการถ่ายให้ติดขอบประตู หรือการให้พื้นที่บนจอกับโครงสร้างสถาปัตยกรรม อีกทั้งการเซตฉากและการคุมโทนภาพยังออกมาละมุนละไมอยู่ในทุกตอน สิ่งของทุกชิ้นถูกคัดมาจัดวางให้ดูรกแต่สะท้อนเรื่องราวของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม ใครตั้งใจไปดู Cinematography นี่เพลินอะบอกเลย เพราะตอนนี้บ้านพี่เอ็ม (ตัวละครหลัก) คงเป็นบ้านในฝันของใครหลายคนไปแล้ว (รวมถึงเราด้วย)
 
 
ตัวหนังมีการยึดโยงความสัมพันธ์ที่ตั้งให้ จีน เป็นตัวเดินเรื่อง เราจึงรู้สึกคุ้นเคยกับจีนมากที่สุด โดยหนังได้พาเราไปทำความรู้จักกับเธอผ่านกระบวนการจัดบ้านที่พาเธอกลับไปค้นหาบุคคลที่เคยอยู่ในชีวิต หลังจากที่เธอเรียนจบจากสวีเดน เริ่มจาก พิงค์ เพื่อนรักที่เข้ามาช่วยรีโนเวตบ้านของเธอให้กลายเป็นสตูดิโอ แต่กลับพบว่าทุกมุมเต็มไปด้วยสิ่งของไม่ใช้แล้วและยากที่จะเคลียร์ให้หมด เราจึงได้เห็นแบ็กกราวนด์ของตัวละครค่อย ๆ คลี่คลายให้คนดูเห็นอย่างมีชั้นเชิง โดยมีตัวละครแม่อย่าง หม่าม้า (ม้า) คอยปฏิวัติแนวคิด Mininal ด้วยความ Maximal กับ เจย์ พี่ชายสายซับที่น้องว่าไงก็ว่างั้น การปะทะกันของสอง Generation จึงเป็นปัญหาด่านแรกระหว่างสมาชิกในบ้าน
 
 
แล้วงานก็งอกจนได้ เมื่อจีนจัดบ้านไปจัดบ้านมาดันเผลอไปทิ้งของของเพื่อนรักอย่างพิงค์ได้ เกิดเป็นการคลายปมแรกที่ทำให้ตัวละครคิดได้ว่าฉันต้องแก้ตัวแล้วว่ะ เธอเลยค่อย ๆ รวบรวมสิ่งของที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้วทยอยหอบไปคืนเจ้าของ จนมาถึงบอสใหญ่ทางความรู้สึกอย่างกล้องฟิล์มของ พี่เอ็ม แฟนเก่าผู้ถูกจีนทิ้งอย่างไม่ไยดี จะคืนทางไปรษณีย์ก็ถูกตีกลับ สุดท้ายนางเอกของเราจึงต้องลากสังขารไปคืนของกันถึงบ้าน เป็นเหตุให้ถ่านไฟเก่ามาเจอกัน แต่ดูเหมือนพี่เอ็มจะมูฟออนกับ มี่ แฟนสาวคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
 
 
การจัดบ้านได้ถูกดำเนินต่อไปเคียงคู่กับการที่จีนต้องออกไปเจอพี่เอ็มอยู่เป็นระยะ ทั้งการมาคืนของที่จีนทิ้งไว้ในบ้านพี่เอ็มและการกลับไปเยี่ยมแม่ผู้ล่วงลับของพี่เอ็มที่สุสาน สุดท้ายแผลใจที่พี่เอ็มปิดกั้นเอาไว้ก็เปิดออกมา พร้อมกับการมูฟออนครั้งใหม่ที่มูฟหนีไปไกลถึงสิงค์โปร์ บทสรุปของทั้งสองจึงสิ้นสุดลงแค่นั้น ในขณะที่มี่เองก็ต้องถอยห่างออกจากสถานการณ์นี้เช่นกัน การกลับมาของจีนทำให้เอ็มคิดขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่ไม่จำเป็นก็ต้องทิ้งไป และแฟนคนปัจจุบันที่ไม่สามารถแทนที่คนเดิมได้นั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น จนเขาเลือกที่จะทิ้งในที่สุด ไม่ต่างกับการโยนข้าวของทิ้งโดยไม่คิดหน้าคิดหลังของจีนเมื่อต้นเรื่องเลย
 
 
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่ทิ้งยากที่สุดไม่ใช่กล้องของพี่เอ็ม แต่เป็นเปียโนของพ่อ คีย์ไอเทมชิ้นใหญ่ที่สุดในบ้าน คุณพ่อที่เพิ่งมาถูกกล่าวถึงอย่างจริงจังในช่วงกลางเรื่อง แต่สร้างอิมแพกต์จนใครหลายคนถึงกับเสียน้ำตา (รวมถึงเราด้วย) ทำให้เราเห็นถึงเหตุและผลของการกระทำทั้งหมดของจีน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกแสนเย็นชา หรือการทิ้งสิ่งของและคนรอบตัวแบบไม่ลังเล นั่นก็เพราะเธอและครอบครัวถูกคุณพ่อทิ้งมาก่อน ความเจ็บปวดจึงเป็นบทเรียนฝังใจที่ทำให้เธอเลือกจะแก้ปัญหาด้วยการเป็นฝ่ายทิ้งคนอื่นก่อน ตรงข้ามกับแม่ (ม้า) ที่เลือกจะเก็บทุกอย่างเอาไว้ และอยู่กับความทรงจำที่ไม่มีวันย้อนกลับมา ทั้งคู่จึงปะทะกันด้วยแนวคิดคนละขั้วอยู่หลายซีน แต่สุดท้ายเปียโนหลังที่ว่า ที่เป็นตัวแทนความทรงจำดี ๆ ของคุณพ่อก็ถูกขายทิ้งไปในที่สุด 
 
 
จากจุดเริ่มต้นที่จีนต้องลุกออกมาปฏิวัติพื้นที่ในบ้านอย่างจริงจัง ความพยายามที่นำของกลับไปคืน ไปจนถึงตอนท้าย เมื่อของในบ้านถูกเททิ้งไปจนหมด เหลือเพียงแต่ความทรงจำและความสัมพันธ์พัง ๆ ที่จีนต้องกล้ำกลืนฝืนทน เพื่อทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง และมูฟออนใช้ชีวิตกันต่อไป ความน่าสนใจจึงตกมาอยู่ตรงสิ่งที่หนังต้องการจะทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามให้กับคนดูว่า การทิ้งทุกอย่างให้หมด ทำให้เรามูฟออนได้จริงหรือไม่
 
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ คือการที่หนังเลือกจะให้จีนเป็นคนที่ไม่เสียใจต่อการกระทำและไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษในตอนต้นเรื่อง แต่กลับให้เธอพัฒนาเป็นตัวละครที่ขอโทษออกมาซ้ำ ๆ ในตอนท้าย แต่พอถึงเวลานั้น คำขอโทษของเธอก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป รวมถึงความเห็นของตัวละครพี่เอ็ม ที่บอกว่าการขอโทษแล้วหวังให้คนฟังยกโทษให้นั้นช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน สุดท้ายแล้ว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ จึงไม่ได้ตั้งคำถามกับธีมหลักอย่างการทิ้งเท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามกับรายละเอียดเล็ก ๆ (ในหนังและในชีวิตคนเราจริง ๆ) อย่างการขอโทษด้วย ถือเป็นการเล่นกับความเป็นมนุษย์ (ของตัวละครและของคนดู) ได้ดีทีเดียว