ถึงตัวเราจะไม่ใช่หนอนหนังสือหรือนักอ่านตัวยงอะไร แต่ทุกครั้งที่เจอนิทานหรือหนังสือสำหรับเด็กก็จะหยุดยืนดูโดยอัตโนมัติซะอย่างนั้น ไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม แล้วด้วยยุคด้วยสมัยที่เปลี่ยนไป กลายเป็นว่าหนังสือเด็กเดี๋ยวนี้เริ่มมีเมสเสจที่ลึกซึ้ง และสามารถหยิบยกประเด็นสังคมต่าง ๆ มาพูดถึงอย่างเข้าใจง่าย ไม่มีข้อจำกัด (และมากกว่าสมัยเราเป็นเด็กอย่างชัดเจน) วันนี้เราเลยอยากรวบรวมหนังสือเด็กภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเอามาเล่าให้ชาวซอยมิลค์ฟัง ว่าใจความของสิ่งที่ทำขึ้นเพื่อเด็กสมัยนี้ มันถูกนำเสนอประมาณไหนบ้าง
The Space Between Lost and Found
The Space Between Lost and Found เป็นหนังสือเด็กที่เขาบอกว่าสำหรับช่วงอายุ 8-11 ขวบ เล่าถึงเด็กผู้หญิงที่แม่ของเธอกำลังแสดงอาการของโรคอัลไซเมอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่สองแม่ลูกชอบช่วยกันวางแผนทำโน่นทำนี่กันตลอด ฝั่งคุณแม่ก็ค่อย ๆ หลงลืม ลืมกระทั่งสิ่งที่เด็กน้อยคิดว่าแม่จะไม่มีทางลืม อย่างชื่อของตัวเธอ แต่แก่นของเรื่องไม่ได้อยู่ที่อาการของคุณแม่หรอกนะ อยู่ที่การดูแลคุณแม่ก่อนที่จะพาเป็นรักษาอย่างจริงจังมากกว่า ซึ่งการที่เห็นหนังสือเด็กเล่าเรื่องเด็กดูแลแม่ที่ป่วยแบบนี้ ส่วนตัวเราว่าแอดวานซ์มากเลย มันอิ่มใจและสะเทือนใจไปพร้อมกันในคราวเดียว อยากเห็นหนังสือเด็กภาษาไทยเขียนถึงประเด็นความบกพร่องและความป่วยไข้ในลักษณะนี้บ้างจัง

When Stars Are Scattered
When Stars Are Scattered เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กในช่วงอายุ 9-12 ขวบ เกี่ยวกับสองพี่น้องที่เติบโตมาในค่ายผู้ลี้ภัย (ประเด็นสังคมหนักหน่วงอีกแล้ว) ไม่เคยได้กินอาหารเพียงพอ ขาดยารักษาโรค และขาดโอกาสพื้นฐานในการใช้ชีวิต เรื่องนี้เล่าชีวิตประจำวันของเด็กที่ไร้ญาติขาดมิตร ไปพร้อมกับที่สอนให้ผู้อ่านรู้จักกับความขบขันในชีวิต รวมไปถึงความผิดหวังและความหวังด้วย เราเชื่อว่าเด็ก ๆ ที่ได้อ่านเล่มนี้ต้องเห็นโลกกว้างขึ้นหลังจากอ่านจบแน่นอน และยิ่งไปกว่าเข้าใจเหตุการณ์ที่ละเอียดอ่อนแล้ว เนื้อเรื่องแนวนี้น่าจะทำให้เด็กเข้าใจเพื่อนมนุษย์และสังคมที่แตกต่างมากขึ้นอีกด้วย
On the Horizon
On the Horizon เป็นหนังสือเด็กสำหรับช่วงอายุ 10-12 ขวบ ที่เล่าเรื่องสงครามโลกผ่านเหตุการณ์ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในฮาวาย สหรัฐอเมริกา และเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการรีเสิร์ชมาแบบแน่น ๆ เพื่อให้ผู้อื่นรุ่นเยาว์เข้าใจสถานการณ์ตอนนั้นได้ง่ายและรอบด้าน ถือเป็นการบอกเล่าวัฒนธรรมและมนุษยธรรมผ่านเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ได้น่าสนใจมาก ๆ ส่วนตัวเราไม่แน่ใจว่าเด็ก ๆ อ่านจบแล้วจะรู้สึกยังไง แต่น่าจะมีคนที่อยากค้นคว้า อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์โลกเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

When You Know What I Know
When You Know What I Know เป็นหนังสือที่เขียนในส่วนแรกไว้ว่า "แด่การเดินทางเพื่อเยียวยา ทั้งจากเรื่องที่บอกเล่าแล้ว และยังไม่ถูกบอกเล่า" ซึ่งเป็นคำโปรยที่เราอ่านแล้วขนลุกมาก ๆ เพราะนี่คือหนังสือที่เล่าถึงเด็กหญิงที่ถูกล่วงละเมิดโดยคนในครอบครัว และแม่ก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเล่า ทำให้เธอทั้งเศร้า ทั้งโกรธ ทั้งอับอาย เป็นหนังสือเด็กเนื้อหาน่าปวดใจและทรงพลังมาก ๆ เราเชื่อว่ามันจะทำให้นักอ่านตัวเนื้อเข้มแข็งและพร้อมเผชิญปัญหาเล็กใหญ่ในชีวิตมากขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้น ถ้าได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้กับผู้ปกครอง ก็น่าจะทำให้ผู้ปกครองรับมือกับปัญหาการล่วงละเมิดภายในครอบครัวได้ดีขึ้นด้วย

Black Brother, Black Brother
Black Brother, Black Brother เป็นหนังสือเด็กเล่าถึงสองพี่น้องที่สีผิวต่างกัน จนเพื่อนที่โรงเรียนเรียกฝ่ายหนึ่งว่า Black Brother อย่างติดเป็นนิสัย และกลายเป็นฉายา ซึ่งถือเป็นการบุลลี่ทางคำพูดที่เปิดทางให้เกิดการบุลลี่ในลักษณะอื่น ๆ ขึ้นตามมา เป็นการสอนให้เด็กเข้าใจถึงปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน รวมไปถึงปัญหาการเหยียดสีผิวได้แบบถูกจุด ชัดเจน และจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมโลกปัจจุบัน

เห็นเนื้อหาของหนังสือเด็กทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราเองก็อดคิดไม่ได้นะว่า ถ้าสมัยเด็ก ๆ เราได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวแบบนี้ เราอาจจะเติบโตมาได้อย่างไม่บั่นทอนความรู้สึกตัวเองและเพื่อน ๆ รอบข้างนักก็เป็นได้ (คือในฐานะเด็กคนหนึ่ง ก็ต้องเคยที่แซวเพื่อน และเคยถูกแซวนั่นแหละ) ไม่แน่นะ ถ้ามีหนังสือเด็กแบบนี้เยอะ ๆ สังคมโรงเรียนอาจจะน่าอยู่กว่าที่เคยเป็นมาก็ได้ ดีไม่ดี คนที่สมควรอ่านหนังสือเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เด็ก ๆ ด้วยซ้ำ เป็นผู้ใหญ่เรานี่ล่ะ ที่ควรได้เปิดโลก ได้มองโลกในมุมที่ไม่เคยมองบ้าง