หลังจากที่ผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมของไทยไปคว้ารางวัลชนะเลิศจากการโหวตของผู้คนทั่วโลกบนเว็บไซต์ Arch Daily มาแล้ว ล่าสุดผลงานการออกแบบของสถาปนิกชาวไทยยังทำให้เราภูมิใจไปอีกขั้น เมื่อพากันไปคว้ารางวัลจาก Architizer A+ Awards ครั้งที่ 5 ในนครนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นอีกเวทีใหญ่ด้านการออกแบบที่รวบรวมผลงานด้านการออกแบบจากทั่วโลก
การประกาศผลรางวัลเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มาจากการโหวตของคนทั่วไปแต่เพียงอย่างเดียว แต่มาจากการพิจารณาของคณะกรรมการที่ทาง Architizer คัดเลือกมาเป็นคณะกรรมการจากหลายสาขาในแวดวงการออกแบบ ตั้งแต่ภัณฑารักษ์ด้านดีไซน์ ไปจนถึงคนในแวดวงงานศิลปะ แฟชั่น สื่อ และแน่นอนคือสถาปนิกเองด้วย 
มาดูกันเลยว่าโปรเจคไหนของไทยคว้ารางวัลมาบ้าง ซึ่งนอกจากผู้ชนะแล้ว เรายังมีอีก 3 โปรเจคของไทยที่เข้ารอบ ซึ่งเราก็ขอแสดงความยินดีกับทุกทีมเลยนะ
	
	
Winners
The Commons

ออกแบบโดย: Department of ARCHITECTURE (www.departmentofarchitecture.co.th) 
สาขา: Commercial-Shopping Center
เข้าชิงเกือบทุกสถาบันการออกแบบจริงๆ กับคอมมิวนิตี้มอลล์สำหรับคนรักอาหารซอยทองหล่อ 17 ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องผู้อยู่เบื้องหลัง Roast คาเฟ่โปรดของชาวทองหล่ออย่าง วรัตต์ และ วิชารีย์ วิจิตรวาทการ ซึ่ง The Commons ชนะใจกรรมการไปในสาขา Commercial-Shopping Center จากการออกแบบพื้นที่มอลล์แบบแนวตั้ง open air ให้พื้นที่ต่างๆ เชื่อมถึงกันด้วยการไล่ระดับของชั้นต่างๆ

โดยเฉพาะโซน The Ground ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ต้นไม้ และร้านขายของคีออสเล็กๆ ไปจนถึงที่นั่งไล่ระดับที่อยู่ภายใต้ร่มของชั้น 3 และชั้น 4 ที่ทำหน้าที่กันแดดกันฝนให้นั่งกันได้ทั้งวัน ด้านหน้าสวยเด่นด้วยตะแกรงเหล็กบางๆ ที่ทำหน้าที่คล้ายม่านที่กลมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมปูนเปลือยของที่นี่ ทำให้คว้าทั้งรางวัลชนะเลิศจากทั้งกรรมการและ Popular Vote

335 ทองหล่อ ซอย 17,โทร. 089-152-2677 thecommonsbkk.com
	
Choui Fong Tea Cafe

ออกแบบโดย: IDIN Architects (www.idinarchitects.com) 
สาขา: Hospitality-Restaurants
อีกหนึ่งงานออกแบบสวยบาดใจที่คว้ารางวัลชนะเลิศจาก Jury มาครองคือการออกแบบคาเฟ่แห่งใหม่ของไร่ชาฉุยฟงใน จ.เชียงราย ที่ตัดสินใจว่าจ้างสตูดิโอออกแบบสุดโปรดของเราให้ออกแบบพื้นที่บนเนินเขาที่มองเห็นวิว 360 องศาเหนือไร่ชาเขียวชะอุ่ม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

เราชอบที่การออกแบบฝังตัวไปกับยอดเขาทำให้ส่วนฐานของคาเฟนั้นถูกซ่อนเอาไว้ และมีเพียงตัวอาคารทรงกล่องตั้งโดดเด่นอยู่ด้านบน ซึ่งภายในมีทั้งส่วนที่เป็นร้านชาซึ่งเป็นสินค้าหลักของไร่ชาฉุยฟง ไปจนถึงที่ที่นั่งคาเฟ่ซึ่งเสิร์ฟอาหาร และขนมให้เราจิบชาไปพร้อมกับชมวิวไร่ชาสุดลูกหูลูกตา ที่เก๋คือห้องน้ำซึ่งได้รับการออกแบบให้ซ่อนอยู่ใต้โครงสร้างหลัก แต่ก็ยังมีพื้นที่เปิดโล่งให้แสงธรรมชาติส่องลงมาด้วย

97 หมู่ 8 อ.แม่จัน จ.เชียงราย โทร. 053-771-563 goo.gl/kHxwuS
	
Baan Nhong Bua School

ออกแบบโดย: Junsekino Architecture & Design (www.junsekino.com) 
สาขา: Institutional-Primary & High Schools
คว้ารางวัลชนะเลิศแบบ Jury มาครองคืองานออกแบบโรงเรียนบ้านหนองบัว ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโปรเจคที่บริษัทสถาปนิก Junsekino มาร่วมทำงานกับกลุ่ม Design for Disasters (D4D) สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัทสถาปนิกอีก 8 แห่งเพื่อร่วมกันออกแบบโรงเรียนใหม่ให้กับโรงเรียน 9 แห่งที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2557 รวมทั้งโรงเรียนบ้านหนองบัว

ด้วยงบประมาณที่ได้รับการบริจาคมาจากหลายแห่งนำโดยท่าน ว.วชิรเมธี และอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โรงเรียนต่างๆ ที่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่นี้จึงมีชื่อต่อท้ายว่า “พอดี พอดี” ไปด้วย โดยตัวโรงเรียนจะมี 4 ห้องเรียนที่ปิดผนังไว้ พร้อมพื้นที่ด้านหน้าให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยใช้วัสดุก่อสร้างหลักเป็นเหล็ก และไม้ไผ่เพื่อความแข็งแรง และยืดหยุ่นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวอีกรอบ แถมการออกแบบโครงสร้างห้องเรียนให้สูงโปร่ง เหมาะกับอากาศของเมืองไทยยังช่วยให้อากาศถ่ายเทไหลเวียนได้ดีด้วย

โรงเรียนบ้านหนองบัว หมู่ที่ 20 ต.พาน อ.พาน จ.เชียงราย
	
Finalists
Naiipa Art Complex

ออกแบบโดย: stu/D/O Architects (www.stu-d-o.com) 
สาขา: Commercial-Mixed Use
งานออกแบบ mixed-use สเปซที่เข้ารอบสุดท้ายของรางวัลนี้นั่นคือ ในป่า อาร์ต คอมเพล็กซ์ ที่เกิดจากความคิดของเก้-ศาณ์ปัฏ รักษ์ขิตวัน เจ้าของพื้นที่ซึ่งอยากสร้างอาร์ต สเปซขึ้นมาพร้อมกับสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองด้วย จึงได้มอบหมายให้ ดิว-ชนาสิต ชลศึกษ์ จาก Stu/D/O Architects ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบยั่งยืนมาออกแบบพื้นที่ให้โดยมีข้อตกลงร่วมกันนั่นคือ ห้ามตัดต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่แม้แต่ต้นเดียว โดยพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตรก็มีทั้งสำนักงาน คาเฟ่อย่าง Library และ co-working space อย่าง Pencave ด้วย
	
	
Multi-Place

ออกแบบโดย: EKAR (www.ekararchitects.com) 
สาขา: Commercial-Mixed Use
อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่เข้าชิงในสาขาเดียวกันมีความน่าสนใจตรงที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่อยู่ในจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับการออกแบบให้เข้ากับความต้องการของทั้งเจ้าของตึกสองพี่น้องที่เป็นทั้งเภสัชกร และสัตวแพทย์ จึงออกมาเป็นอาคารที่เป็นทุกอย่างตั้งแต่ที่ตั้งคลินิก ไปจนถึงร้านขายของสัตว์เลี้ยง โฮสเทล คาเฟ และห้องประชุมให้เช่า โดยแบ่งตึกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนหน้าและส่วนหลังโดยพื้นที่ตรงกลางทำเป็นสวนให้ลูกค้ามานั่งผ่อนคลายได้ 
	
	
Aperture House

ออกแบบโดย: stu/D/O Architects (www.stu-d-o.com) 
สาขา: Residential-Private House (ขนาด 3,000-5,000 ตารางฟุต)
อีกหนึ่งงานคุณภาพจาก stu/D/O Architects ที่ติดโผจากการออกแบบอาคารบ้านพักทรงแปลกตาที่เป็นบ้านพักของช่างภาพและนักออกแบบภูมิทัศน์ ทำให้เป็นที่มาของชื่อบ้าน Aperture House หรือบ้านรูรับแสง (เหมือนกับชื่อเรียกรูรับแสงของกล้อง) ซึ่งสถาปนิกออกแบบให้ตัวบ้านชั้น 4 ชั้นเปิดรับแสงตั้งแต่ชั้นบนจนถึงชั้นล่างของบ้าน โดยเฉพาะกับช่องแสงที่เจาะไว้บนกำแพง ซึ่งจะทำให้บ้านเก็บภาพความงามของแสงและเงาในช่วงต่างๆ ให้คนในบ้านได้ชมตลอดวัน