เชื่อว่าหลายคนที่ชอบดูการ์ตูนหรือแอนิเมชันคงเคยโดนเพื่อน ๆ หรือคนรอบข้างเหน็บแนมกันมาบ้างว่า "โตป่านนี้แล้วยังดูการ์ตูนอยู่อีกเหรอ" และก็ไม่รู้จะตอบโต้กลับไปยังไง เราจึงขออาสามาช่วยแก้ปัญหานี้ ต่อจากนี้ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนโดนเหน็บแนมแบบนี้อีก ให้ส่งบทความนี้ไปให้อ่านเลย เพราะนี่คือ 10 แอนิเมชันญี่ปุ่นที่ผู้ใหญ่ไม่ควรพลาด แล้วจะได้รู้กันว่าแอนิเมชันไม่ใช่แค่เรื่องสำหรับเด็กเท่านั้น จะมีเรื่องไหนบ้างไปดูกันเลย
1. Spirited Away (2001)

นี่คือแอนิเมชันจากญี่ปุ่นเรื่องเดียวที่สามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมจากเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างออสการ์ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องความยอดเยี่ยมของมันคงไม่ต้องพูดถึง Spirited Away ผลงานความยาว 125 นาที จากสตูดิโอชื่อดังที่ใครหลายคนน่าจะรู้จักอย่าง Studio Ghibli ผลงานการกำกับของ Hayao Miyazaki 'บิดาแห่งแอนิเมชันญี่ปุ่น'

Spirited Away เล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงวัย 10 ขวบ ซึ่งพลัดหลงเข้าไปในโลกต่างมิติ ในโลกนั้นมีสิ่งมหัศจรรย์มากมายทั้งภูต ผี แม่มด เทพเจ้า และเด็กหนุ่มนามว่า ฮาคุ ซึ่งจะนำเธอไปสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล ต้องบอกเลยว่า Spirited Away เป็นแอนิเมชันที่แฝงอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ลึกซึ้งมาก สะท้อนจิกกัดสังคมได้แยบคาย และอาจจะต้องดูมากกว่า 1 รอบ เพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมด ด้วยเนื้อหาแบบนี้แอนิเมชันเรื่องนี้อาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเสียด้วยซ้ำ
2. Your Name (2016)

ในระยะหลังมีแอนิเมชันญี่ปุ่นเข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราเยอะกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด Your Name อาจจะเป็น 1 ในสาเหตุของกระแสนิยมนี้ เพราะในตอนที่ Your Name เข้าฉายนั้น มันได้รับความนิยมแบบเกินความคาดหมาย ไม่เคยมีแอนิเมชันจากญี่ปุ่นเรื่องไหนเคยทำได้แบบนี้มาก่อน เป็นปรากฏการณ์ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้กับแอนิเมชันจากญี่ปุ่นเรื่องหลัง ๆ ด้วย

Your Name ผลงานของ Makoto Shinkai อีกหนึ่งเจ้าพ่อในวงการแอนิเมชันญี่ปุ่น เล่าเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่สามารถสลับร่างกันได้ แต่เมื่อพวกเขากลับคืนร่างเดิมกลับไม่สามารถจำชื่อของอีกฝ่ายได้ จึงเกิดเป็นการผจญภัยเพื่อตามหาว่าเขาหรือเธอคนนั้นเป็นใครกันแน่ ต้องบอกว่า Your Name เป็นแอนิเมชันที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างทำความเข้าใจง่ายเหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่ก่อนจะดูเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ให้ดีล่ะ เพราะถ้าใครใจไม่แข็งพอรับรองว่าน้ำตาอาบแก้มแน่นอน
3. The Girl Who Leapt Through Time (2006)

อีกหนึ่งแอนิเมชันน้ำดีจากญี่ปุ่น การันตีด้วยรางวัล Japan Academy Awards สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม ผลงานการกำกับของ Mamoru Hosoda ซึ่งต่อมาได้สร้างสรรค์แอนิเมชันชั้นดีอีกมากมายทั้ง Wolf Children และ Summer Wars

The Girl Who Leapt Through Time เป็นเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมปลายนามว่า มาโกโตะ ซึ่งเพราะอุบัติเหตุที่เกือบจะคร่าชีวิตของเธอไปทำให้เธอค้นพบว่าตัวเองสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ และด้วยความเป็นเด็กเธอจึงย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ โดยไม่คิดให้รอบคอบ ทั้งเรื่องความรัก การเรียน และเรื่องอื่น ๆ โดยไม่ได้ตระหนักว่าจะเกิดความสูญเสียตามมาแค่ไหน ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะดูเป็นแอนิเมชันวัยรุ่นทั่วไป แต่ขอบอกเลยว่าข้อความที่ The Girl Who Leapt Through Time ต้องการจะสื่อสารมายังคนดูนั้นเป็นคติเตือนใจได้กับทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว
4. My Neighbor Totoro (1988)

น้องงงงง~ หลายคนคงคุ้นตากับเจ้าตัวอ้วน ๆ กลม ๆ ขน ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Studio Ghibli แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าที่มาของมันมาจากแอนิเมชันยุคเก่าตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ชื่อเรื่อง My Neighbor Totoro เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งซึ่งต้องย้ายบ้านมายังชนบทห่างไกล เนื่องจากสุขภาพของผู้เป็นแม่ไม่ค่อยสู้ดีนัก และเมื่อเด็กสาวผู้เป็นลูก 2 คน เจอสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ไม่คุ้นตา การสำรวจจึงเกิดขึ้น จนกระทั่งพวกเธอได้พบกับยักษ์ใหญ่ใจดีผู้คุ้มครองป่านามว่า Totoro การผจญภัยสุดมหัศจรรย์จึงเกิดขึ้น

สำหรับแอนิเมชันของ Studio Ghibli นั้นไม่มีเรื่องไหนธรรมดา เพราะถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของ My Neighbor Totoro ทั้งการออกแบบตัวละครหรือเนื้อเรื่องดูจะทำมาเพื่อเป็นแอนิเมชันสำหรับเด็ก แต่ความจริงแล้วรายละเอียดที่ซ่อนอยู่นั้นละเอียดอ่อนและลึกซึ้งเกินความเป็นเด็กไปไกลเลยทีเดียว
5. 5 Centimeters Per Second (2007)

ก่อนจะมาเป็น Your Name นี่คือผลงานสร้างชื่อของผู้กำกับ Makoto Shinkai "5 วินาทีคือระยะเวลาร่วงโรยของกลีบซากุระจากต้นลงสู่พื้น" เรื่องก่อนหน้าในลิสต์อาจจะเป็นแอนิเมชันที่สามารถดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่สำหรับ 5 Centimeters Per Second อาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่อย่างเดียวเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่คือภาพยนตร์รักดราม่าเนื้อหาหนักหน่วงที่นำเสนออกมาในรูปแอนิเมชัน ซึ่งเด็ก ๆ อาจจะไม่อิน

เรื่องนี้เล่าถึง ทาคากิ เด็กหนุ่มซึ่งตกหลุมรักแรกพบกับ อาการิ เพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะแฮปปี้ แต่วันหนึ่งอาการิต้องย้ายบ้านไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งห่างออกไปหลายร้อยกิโล เป็นระยะทางที่ดูไกลเหลือเกินสำหรับเด็กมัธยม และตัวทาคากิเองก็มีเด็กสาวอีกคนชื่อ คาเนะ มาตกหลุมรัก แต่ดูเหมือนว่าใจของทาคากินั้นจะให้อาการิไปจนไม่สามารถแบ่งให้ใครได้อีกแล้ว ฟังแค่เรื่องย่อยังดราม่าขนาดนี้ ใครที่คิดจะหามาดู แค่ผ้าเช็ดหน้าอาจจะยังไม่พอ แนะนำให้หาทิชชู่ม้วนใหญ่ ๆ มาเลยดีกว่า เพราะแอนิเมชันเรื่องนี้ผู้ชายอก 3 ศอกก็ไม่รอด แก้มเปียกกันทุกราย ยิ่งตอนจบที่ใช้เพลง One more time, one more chance เข้าไปด้วยนะ โอ้โห ตายยยย
6. Akira (1988)

ผลงานขึ้นหิ้งระดับตำนานของผู้กำกับ Katsuhiro Ôtomo เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมื่อกรุงโตเกียวถูกระเบิดปรมาณูและต่อมาก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมืองสำคัญต่าง ๆ ถูกทำลายจนยับเยิน หลังจากที่สูญเสียอย่างร้ายแรง 3 อาทิตย์ต่อมา ทุกประเทศได้เจรจาสันติเพื่อสงบศึกเพื่อสร้างโลกใหม่ 31 ปีต่อมา ญี่ปุ่นสร้างเมืองตรงอ่าวโตเกียวขึ้นมาใหม่ที่มีสภาพเหมือนเมืองโตเกียว ใช้ชื่อว่า 'นีโอโตเกียว' ท่ามกลางสภาพสังคมที่เลวร้าย มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ชอบซิ่งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมืองกลุ่มหนึ่งที่นำโดย คาเนดะ และ เท็ตซึโอะ และวันหนึ่งพวกเขาทั้งคู่ก็ได้เข้าไปพัวพันกับการทดลองของรัฐบาลในโครงการที่ชื่อว่า อากิระ การต่อสู้จึงเกิดขึ้น

Akira เป็นอีก 1 เรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ อย่างแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้ว นี่คือภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟชั้นดีที่มาในรูปแบบแอนิเมชันเลยล่ะ!
7. The Tale of the Princess Kaguya (2013)

มี Hayao Miyazaki แล้วก็ต้องมี Isao Takahata เพราะ 2 คนนี้เปรียบเสมือนสิงห์เหนือเสือใต้ของ Studio Ghbli The Tale of the Princess Kaguya เป็นแอนิเมชันที่มีสไตล์แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างชัดเจน เพราะงานภาพของทั้งเรื่องนี้วาดด้วยสีน้ำ จึงอาจจะดูยากไปสักนิดสำหรับคนทั่วไป แต่อยากให้ลองเปิดใจรับเพราะนี่คือแอนิเมชันที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ

The Tale of the Princess Kaguya เล่าตำนานของญี่ปุ่นเรื่อง 'เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่' เนื้อเรื่องอาจจะดูเบสิกไม่มีอะไรหวือหวา แต่จุดเด่นเรื่องนี้อยู่ที่การบีบคั้นอารมณ์ที่บอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่น้ำตาท่วมจอ
8. Perfect Blue (1997)

ถ้า Akira หรือ 5 Centimeters Per Second เป็นแอนิเมชันที่ไม่เหมาะกับเด็กแล้วล่ะก็ Perfect Blue คือแอนิเมชันที่ห้ามเด็กดูเด็ดขาด อย่าให้ภาพลักษณ์ของความเป็นแอนิเมชันหลอกคุณเลย เพราะนี่คือภาพยนตร์ระทึกขวัญหลอนประสาทดี ๆ เรื่องหนึ่งนี่เอง

Perfect Blue เล่าเรื่องราวของ มิมะ นักร้องไอดอลซึ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อจะเข้าวงการบันเทิงในฐานะนักแสดงแทน แต่ทุกอย่างกลับไม่ราบรื่นแบบนั้น มีปัญหาเข้ามามากมาย ทั้งแฟนคลับที่ตามรังควานไม่เลิกรา และการไต่เต้าในวงการนักแสดงที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าเล่ามากกว่านี้จะเป็นการสปอยล์ อยากให้ลองไปหาชมกันเอง แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าถ้าคิดว่าแอนิเมชั่นจะทำคุณหลอนหรือกลัวไม่ได้แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าคุณคิดผิด!
9. The Garden of Words (2013)

เราพยายามจะสร้างความแตกต่างให้กับลิสต์นี้อย่างที่สุดแล้วโดยการพยายามไม่เอางานของผู้กำกับคนเดียวกันเข้ามาหลายชิ้น แต่สำหรับ Makoto Shinkai 3 เรื่องที่ติดเข้ามาในลิสต์นี้ไม่สามารถตัดเรื่องไหนออกได้จริง ๆ เพราะเราอยากให้ทุกคนได้ดูแอนิเมชันที่ดี

The Garden of Words เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มมัธยมปลายคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นช่างทำรองเท้าสำหรับสตรี ทุกเช้าที่ฝนตกเขาจะหนีเรียนออกมานั่งฝึกทำรองเท้าที่ศาลาในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง และที่นั่นเขามักจะพบกับหญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าเขาเกือบ 10 ปี เธอมักจะมานั่งกินช็อกโกแลตพร้อมจิบเบียร์ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากตรงนี้ นี่คือหนังรักเงียบเหงาที่มาในรูปแบบแอนิเมชัน ให้อารมณ์เหมือนดู Lost in Translation หรือ Her แตกต่างแค่รูปแบบของงานภาพเท่านั้นเอง
10. The Wind Rises (2013)

เช่นเดียวกับ Makoto Shinkai เพราะ Hayao Miyazaki ก็เป็นอีกคนที่มีผลงานยอดยี่ยมมากมายเหลือเกิน และเราก็ไม่สามารถไม่เอาเรื่องนี้เข้ามาอยู่ในลิสต์ได้จริง ๆ The Wind Rises คือผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนวางมือของ Hayao Miyazaki เล่าเรื่องราวชีวิตของ จิโร่ นักออกแบบเครื่องบินรบของญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

ถึงมันจะเป็นแอนิเมชันกึ่งอัตชีวประวัติ แต่ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อเลย เนื้อเรื่องเล่าออกมาได้อย่างลื่นไหลและลึกซึ้ง Hayao Miyazaki ทิ้งทวนให้กับวงการแอนิเมชันที่เขาอยู่มาทั้งชีวิตได้อย่างสวยงาม "ลมพัดแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม"
นี่คือแอนิเมชัน 10 เรื่อง ที่เราอยากให้ทุกคนลองไปหาดูให้ได้สักครั้ง เพราะต่อให้เราจะบอกว่ามันดีแค่ไหนก็ไม่เท่ากับการดูด้วยตัวเองหรอก ถ้าดูจบแล้วเชื่อว่าหลายคนคงเปลี่ยนความคิดว่าแอนิเมชันไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กจริง ๆ ด้วย