เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า จ.ภูเก็ต เป็นหนึ่งในหมุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก อ้างอิงจากสถิติของสำนักงานสถิติภูเก็ต ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2559 มีนักท่องเที่ยวเฉพาะชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนไข่มุกแห่งอันดามันแห่งนี้ในแต่ละปีเฉลี่ยปีละเกือบ 10 ล้านคน หรือหากดูจากสถิติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังภูเก็ตในช่วงปีใหม่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ก็มีจำนวนมากถึง 200,000 คน จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเศรษฐกิจหลักของเกาะภูเก็ตคือการท่องเที่ยว และนั่นทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ผุดขึ้นบนเกาะภูเก็ตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา
ดูเผิน ๆ แล้ว Porto de Phuket ก็น่าจะไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าหรือจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภูเก็ตที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่เมื่อเรามีโอกาสได้ลองไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ารูปแบบคอมมูนิตีมอลล์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ‘คอมมูนิตี’ จริง ๆ แห่งนี้ เราก็พบว่าที่นี่มีบางอย่างที่ต่างไปจากห้างสรรพสินค้าอื่น
Porto de Phuket เป็นคอมมูนิตีมอลล์น้องใหม่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางชุมชนถ.บ้านดอนเชิงทะเล ไม่ไกลจากสนามบินภูเก็ตมากนัก ภายใต้การบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยความที่โลเคชันของห้างอยู่ใจกลางชุมชนที่มีคนท้องถิ่นดั้งเดิมอาศัยอยู่ ทางผู้บริหารและทีมออกแบบจึงพยายามทำให้ห้างแห่งนี้มีลักษณะที่เป็นมิตรกับชุมชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้จากการออกแบบตัวอาคารที่ทำออกมาคล้ายกับโรงนาและตั้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นที่ สลายภาพจำเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าที่มักจะเป็นตึกสูงปิดทึบเพื่อเปิดแอร์ ซึ่งมักดูแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ที่นี่เขาออกแบบมาให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีแม้กระทั่งรั้วกำแพงมาขวางกั้นพื้นที่ห้างกับชุมชนรอบข้าง เพื่อเปิดต้อนรับทุกคนให้เดินเข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้ร่วมกันได้อย่างโอเพ่น
ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่นั่งพักผ่อนกระจายตัวอยู่ทั่วพื้นที่โอเพ่นมอลล์แห่งนี้ รวมไปถึงสนามเด็กเล่นที่เปิดให้เด็ก ๆ ในชุมชนและคนที่มาใช้บริการสามารถมาใช้พื้นที่แห่งนี้ร่วมกันได้ และเพื่อเป็นการยืนยันว่า Porto de Phuket เป็นคอมมูนิตีมอลล์ที่ใส่ใจคนในชุมชนจริง ๆ ต้นไม้ที่เราเห็นอยู่ในพื้นที่ทุกต้นจึงเป็นต้นไม้ที่ล้วนอยู่ยืนต้นมาก่อนที่โครงการจะเริ่มสร้าง โดยที่ผู้บริหารและทีมออกแบบตั้งใจที่จะอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ในที่เดิม ไม่โค่นทิ้งเพื่อทำการก่อสร้าง แต่กลับออกแบบแปลนอาคารให้โอบล้อมหรือลดเลี้ยวผ่านต้นไม้ เพื่อที่จะไม่ต้องตัดต้นไม้เดิมที่อยู่ในพื้นที่
นอกจากการออกแบบพื้นที่และสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรกับชุมชนแล้ว Porto de Phuket ยังถูกสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะเป็นพื้นที่กิจกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีของคนภูเก็ต ทั้งคนที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม ไปจนถึงชาวต่างชาติที่ย้ายมาเป็นชาวภูเก็ตหน้าใหม่ เราจึงได้เห็นกิจกรรมในตอนเช้าอย่าง การนำออกกำลังกายยามเช้า หรือการเล่นโยคะกลางแจ้ง เกิดขึ้นบนพื้นที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมี Central Food Hall ที่มีความแตกต่างจากที่สาขาอื่นตรงที่เขาตั้งใจจะให้เป็นเหมือน ‘โรงอาหารของชุมชน’ ดังนั้นในบริเวณที่เป็นโซนครัวและโซนรับประทานอาหาร เขาจึงมีการจ้างเชฟผู้เชี่ยวชาญมาปรุงอาหารโดยเฉพาะ และยังมีเมนูพิเศษที่ต้องมาที่ Porto de Phuket เท่านั้นถึงจะได้ชิม อย่างเมนูสตาร์ตเตอร์จานนี้ที่เป็นการนำวัตถุดิบท้องถิ่นของภูเก็ตมารวมไว้ในจานเดียว ไล่ไปตั้งแต่มันหวานภูเก็ตที่กินคู่กับซอสแกงแดงแบบภาคใต้ ถั่วอันดามันที่กินคู่กับเมล็ดเจียที่นำมาทำเป็นแครกเกอร์ รวมไปถึงหมูกรอบชิ้นหนาชุ่มฉ่ำของดีของภูเก็ต ก็ถูกนำมาไว้ในจานนี้ด้วย
นอกจาก Central Food Hall แล้ว ที่ Porto de Phuket ที่มีความหมายว่า ‘ประตูสู่ภูเก็ต’ ยังตั้งใจที่จะเป็นประตูแรกที่พานักเดินทางต่างถิ่นเข้าไปทำความรู้จักภูเก็ต ที่นี่จึงมีร้านอาหารมากมายที่สะท้อนทั้งรสชาติความเป็นภูเก็ตดั้งเดิม ไปจนถึงความเป็นภูเก็ตที่เกิดจากการรวมตัวของหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งร้านที่เราเลือกเข้าไปชิมวันนี้ก็คือ Sauy สาขาใหม่ที่มาเปิดที่นี่เป็นสาขาที่สาม ซึ่งชื่อ Sauy ก็เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนที่ตั้งใจมาชิมรสชาติอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดนิงที่ผสมความสร้างสรรค์และรสชาติท้องถิ่นของภูเก็ต มาวันนี้เราก็ได้ลองชิมสองเมนูขึ้นชื่อของร้าน โดยจานแรกเป็นสตาร์ตเตอร์แบบเย็น Tuna Carpaccio Ponzu Sauce and Wasabi Ice Cream ที่ทั้งรสชาติและความสร้างสรรค์จัดเสิร์ฟมาพร้อมกันอย่างลงตัว โดยเชฟได้นำปลาทูนาดิบที่ทำเป็นแผ่นบาง ๆ มาราดด้วยซอสพอนสึที่ให้ความสดชื่น แล้วตัดรสชาติให้ซ่าลิ้นด้วยวาซาบิที่เสิร์ฟมาในรูปแบบไอศกรีมที่ทำให้น้ำหูน้ำตาไหล แต่ก็แอบทำให้สดชื่นและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งจานที่เราได้ลองคือ Udon Noodle with Khaosoi Curry from Chiangmai Serve with Crispy Skin Sea Bass Steak หรือ เส้นอุด้งปลากระพงราดซอสข้าวซอย นั่นเอง ที่จริงเมนูนี้เป็นจานเด็ดของร้าน Sauy สาขาดั้งเดิมอยู่แล้ว แต่พอมาที่นี่เขาก็มีการพลิกแพลงนิดหน่อย โดยเปลี่ยนจากแซลมอนเป็นปลากระพงแทน ที่จริงเราค่อนข้างชอบที่เขาใช้ปลากะพงนะ เพราะปลากะพงมีกลิ่นเฉพาะตัวที่บางคนอาจว่าคาว แต่สำหรับเรากลับให้กลิ่นอายและความรู้สึกของปลาทะเลไทยดี ซึ่งสเต็กปลากะพงนี้เขาก็ทอดหนังมาได้กรอบพอดี ทำให้ตัดกับเนื้อสัมผัสของเส้นอุด้งนุ่ม ๆ ส่วนซอสข้าวซอยก็ทั้งเข้มข้นและละมุนไปในตัว เรียกว่าใช้สัดส่วนของเครื่องแกงกับกะทิได้พอดี สำหรับเราแล้วเมนูนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกินอาหารโฮมคุกในบรรยากาศไฟน์ไดนิง เหมาะเป็นมื้อปิดวันตอนเย็น ๆ หรือค่ำ ๆ กับครอบครัวดีนะ
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าที่นี่เขาเน้นอาหารอย่างเดียว ที่จริงแล้วเราสามารถมาใช้เวลาที่ Porto de Phuket แห่งนี้ได้ทั้งวัน สมกับที่เขาตั้งใจที่จะเป็นสนามหญ้าของชุมชนจริง ๆ ล่ะ เพราะบนพื้นที่แห่งนี้ยังประกอบไปด้วยร้านขายของแต่งบ้านไอเดียเก๋ ๆ, ร้าน Supersports และ B2S, ร้านทำเล็บเสริมสวย รวมไปถึงร้านเพ็ตแคร์ที่ครบเครื่องเรื่องเพื่อนรักแสนรู้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่านอกจากจะต้อนรับคนในชุมชนแล้ว เขายังต้อนรับเพื่อนสี่ขาของคนในชุมชนด้วยนะ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคนจูงน้องหมามาเดินเล่นที่นี่
แสำหรับคนที่ต้องการแสวงหาการพักผ่อนอย่างแท้จริง หรือนั่งเครื่องบินมาแล้วเมื่อยล้าเหลือเกิน ที่นี่เขายังมีสปาที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่าง Let’s Relax ที่มีสาขาอยู่ทั่วกรุงเทพฯ มาเปิดให้เราเข้าไปรับบริการทั้งนวดแผนไทย นวดน้ำมัน นวดอโรมา หริอนวดหินร้อน ก็มีที่นี่เช่นกัน เรียกว่าถ้ามาภูเก็ตเพื่อขจัดความเมื่อยล้ากายใจจากการทำงาน เดินเข้ามาที่นี่ก็เหมือนกับเจอที่ที่ใช่ต่อใจเราเลยล่ะ
ใครที่มีแผนไปพักผ่อนกายใจที่ภูเก็ตช่วงปีใหม่นี้ ก็ลองปักหมุดให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายที่จะแวะหน่อยก็ได้นะ เห็นว่าช่วงปลายปีนี้อากาศจะกลับมาใจดีกับเราอีกครั้ง แวะไปเดินเล่นนั่งเล่นที่ Porto de Phuket สักหน่อยก็เข้าท่าเลยล่ะ
Porto de Phuket ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขับรถมาจากสนาม
บินภูเก็ตใช้เวลาประมาณ 30 นาที
