Skip to main content

ผู้กำกับ นักธุรกิจรุ่นที่ 3 ลูกรักของคุณแม่: ทำความรู้จักนักแสดง ซนซอกกู จากซีรีส์ Big Bet ให้มากขึ้นอีกนิด

เป็น Late bloomer ที่น่าจับตามาก ๆ

ผู้กำกับ นักธุรกิจรุ่นที่ 3 ลูกรักของคุณแม่: ทำความรู้จักนักแสดง ซนซอกกู จากซีรีส์ Big Bet ให้มากขึ้นอีกนิด
By
January 19, 2023 Bangkok time

"ถ้าได้ย้อนเวลากลับไปเจอตัวเองตอนเด็ก ผมจะไป 'ฟัง' เขาครับ ตอนเด็ก ๆ ผมคิดเสมอว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่ฟังผมเลย ถ้าพวกเขาฟังสักนิด ผมคงเห็นคุณค่าในตัวเองได้เร็วกว่านี้ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับประเทศเรานะครับ 'ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่รับฟังเด็ก' เพราะฉะนั้น ผมว่าถ้าผมย้อนเวลาไปเจอตัวเองตอนเด็กได้ การไปนั่งรับฟังน่าจะดีกับเขามากกว่าไปแนะนำอะไรนะครับ"

 
คำตอบที่เป็นเอกลักษณ์และคล้ายจะมาจากนักการเมืองข้างต้น มาจากปากของหนึ่งในนักแสดงเกาหลีที่ฮอตที่สุดในปี 2022 ที่ผ่านมา อย่าง ซนซอกกู โดยเป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์เจาะลึก ตอบรับกระแสความนิยมจากซีรีส์ My Liberation Notes ปล่อยใจสู่เสรี (나의 해방일지) ทางช่อง JTBC และสตรีมมิง Netflix บ่งบอกถึงความคิดความอ่านที่เป็นอิสระจากแนวคิดอนุรักษนิยม ซึ่งสังคมเกาหลียังคงยึดติด ด้วยตัวตนที่น่าสนใจนี้เอง เราเลยอยากพาชาวซอยมิลค์ไปทำความรู้จักกับชายคนนี้ ที่กำลังมีผลงานกับ Disney+ เรื่อง Big Bet (카지노) อยู่ในขณะนี้ ให้มากขึ้นอีกนิด
 
 
ความคิดอ่านที่เปิดกว้างของเขาอาจมาจากการที่เขาคนนี้ไม่ได้เติบโตในสังคมเกาหลีอย่างเด็กเกาหลีทั่วไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ใช่คนหัวนอกสไตล์ 'คโยโพ' (교포) หรือ ชาวเกาหลีโพ้นทะเล อย่างคนบันเทิงหลายคนที่เกิดและเติบโตในสังคมอเมริกัน โดยซนซอกกูเข้าเรียนในโรงเรียนเกาหลี ที่บ้านเกิดในเมืองแทจอน จนถึงชั้นมัธยมต้น ก่อนจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนคาทอลิกเอกชนในมลรัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา และสถาบันศิลปะแห่งชิคาโกในมลรัฐอิลลินอยส์ ในเวลาต่อมา ก่อนจะยื่นพักการเรียนเพื่อเข้ากรมเกณฑ์ทหารตามวิถีหนุ่มเกาหลี และนั่นก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต
 
 
ด้วยความที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาเกือบทศวรรษ การถูกแวดล้อมโดยคนเกาหลีจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าอึดอัดสำหรับเขาพอสมควร แต่ด้วยทักษะด้านภาษาและความอยากเปิดโลก นักศึกษาศิลปะคนนี้เลยเลือกไปประจำการในอิรัก โดยรับหน้าที่ทหารล่ามให้กับกองพัน ทำให้ได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อน ๆ จากหลายชาติ รวมถึงได้เปิดโลก เข้าใจชีวิต และเรียนรู้อัตลักษณ์ของตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่ง จนในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยเดิม และมุ่งหน้าเริ่มต้นเส้นทางใหม่ ๆ ในแคนาดา ที่ที่น้องชายของเขา ซนซังกู กำลังเรียนอยู่ ณ ตอนนั้น
 
 
ซนซอกกูเคยเปิดเผยในพอดแคสต์หนึ่งว่า ตอนที่เขาเลือกเรียนต่อด้านศิลปะ ครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วยนัก และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับที่บ้านก็ไม่ราบรื่นเอาซะเลย ยิ่งในเวลาต่อมาเขาเลือกจะไม่เรียนต่อเข้าไปอีก แถมยังใช้เงินเก็บจากเงินเดือนทหารเกณฑ์ประจำการต่างประเทศ ซึ่งสูงกว่ากองพันทั่วไป ในการซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อบินไปหาน้องชายอีก พ่อแม่เลยแสดงความเป็นห่วงลูกคนนี้อย่างมาก แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นจะหาที่ทางให้กับตัวเอง และเป้าหมายของเขาในช่วงเวลานั้นก็คือ การเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ กีฬาที่เขาใช้เวลาด้วยมากที่สุดในช่วงเกณฑ์ทหาร
 
 
แต่เส้นทางการจะเป็นนักบาสอาชีพก็ไม่ได้ง่าย เขาไปทดสอบคัดตัวผู้เล่นอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยติดทีมและเดบิวต์เป็นนักกีฬาตัวจริงได้อย่างที่ตั้งใจเลย ระหว่างนั้นเขาพยายามหาลู่ทางใหม่ให้ชีวิต ทั้งลองช่วยธุรกิจของที่บ้าน และหาช่องทางเพิ่มเติมความรู้ให้กับตัวเองไปด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้เข้าเรียนในสถาบันศิลปะแวนคูเวอร์ ภาควิชาการแสดง ที่ในทางหนึ่งก็เหมือนเป็นการต่อยอดจากวิชาเอกกำกับสารคดีที่เขาเคยเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยมาก่อนนั่นเอง และถึงแม้ครั้งหนึ่งเขาจะเคยไม่ชอบการต้องมาอยู่หน้ากล้องเองเลย แต่ศาสตร์การแสดงก็ทำให้เขาหลงรักมันได้ในที่สุด
 
 
ครอบครัวของซนซอกกูทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ และแน่นอนว่าลูกชายคนโตของบ้านอย่างตัวเขา ก็ต้องถูกคาดหวังให้มีส่วนร่วมกับการดำเนินงานของบริษัทบ้างไม่มากก็น้อย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมในช่วงหนึ่งของชีวิต เขาถึงเคยเข้าทำงานในฐานะพนักงานบริษัทและมีประวัติรับช่วงการเป็นซีอีโอต่อจากคุณพ่อ จนเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มนักข่าวบันเทิงอยู่พักหนึ่ง ทั้งจากตำแหน่งงาน เปอร์เซ็นต์การถือหุ้น และทั้งรายรับของบริษัทที่มีการเปิดเผยออกมา ว่ามีมูลค่าการขายอยู่ที่ปีละ 550 ล้านวอน และทำกำไรอยู่ที่ 120 ล้านวอน (ข้อมูลปี 2016) ถึงอย่างนั้น เขาก็ต้องการจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงเท่านั้น
 
 
เขาเคยพูดถึงเรื่องราวสมัยเด็กในรายการวิทยุหนึ่ง หลังจากแนะนำเพลง Chilgapsan (칠갑산) เป็น 'เพลงประจำตัว' ที่นึกถึงเสมอและเต็มไปด้วยความทรงจำ โดยบอกว่าครั้งหนึ่งคุณพ่อของเขาเคยซื้อรถยนต์เป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ และแม่ก็พาเขานั่งตักขับรถไปด้วยกัน ร้องเพลงไปด้วยกัน "แม่เหมือนผม แม่ร้องเพลงได้ไม่ดีเลย แต่เราสองคนก็ร้องเพลงกันไปเรื่อย" และนั่นก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาหวงแหนที่สุดเสมอ และในหลาย ๆ ครั้ง เขาก็มักจะพูดถึงความทรงจำที่มีต่อคุณแม่อย่างเปิดเผย จนรู้สึกได้ว่าในช่วงที่เขาเป็นลูกคนเดียวของบ้าน -ที่น้องชายยังไม่เกิด- เขาต้องเป็นเด็กที่คุณแม่ทะนุถนอมมาก ๆ แน่ ๆ
 
 
แม่ของเขา -ที่มีสกูปข่าวบันเทิงระบุว่าเป็นอดีตพนักงานต้อนรับสายการบิน- เป็นคนที่มีบุคลิกชัดเจนและโดดเด่นมาก ๆ คนหนึ่ง และซนซอกกูก็เคยพูดว่า 'การโดนแม่ด่า' เป็นช่วงเวลาที่น่าซึมเซาสำหรับเขาเสมอ ทั้งที่เขาเป็นคนที่ความมั่นใจและความเคารพตัวเองสูงมากก็ตาม แต่ผู้หญิงในชีวิต ทั้งแม่และแฟนที่คบหามาแต่ละคน มักมีผลกับใจเขาอย่างมากเสมอ เหมือนเป็นจุดอ่อนสำคัญเลยก็ว่าได้
 
และเอเลเมนต์ของคุณแม่ที่มีอิทธิพลต่องานของซนซอกกูก็สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในผลงานหนังสั้นแรกที่เขาเขียนบทและกำกับ ในโปรเจกต์ชื่อว่า Unframed (언프레임드) ของเพื่อนนักแสดง อีเจฮุน โดยตอนของเขาใช้ชื่อว่า Rerun (재방송) เล่าเรื่องราวระหว่างหลานชายกับคุณน้า ซึ่งเขาก็ยอมรับอย่างเขิน ๆ ว่าคาแรกเตอร์นำของเรื่องอาจจะประกอบขึ้นจากตัวตนของคุณแม่เขาส่วนหนึ่งก็เป็นได้
 
 
 
ซนซอกกูเดบิวในฐานะนักแสดงค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับเส้นทางนักแสดงทั่วไป โดยประเดิมผลงานแรกกับโปรเจกต์หนังสั้นในปี 2012 และเดบิวต์อย่างเป็นทางการกับ 2 ผลงาน ที่เป็นหมุดหมายสำคัญในเส้นทางอาชีพ อย่างหนัง Black Stone ผลงานร่วมทุนเกาหลี-ฝรั่งเศส และซีรีส์ Sense8 ซีซัน 2 ในปี 2016-2017 เมื่ออายุได้ 33 ปี (นับตามปีสากล) ก่อนจะประสบความสำเร็จและถูกจดจำโดยผู้ชมวงกว้างกับบทสมทบใน Mother (마더) บทรับเชิญใน Suits (슈츠) และบทนำใน Matrimonial Chaos (최고의 이혼) ในปี 2018
 
ผลงานในปีต่อ ๆ มาของเขาอย่างบทสมทบใน Designated Survivor: 60 Days (60일, 지정생존자) บทสมทบ/รับเชิญใน Be Melodramatic (멜로가 체질) D.P. (디피) และ Jirisan (지리산) รวมถึงบทนำที่น่าจดจำในหนังรอมคอม Nothing Serious (연애 빠진 로맨스) ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าพอใจสำหรับนักแสดง 'Late bloomer' คนหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่เทียบเท่ากับโอกาสในการแสดงนำซีรีส์ My Liberation Notes และหนัง The Roundup (범죄도시 2) ที่ออกฉายแทบจะพร้อม ๆ กันและประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำให้เขากลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของเกาหลี -และเจ้าพ่อพรีเซนเตอร์แห่งปี- ในทันที
 
 
 
ปีนี้ นักแสดงคนนี้ยังคงมีผลงานอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ต่าง ๆ ที่ขยันปล่อยโปรโมตมาอยู่เรื่อย ๆ แล้ว ในพาร์ตงานแสดงมี Big Bet ที่กำลังออกอากาศอยู่กับ Disney+ ซีรีส์ D.P. ซีซัน 2 และ Murder DIEary (살인자ㅇ난감) ทาง Netflix รวมถึงละครเวที Army on the Tree (나무 위의 군대) ด้วย นี่ยังไม่นับโปรเจกต์หนังที่ยังไม่คอนเฟิร์มกำหนดการโปรดักชัน และหนังสั้นที่ตัวเขาเองอยากหาเวลาถ่ายทำให้ได้อีกนะ บอกเลยว่าแฟน ๆ ต้องได้เห็นหน้าค่าตาซนซอกกู -ผู้ชายที่ดูจะทำอะไรก็รุ่ง- คนนี้ไปอีกยาว ๆ เลย
 
 
soimilk adsoimilk ad