20 ร้านหนังสืออิสระในกรุงเทพฯ ที่นักอ่านต้องไปซักครั้ง

NEW! World At The Corner

NEW! A Book With No Name 

 

 

A Book With No Name ร้านหนังสืออิสระที่เปิดมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม และสำหรับซีเลกชั่นหนังสือของที่ร้านนี้ 100% เลือกมาจากความชอบของพี่กา พี่เจ้าของร้านทั้งสิ้น โดยมีตั้งแต่หนังสือขายดีของ Chopin, G.H. Hardy และที่เราเห็นวางอยู่เยอะแยะทั่วร้านก็น่าจะเป็นวรรณกรรมแปลของ Murakami นักเขียนในดวงใจของใครหลายคน โดยพาร์ทเครื่องดื่มของร้านนี้เป็นส่วนของโดนัท-งามแสนหลวง สิงห์เฉลิม สาวคนรักของพี่กาที่ร่ำเรียนพื้นฐานด้านกาแฟอย่างแน่นหนักจนสามารถครีเอตเมนูซิกเนเจอร์ที่เพิ่มความเพลินระหว่างเข้ามานั่งอ่านหนังสือที่ร้านได้เป็นเท่าตัว 

 

 

 

Candide เป็นร้านหนังสือที่นักอ่านรุ่นเก๋ารู้จักกันดี แต่ก่อนเปิดร้านอยู่ที่ถนนตะนาว แต่จำเป็นต้องปิดตัวลง ก่อนจะมาเปิดบ้านใหม่ต้อนรับหนอนหนังสืออีกครั้งที่ The Jam Factory คลองสาน รายการหนังสือที่ Candide มีหลากหลายจากสำนักพิมพ์ทั้งเล็กใหญ่ โดยพี่แป๊ด-ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง เจ้าของร้านและบรรณาธิการสำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัดเป็นผู้ดูแลคัดสรรด้วยตัวเอง นอกจากหนังสือยังมีผลิตภัณฑ์จาก The Archivist สตูดิโอภาพพิมพ์กระดาษคุณภาพเยี่ยม รวมทั้งโปสการ์ดและสมุดจากหลายหลายศิลปินวางขายด้วย จุดเด่นของ Candide คือสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านไปแล้ว เราแนะนำว่าให้เตรียมเวลาว่างไปอย่างน้อยครึ่งวัน สั่งน้ำสั่งขนมจากร้านใกล้เคียงอย่าง ไล-บรา-รี่ มาละเลียดช้าๆ เราชอบ Latté bowl (105 บาท) และ Library Waffle (85 บาท) ดื่มกินบรรยากาศพร้อมกับอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม เท่านี้ก็เป็น a day well spent ได้โดยไม่ต้องไปไหนไกล

 

 

 

Bookmoby คือร้านหนังสือที่มีปราบดา หยุ่น นักเขียนซีไรต์ เป็นผู้ก่อตั้งร่วมกับเพื่อนๆ โดยตอนนี้ผู้บริหารคือคือรังสิมา ตันสกุล ที่ Bookmoby มีหนังสือครบทุกแนวทั้งวรรณกรรมคลาสสิค วรรณกรรมร่วมสมัย และหนังสือ non-fiction ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ ศิลปะ การเมือง ปรัชญา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดและสินค้าจากศิลปินมากหน้าหลายตาด้วย หรือถ้าโชคดีไปถูกจังหวะจะได้เจอกับหนังสือทำมือที่มีคนมาฝากวางขาย รวมทั้งหนังสือนำเข้าจากสำนักพิมพ์ Math Paper Press (เจ้าของเดียวกับร้าน BooksActually ที่สิงคโปร์) และเนื่องจากร้านอยู่ในจุดยุทธศาสตร์อย่าง BACC ในบางโอกาสที่นี่จึงเป็นสถานที่จัดงานเสวนาเกี่ยวกับแวดวงหนังสือและวรรณกรรมด้วย

 

 

 

นิตยสาร happening เป็นอย่างไร ตัวตนของ happening shop ก็เป็นอย่างนั้น ร้านแห่งนี้จึงมีความสนุกสนานเป็นกันเอง และมีสินค้าหลากหลายประเภท บนชั้นวางมีทั้งซีดีเพลง ดีวีดีหนัง ของจุกจิก กระเป๋า สมุดทำมือ นิตยสาร happening ฉบับเก่าๆ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งที่ขาดไม่ได้ก็คือหนังสือซึ่งพี่วิภว์ บูรพาเดชะ บรรณาธิการนิตยสาร happening เป็นคนคัดสรรด้วยตัวเอง หนังสือจะหนักไปทางวรรณกรรมร่วมสมัยซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น หนังสือรวมเรื่องสั้น นิยาย บันทึกการเดินทาง หนังสือภาพ ฯลฯ ระวังเข้าไปแล้วจะหลงลืมเวลา พอออกจากร้านมาอีกทีกระเป๋าแบนแน่ ต้องเตือนไว้ก่อนเพราะเราเป็นมาแล้ว!

 

 

 

Dasa แปลว่าทาส แล้วทาสหนังสืออย่างเราจะพลาดร้านแห่งนี้ได้ยังไง! ที่นี่คือแหล่งรวมหนังสือภาษาอังกฤษมือสองขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ความพิเศษคือเมื่อปีที่แล้ว Dasa ได้ถูกบรรจุอยู่ใน Louis Vuitton City Guide Bangkok 2015 ด้วยนะ! สมัยเป็นนักศึกษาเราชอบไปร้านนี้พร้อมกับรายการหนังสือที่ต้องเรียน เพราะนอกจากหนังสือจะราคาถูกแถมยังอยู่ในสภาพดีแล้ว ถ้าโชคดีเราอาจได้หนังสือฉบับปกแข็งตัวอักษรสีทองระยับสุดคลาสสิคในราคาหลักร้อยเท่านั้น ที่สำคัญ Dasa ยังจัดงานเซลส์อยู่เป็นประจำด้วย อย่างปีที่แล้วมีงาน 9 Baht Blowout Sales เรานี่วิ่งไปร้านแทบไม่ทัน เห็นร้านกว้างแค่คูหาเดียวแต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือทั้ง 3 ชั้นเลยนะ ดังนั้นเผื่อเวลาไปตะลุยให้ดี ถ้าเลือกหนังสือเหนื่อยๆ สามารถนั่งพักที่ชั้นล่างแล้วสั่งกาแฟมาดื่มเติมพลังได้ในราคาเริ่มต้นที่ 40 บาท เอ้อ! สำหรับใครที่ต้องการโละหนังสือของตัวเองก็สามารถนำหนังสือมาขายแลกกับเครดิตหรือส่วนลดในการซื้อหนังสือได้ด้วย

 

 

 

ร้านประตูสีฟ้าแห่งเวิ้งโบราณในซอยเอกมัยมี 2 บทบาทในร้านเดียว บทบาทแรกคือร้านหนังสือขนาดเล็ก อาจมีหนังสือให้เลือกไม่มากนักแต่ก็เป็นหนังสือที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี มีทั้งวรรณกรรมและหนังสือทั่วไป รวมทั้งยังมีโปสการ์ดหลากหลายลวดลายให้เลือกซื้อด้วย ส่วนอีกบทบาทหนึ่งคือร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูอาหารจานเดียวทานง่าย เราว่าอร่อยทุกอย่าง แต่เมนูโปรดของเราคือข้าวปลาหมึกผัดไข่เค็ม (130 บาท) เครื่องดื่มมีทั้งชา กาแฟ และน้ำผลไม้ปั่นสูตรต่างๆ รสชาติดีงามตามมาตรฐาน ถ้าไปวันธรรมดาอาจต้องหลีกเลี่ยงช่วงเที่ยงเพราะร้านมักคลาคล่ำไปด้วยคนที่ทำงานอยู่แถวนี้รวมไปถึงนักท่องเที่ยวด้วย ถ้าสะดวกไปช่วงบ่ายจะดี ร้านจะโล่งหน่อย เลือกปักหลักที่โซฟาซักมุมแล้วนั่งอ่านหนังสือได้นานจนกว่าจะพอใจเลย

 

 

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าใจกลางแหล่งเที่ยวกลางคืนอย่าง RCA จะมีร้านหนังสืออยู่ด้วย Zombie Books คือร้านหนังสือขนาด 1 คูหาที่อัดแน่นไปด้วยวรรณกรรมไทย วรรณกรรมแปล รวมทั้งวรรณกรรมคลาสสิคภาษาอังกฤษที่เจ้าของร้านเป็นผู้คัดสรรตามความชอบส่วนตัว นอกจากจะเป็นร้านหนังสือแล้ว ร้านผีดิบแห่งนี้ยังเป็น Co-working space และบาร์ไปด้วยในตัว มีวงดนตรีสดไปเล่นทุกวันศุกร์และเสาร์ ถ้าอยากหาที่นั่งอ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่ม ฟังเพลงชิวๆ เราว่าที่นี่เหมาะมาก!

 

 

 

เราตกหลุมรักร้านหนังสือเดินทางเข้าอย่างจังตั้งแต่เดินเข้าไปก้าวแรก ด้วยชั้นหนังสือเรียงราย 2 ฝั่งผนัง แล้วไหนจะกองหนังสือที่โต๊ะตรงกลางนั่นอีก รายการหนังสือที่นี่หลากหลายมากทั้งวรรณกรรมคลาสสิคและ non-fiction ประเภทต่างๆ เรียกว่ามาแล้วต้องได้หนังสือติดมือกลับบ้านซักเล่มแน่นอน ชั้นบนเป็นโซนร้านกาแฟสำหรับใครที่ต้องการไปนั่งอ่านหนังสือหรือทำงาน เราแนะนำให้สั่งชาร้อน (60 บาท) ซึ่งมีหลากหลายกลิ่นมากจนบรรยายไม่หมดต้องไปเลือกเอง ทานคู่กับวาฟเฟิลร้อนๆ (55 บาท) ถ้าจะไปควรเผื่อเวลาเยอะๆ เพราะรู้ตัวอีกทีจะหมดเวลาไปทั้งบ่าย เหมือนเดินทางข้ามเวลาได้เลย อย่าลืมไปแอบอ่านโปสการ์ดจากแดนไกลที่เจ้าของร้าน พี่หนุ่ม-อำนาจ รัตนมณี นำมาติดไว้ที่หน้าต่างด้วยล่ะ ตัวอักษรเดินทางก็ต้องคู่กับร้านหนังสือเดินทางอย่างนี้แหละเนอะ

 

 

 

พี่ต้อ-บินหลา สันการาคีรี คือกัปตันทีมของร้าน The Writer’s Secret ร้านหนังสือกึ่งร้านกาแฟกึ่งบาร์ซึ่งด้านบนเป็นสำนักงานใหญ่ของนิตยสาร Writer และที่พักสำหรับโครงการ Writer’s Residence ร้านเล็กๆ ขนาด 1 คูหาแห่งนี้บรรจุหนังสือได้ไม่เยอะนัก แต่สำหรับนักอ่านวรรณกรรมสายแข็งต้องถูกใจเพราะที่นี่ไม่จัดชั้นหนังสือตามหมวด แต่จัดตามนักเขียน เช่น อุทิศ เหมะมูล ชาติ กอบจิตติ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งเล่มเก่าเล่มใหม่ครบ ถ้าใครตามเก็บเล่มหายากของนักเขียนในดวงใจเราเชียร์ให้ไปที่นี่เลย หรือถ้าอยากกระทบไหล่นักเขียน เราแนะนำให้ไปนั่งนานๆ แล้วสั่งเครื่องดื่ม (เริ่มต้นที่ 45 บาท) มานั่งรอ (หรือถ้าไปตอนเย็นมีคราฟต์เบียร์ขายด้วยนะ) รับรองต้องได้เจอใครซักคนแน่ๆ

 

 

 

สวนเงินมีมาเป็นหนึ่งในร้านหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดในย่านพระนคร ในร้านจะได้พบกับชั้นหนังสือตั้งเรียงรายเป็นแถวซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือจากหลากหลายสำนักพิมพ์ รวมทั้งหนังสือจากสำนักพิมพ์สวนเงินมีมาเองด้วย ที่นี่เน้นงานวรรณกรรมน้ำดีและหนังสือเกี่ยวกับปรัชญา สังคมศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ เราแนะนำให้กะเวลาไปให้พอดีเวลากินข้าว เพราะที่นี่เสิร์ฟชุดอาหารกลางวันออร์แกนิค (110 บาท) เมนูจะสลับสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ เช่น ยำถั่วพูและแกงจืดเห็ดออรินจิทานคู่กับข้าวหุงอัญชัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าของกินของใช้จากเครือข่ายตลาดสีเขียววางขายในร้านให้เลือกช้อปได้ตามสะดวก เรียกได้ว่าร้านสวนเงินมีมาเป็น one stop shop ที่เราสามารถใช้เวลาได้ทั้งบ่ายเลยล่ะ

 

 

 

ศึกษิตสยามคือร้านหนังสือที่ก่อตั้งโดยนักวิชาการส.ศิวรักษ์ โดยร้านหนังสือแห่งนี้เปิดประตูต้อนรับนักอ่านมาตั้งแต่พ.ศ. 2510 ตรงบริเวณที่ตอนนี้เป็นจามจุรีแสควร์ โดยนักอ่านรุ่นเก๋ารู้จักที่นี่ดีในฐานะร้านหนังสือที่เป็นแหล่งพบปะพูดคุยของเหล่านักคิดปัญญาชน ส่วนในปัจจุบันร้านศึกษิตสยามตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร ที่ร้านรวบรวมหนังสือทั้งเก่าและใหม่โดยเน้นไปที่หนังสือ non-fiction และ texbook หลากหลายด้าน เช่น ปรัชญา ศาสนา ประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ความพิเศษคือที่นี่วางขายหนังสือจากสำนักพิมพ์เคล็ดไทยและสำนักพิมพ์สยามในราคาพิเศษกว่าที่อื่น ดังนั้นใครตามหาเล่มไหนอยู่ เราแนะนำให้ไปที่นี่ได้เลย

 

 

 

ถ้าใครผ่านถ.ราชดำเนินบ่อยๆ ต้องคุ้นหน้าคุ้นตาร้านหนังสือริมขอบฟ้าแน่นอน ร้านหนังสือแห่งนี้ก่อตั้งโดยกันธร วิริยะพันธุ์ หลานของเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ ดังนั้นร้านจึงยึดคอนเซ็ปต์ ‘รู้เรื่องเมืองไทย’ โดยรายการหนังสือของที่นี่เน้นหนักไปทางหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นขุมทรัพย์สำหรับใครก็ตามที่กำลังเรียนหรือสนใจด้านไทยศึกษาอย่างแท้จริง แต่ทางร้านก็ไม่ละเลยที่จะรวบรวมวรรณกรรมคลาสสิคและวรรณกรรมร่วมสมัยไว้ให้นักอ่านที่สนใจ นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ วางขาย เช่น กระเป๋าผ้า หมวก เหรียญที่ระลึก เป็นต้น ถ้าใครจะเที่ยวพระนครก็อย่าลืมแวะเช็กอินที่นี่ด้วยนะ

 

 

 

Editions คือร้านหนังสือน้องใหม่ซึ่งเปิดประตูต้อนรับนักอ่านอยู่ที่ท่ามหาราช เจ้าของร้านคือ เชน สุวิกะปกรณ์กุล หัวเรือใหญ่ของ Serindia Gallery และ Good Design Store ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราเดินเข้าร้านไปเจอกับหนังสือเล่มสวยด้านศิลปะและวัฒนธรรม รวมไปถึงขบวนสินค้าดีไซน์เยี่ยมและโปสการ์ดลวดลายน่ารัก ตลอดไปจนถึงของจุกจิกนานาชนิด ร้าน Editions ตั้งอยู่ติดริมน้ำ บรรยากาศจึงดีสุดๆ สำหรับใครที่บ้านไม่ได้อยู่ในโซนพระนคร (อย่างเราเป็นต้น) เราขอแนะนำให้ใช้เวลาวันหยุด 1 วันในพระนคร และแวะมาที่ท่ามหาราชตอนเย็นๆ เลือกหนังสือซักเล่มมานั่งชิวในคาเฟ่สวยๆ หรือจะนั่งริมน้ำรับลมก็ผ่อนคลายไม่แพ้กัน

 

 

 

บุ๊คบุรีคือร้านหนังสือขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนกรุงเกษม ที่นี่เน้นหนังสือวรรณกรรมคลาสสิค วรรณกรรมร่วมสมัย และหนังสือสำหรับเด็ก โดยพิมพ์-พิมพ์สุดา วรพงศ์พิเชษฐเจ้าของร้านเป็นผู้เลือกหนังสือด้วยตัวเอง ไม่นานมานี้ทางร้านเพิ่งจัดงานสนุกๆ ไป นั่นคืองาน Bookburi Read on a Train ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชักชวนนักอ่านถือหนังสือขึ้นไปอ่านและไปทำความรู้จักกันบนรถไฟ โดยในแต่ละครั้งจะเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมามีประจวบคีรีขันธ์และกาญจนบุรี ใครสนใจอยากไปบ้างก็ติดตามการอัพเดตในเพจได้เลย

 

 

 

ร้านหนังสือและสิ่งของคือแหล่งรวมหนังสือหากยากหรือหนังสือรุ่นลิมิเต็ดทั้ง fiction และ non-fiction ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ แต่ก็มีหนังสือภาษาไทยแทรกมาบ้างประปราย ในบางครั้ง Books & Belongings ยังเปิดบ้านเป็นพื้นที่สำหรับทำเวิร์กช็อป เสวนา และจัดนิทรรศการด้วย นอกจากนี้ที่ร้านยังเสิร์ฟกาแฟคุณภาพดี น่าไปนั่งอ่านหนังสือแกล้มกาแฟในวันหยุดสบายๆ เป็นที่สุด

 

 

 

โซนร้านหนังสือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ House of Common ร้านที่เรียกตัวเองว่าเป็น Community Cafe พื้นที่เปิดกว้างสำหรับทำกิจกรรมเพื่อคนในชุมชน ที่นี่มีหนังสือหลากหลายแนว ทั้ง fiction และ non-fiction ความดีงามคือถ้าสมัครสมาชิก (150 บาท) เราจะสามารถยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านได้ฟรีๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ (ต้องให้มัดจำไว้เท่าราคาขายจริง) House of Common จัดกิจกรรมต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทั้งเสวนา อบรม ไปจนถึงนัดเล่นบอร์ดเกม แถมมีโซนคาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมนมเนยหลากหลายชนิด ถ้าใครบ้านอยู่แถวนี้ก็น่าไปหมกตัวอ่านหนังสือที่ร้านทั้งวันเลย!  

 

 

 

เจ้าแมวหูหนาคือร้านหนังสือของกวีซีไรต์และศิลปินแห่งชาติ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ดังนั้นแน่นอนว่าในร้านต้องมีหนังสือของนักเขียนรุ่นใหญ่ท่านนี้แบบครบชุด รวมทั้งหนังสือที่อาจารย์เนาวรัตน์ชื่นชอบเป็นพิเศษ นอกจากหนังสือแล้วยังมีสินค้าแฮนด์เมดหลากประเภท เช่น กระเป๋า กล่องดินสอ โปสการ์ด เสื้อยืด เครื่องประดับ ฯลฯ ใครไปแล้วต้องเสียทรัพย์กันถ้วนหน้า

 

 

 

นอกจากจะเป็นร้านอาหารรสเลิศแล้ว ภายในร้านกุหลาบเหล็กแห่งนี้ยังมีโซนชั้นวางหนังสือที่แน่นเอี๊ยดไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท เช่น ปรัชญา วรรณกรรมไทย วรรณกรรมแปล ฯลฯ วันดีคืนดีอาจจะได้เจอเจ้าเหมียวของเจ้าของร้านมาช่วยเลือกหนังสือด้วยนะ ถ้าจะไปทั้งทีเราแนะนำให้ไปคืนวันศุกร์-เสาร์เพราะจะมีการแสดงดนตรีสดด้วยจ้า  

 

 

Papersmith by The Booksmith เป็นร้านหนังสือขนาดย่อมที่เพิ่งเปิดตัวที่เกษรพลาซ่า ซึ่งเป็นสาขาย่อมของ The Booksmith ที่เป็นรู้จักกันดีในจังหวัดเชียงใหม่ ภายในร้านมีขนาดเป็นหนึ่งห้องกระจกเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยหนังสือศิลปะและดีไซน์ รวมทั้งนิตยสารแฟชั่นต่างชาติ และนิตยสารที่มักจะหาไม่ได้ทั่วไปในกรุงเทพฯ ตอนที่เราไปเยี่ยมที่ร้าน เราเจอตั้งแต่ Monocle, Kinfolk, Cereal, Popeye จนไปถึง *wallpaper, frankie, elephant หนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ กราฟฟิคดีไซน์ อักษรศิลป์และสถาปัตยกรรมทั่วโลก

 

หนังสือตั้งตามราคาออริจินัลจากต่างประเทศ และถึงแม้ว่าอาจจะยังไมได้มีตัวเลือกเยอะแยะมากมาย (ตอนนี้หนังสือกำลังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ) แต่การได้อ่านหนังสือพวกนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมากเลยนะ แต่ละเล่มที่เราหยิบมาเต็มไปด้วยคุณภาพจริงๆ แต่ถ้ามีหนังสือเล่มไหนที่เราต้องการ เราก็สามารถติดต่อให้ทางร้านออร์เดอร์มาให้ก็ได้เช่นกันนะ! แค่ติดต่อทางเคาน์เตอร์เลย