Skip to main content
AdSense

คุยกับ TELEx TELEXs กับการเทหัวใจถ่ายทอดผลงานใหม่ mi ami? ที่บอกเล่าความปวดร้าวอย่างเป็นศิลปะ

แล้วเธอเคยรักฉันมั้ยนะ?

คุยกับ TELEx TELEXs กับการเทหัวใจถ่ายทอดผลงานใหม่ mi ami? ที่บอกเล่าความปวดร้าวอย่างเป็นศิลปะ
December 8, 2021 Bangkok time
เราเชื่อว่าสำหรับคอเพลงสายคอนเสิร์ตแล้ว การระบาดของโควิดคงยิ่งทำให้ชีวิตการเสพดนตรีซึมเซาขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาหลายเลเวลแน่ ๆ และก็เชื่อเหลือเกินว่าหนึ่งในศิลปินที่ทุกคนกำลังคิดถึงการเล่นสดแบบสุด ๆ ต้องมีวง TELEx TELEXs รวมอยู่ด้วย ซึ่งถึงวันนี้จะยังไม่ได้เจอกันในไลฟ์โชว์ไหน แต่พวกเขาก็ปล่อยเพลงใหม่และเอ็มวีมาช่วยบรรเทาความคิดถึงในใจทุกคนลงแล้ว กับซิงเกิล mi ami? ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Do you love me?
 
และวันนี้เราก็จะพาชาวซอยมิลค์ไปพูดคุยกับสมาชิกวง ออม สรรัตน์ ลิมปะนพรัตน์, ปิ้ว กษิเดช ฤทธิ์งาม และ นาว คิรากร อิงควราภรณ์กุล ที่คุยจบแล้วรู้สึกได้เลยว่าพวกเขาคิดถึงการได้พบปะเจอะเจอแฟน ๆ ขนาดไหน
 
 
ก่อนอื่นให้พูดถึง mi ami? เลยดีกว่า ท่ามกลางเพลงอกหักที่เต็มไปหมดในช่วงปลายแบบนี้ อกหักแบบซิงเกิลนี้ของ TELEx TELEXs มีจุดเด่นตรงไหน
 
ออม: มันมีความหักมุมค่ะ มีความแฮปปี้ อบอุ่น แต่ว่าข้างในสอดไส้พิษร้าย
 
แล้วถ้าให้แต่ละคนเปรียบซิงเกิลนี้เป็นสถานที่สักแห่งจะเป็นที่ไหนดี
 
ปิ้ว: คำชะโนดครับผม (หัวเราะ) มันศักดิ์สิทธิ์ดีครับ
 
ออม: ยากมากเลยอะ
 
นาว: ห้องน้ำไง เปิดฝักบัวไป แล้วก็ฟังไปครับ ร้องไห้กันฝักบัว
 
ออม: เป็นที่ปลดทุกข์ไปด้วย (นาว: เออ)
 
อันนี้ออมก็เลือกเหมือนกันเลยหรือเปล่า
 
ออม: ของออมเป็นตู้กับข้าวแล้วกันค่ะ มันมีทั้งของที่เราเก็บไว้นานแล้ว ไม่ทิ้งไปสักที กับข้าวใหม่เราก็ยัดเข้าไปอีก มันมีหลายอย่างในนั้นน่ะค่ะ เป็นไง ตอบมั่วดีมั้ย (หัวเราะ)
 
ถ้างั้นลองเปรียบมันเป็นเมนูสักเมนู
 
ปิ้ว: บีฟเวลลิงตันครับ
 
เอางั้นเลยนะ
 
ปิ้ว: มันมีหลายองค์ประกอบครับ แล้วแต่ละอย่างมันก็... แต่ละขั้นตอนมันไม่ได้ง่ายอะครับ เราต้องพิถีพิถันทุกอย่าง แล้วมันจะสุกอย่างที่เราต้องการมั้ย กว่ามันจะสมบูรณ์แบบเนี่ย
 
 
 
เปิดมาอลังการมาก คนอื่นว่าไง มีเมนูในใจบ้างมั้ย
 
นาว: ผมก่อนเลย ใบเหลียงผัดไข่ครับ
 
คือตอนนี้อยากกินอยู่หรือเปล่า
 
นาว: ด้วยครับ (หัวเราะ) คือมันเป็นเมนูที่ง่ายนะ แต่ร้านที่ทำอร่อยนี่หายากครับ
 
ออม: ข้าวไข่ยัดไส้ค่ะ คือเราจะไปรู้ได้ยังไงว่าร้านที่เขาห่อมาสวยอะ มันจะอร่อยหรือเปล่า ข้างในมันอาจจะเป็นวิญญาณหมูก็ได้ หรืออาจจะกลวงก็ได้
 
เป็นคำตอบที่ทำให้หิวยิ่งขึ้นไปอีกจริง ๆ แฮะ ชอบที่ไม่มีจานไหนเหมือนกันเลย แต่มันก็ดูเป็น mi ami? ได้ทั้งนั้นเลยอะ งั้นเราถามถึงการเดินทางมาถึงจุดนี้ของแต่ละคนมั่งดีกว่า ตั้งแต่เป็นศิลปินมา รู้สึกตัวเองได้เปลี่ยนไปยังไงบ้างมั้ย
 
ปิ้ว: การทำเพลงปล่อยเพลงมันทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้นครับ ได้เจอคนมากขึ้น ทำเพลงคล่องขึ้น เก่งขึ้น มีวิธีการคิด การเล่าเรื่องที่ดีขึ้น
 
ออม: ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ คล้าย ๆ ปิ้วนะคะ รู้อะไรเยอะขึ้น ส่วนในพาร์ตโชว์ มันชัดเจนสุดเลยสำหรับเรา วันแรกเราไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย จนมาตอนนี้... ยิ่งตอนนี้เลยก็ยิ่งคิดถึงการได้เจอกับทุกคน อยากไปโชว์แล้วเนี่ย นอกนั้น ในพาร์ตเพลง ปิ้วจะเป็นคนขึ้นเพลงใช่มั้ยคะ ส่วนนี้การทำเพลงด้วยกันมาก็คือเราเข้าใจกันมากขึ้น เพราะอยู่กันมานาน โตขึ้นด้วยอะค่ะ
 
นาว: ครับ พวกเราโตขึ้นกันทุกด้านครับ ประสบการณ์ที่สะสมมา แล้วก็ได้เจอสังคมหลายรูปแบบด้วยครับ
 
ที่ผ่านมา โควิดทำเราชะงักไปยังไงบ้างมั้ย
 
ปิ้ว: จริง ๆ อัลบัมที่ 2 ก่อนนี้ของเราก็อยู่ช่วงโควิดพอดีเลยครับ มันก็มีช่วงเวลาที่ต้องพักไว้ก่อนเลยครับ หยุดไปเลย รอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยมาทำเพลงต่อ
 
การที่เราไม่ได้ออกไปโชว์ ไปพบปะผู้คน มันส่งผลกับการดึงแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มาทำผลงานมั้ย
 
ปิ้ว: ก็มีส่วนนะครับ มันทำให้ Input เราน้อยลงไปเยอะครับ
 
ถ้าให้มองในฐานะคนทำเพลง มู้ดมันเศร้าลงไปด้วยมั้ยนะ
 
ปิ้ว: จริง ๆ ในการทำงาน ผมพยายามไม่ใส่อารมณ์ตัวเองลงไปมากนะครับ คือทำแค่ตัวผลงานให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งมันก็อาจจะมีผสมอารมณ์ส่วนตัวลงไปบ้างแหละมั้ง แต่ผมเชื่อว่าถ้าตัวเราผ่านสถานการณ์ยาก ๆ ไปได้ เราจะแข็งแกร่งขึ้นครับ
 
ออม: เราว่าที่โควิดมันกระทบหนักกับจิตใจเราคือการออกไปเจอแฟน ๆ ค่ะ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการเล่นออนไลน์มันมาทดแทนการเล่นสดไม่ได้ เราเชื่อว่าคนที่ดูวงเรามาจะรู้เลย ว่าการตอบรับจากแฟน ๆ บรรยากาศการเล่นสด มันสำคัญมาก ๆ กับวงเรา คนจริง ๆ ตรงหน้าเรา แบบไม่ออนไลน์ มันเป็นพลังให้เราอะ อย่างอัลบัมล่าสุดเนี่ย เราก็ตั้งใจทำกันเพื่อจะได้ออกไปเล่น ออกไปทัวร์ มันมีหลายมู้ด หลายอารมณ์ ให้เลือกเล่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอใครเลย ก็เศร้าค่ะ
 
ช่วงนี้เหมือน TPOP คึกคักขึ้นด้วย อยากถามความรู้สึกทุกคนถึงวงการดนตรีไทยตอนนี้ คิดว่ามันดีขึ้นกว่าเดิมมั้ย มีอะไรยังรู้สึกว่าติดขัดหรือน่าจะดีกว่านี้หรือเปล่า
 
ปิ้ว: ผมว่าทุกคนทำเพลงง่ายขึ้นนะครับ มีการปล่อยเพลงกับทุกวัน ทุกอาทิตย์ ทำให้คนฟังตื่นเต้นได้เรื่อย ๆ ครับ ในขณะเดียวกัน พอมันมีผลงานเยอะ ๆ คนฟังส่วนหนึ่งก็อาจจะรู้สึกว่า 'อีกแล้วเหรอ' หรือเขาอาจจะยังไม่ทันได้ทำความรู้จักตัวคนผลิตผลงานเท่าไหร่เลยน่ะครับ ตรงนี้อาจจะพูดได้ว่าการมีนายทุนใหญ่ ๆ การได้รับการโปรโมตมากพอ หรือการมีฐานแฟนคลับ เป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่งครับ ซึ่งผมว่าถ้าผลงานหนึ่งถูกโปรโมตมาก แต่ตัวผลงานไม่ได้ดัง มันก็อาจจะเศร้าอยู่นะ สำหรับนักดนตรี คือการโปรโมตเยอะก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอไปครับ คือด้วยกระบวนการมันง่าย ทุกคนทำเพลงได้ คุณภาพดีด้วย แล้วก็มีคนฟังด้วย แต่พอปริมาณเพลงมันเยอะ มันก็อาจจะเกินความต้องการไปบ้างครับ
 
ออม: สำหรับเราคือทุกอย่างมันอยู่บนโลกออนไลน์ใช่มั้ยคะ ทุกอย่างมันมาไว ไปไว เราก็เลยรู้สึกว่าการรักษามาตรฐานมันค่อนข้างยากขึ้น ยิ่งพอโควิดมาเนี่ย คนก็ยิ่งอยากได้คอนเทนต์ใหม่ ๆ คอนเทนต์ที่เฟรชตลอดเวลา แต่บางทีตัวศิลปินเองก็มีข้อจำกัดอะค่ะ แล้วคือพอคนฟังคนดูต้องการอะไรใหม่ 'คอนเทนต์' เลยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คือสำคัญ 50:50 เลยล่ะ อย่างสมมุติว่าเพลงมาดีมากนะ แต่ถ้าคอนเทนต์ที่ใช้นำเสนอมันไม่ได้ มันก็จะ...
 
เหมือนศิลปินต้องคิดให้เป็น 'แพ็กเกจ' มากขึ้น
 
ออม: ใช่ ๆ ต้องคิดเรื่องมาร์เก็ตติงให้มากขึ้น คิดเป็นคอนเทนต์มากขึ้นน่ะค่ะ ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ ข้อดีคือมันทำให้เรา Explore อะไรใหม่ ๆ มากขึ้น แต่ว่าข้อเสียคือมันอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์กับสิ่งที่เราอยากจะทำจริง ๆ อะไรแบบนี้
 
ทุกคนรู้สึกว่าความสำเร็จที่มันวัดด้วยยอดวิวหรือยอดสตรีมนี่มันแฟร์มั้ยนะ
 
ออม: เราว่ามันแล้วแต่คนคิดมากกว่านะ อย่างเรา โอเควงเราอาจจะไม่ใช่วงที่เน้นยอดวิว ถ้ายอดสตรีมมันเยอะ เราโอเค หรือถ้ายอดสตรีมมา แล้วยอดวิวตามว่ะ เราก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย 'แพ็กเกจ' ที่คิดว่ามันเวิร์กแฮะ อะไรแบบนี้ค่ะ คือเรารู้สึกว่ายอดสตรีมเป็นสิ่งที่ค่อนข้าง... เพียวพอสมควร ตัวเลขมันตามยอดคนฟังพอสมควร แต่ยอดวิวมันคือตัวคอมเมนต์อะค่ะ
 
คิดว่าไทยเราควรทำอะไรเพื่อช่วยศิลปินมั้ย
 
ออม: ประเทศเรา ถ้าไม่ใช่คนรุ่นเรา ก็คือจะมีคนยังด้อยค่าสิ่งที่เราทำอยู่ค่ะ ไม่ให้ค่าผลงาน ทั้งที่จริง ๆ ไปทางไหนก็มีแต่เสียงเพลงนะ มันคือสิ่งจำเป็น และเราก็มองว่ามันคือวัฒนธรรมอะ คือรำ-โขน มันเป็นรากเหง้า เราก็ส่งเสริมอยู่แล้ว แต่เพลง แต่ดนตรี มันก็เป็นวัฒนธรรมที่ควรส่งเสริมเหมือนกัน ไปเมืองนอก เราคงไม่ไปรำ...
 
โปรดักต์ประเทศเราคือคน
 
ออม: ใช่ โปรดักต์คือคน ซึ่งเขาไม่ได้มาส่งเสริมอะไรตรงนี้เท่าไหร่ เรามีความรู้สึกว่า เราไปเล่นไต้หวัน ญี่ปุ่น ถ้าดนตรีตรงไวบ์เขา เขาก็สนับสนุน เขาก็ฟัง หรือแม้แต่คุณอยากออกไปทัวร์ รัฐบาลเขาก็มีทุนให้ ก็เขียนโครงการไปเสนอสิ อะไรแบบนี้ เรามองว่าสิ่งที่ควรสนับสนุนในฐานะวัฒนธรรมไม่ควรมีแต่สิ่งที่เป็นรากเหง้าอะ
 
ปิ้ว: แล้วสวนสาธารณ้งสาธารณะ ก็ควรที่จะ...
 
ออม: ให้เล่นดนตรีได้ ใช่! เออ อะไรแบบนี้ไม่ควรยุ่งยาก เช่นถ้าเราอยากจัดคอนเสิร์ตในสวนลุมพินี เนี่ย จัดไม่ได้ ทำไมล่ะ? ทั้งที่มันมีที่ มีอะไรครบเลย ทำไมสถานที่ 'ส่วนกลาง' มันถึงเข้าถึงยากขนาดนั้น ซึ่งการไปเล่นคอนเสิร์ตหรืออะไรมันยิ่งไปเพิ่มมูลค่า เพิ่มคุณค่าให้สถานที่เหล่านั้นด้วยนะ แต่ก็ไม่ได้ ศิลปินต้องไปเช่าไลฟ์เฮาส์ ที่ก็แพงเหลือเกิน วงเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีทุน มันก็ยากที่จะเติบโต ที่จะไปต่อ เพราะวงการเพลง ปัจจัยคือมันต้องออกไปเล่นน่ะ ต้องให้คนได้เห็น แค่นั้นเลย เราเลยรู้สึกว่านอกจากไม่สนับสนุนแล้ว ยังกลายเป็นกีดกัน (การเติบโตของศิลปิน) ด้วยซ้ำอะค่ะ
 
พูดถึงเล่นโชว์ในสวนแล้ว งั้นถ้าโควิดหมดและไปเล่นโชว์ที่ไหนก็ได้ อยากจะไปไหนกัน
 
ปิ้ว: พีระมิดครับ อียิปต์ครับ อยากไปด้วย แล้วมันเท่ด้วยครับ
 
นาว: ไมอามีครับ เล่นเพลง mi ami? ครับ
 
กะมาเล่นเพลงเดียวเลยเหรอ
 
นาว: เพลงเดียวก็พอครับ
 
ตรงไหนของไมอามี ระบุได้มั้ย
 
นาว: ในน้ำเลยฮะ
 
ในน้ำเลยนะ
 
นาว: บนเรือดีกว่าครับ บนเรือแล้วกัน
 
ออมล่ะ
 
ออม: ของเราไม่ไปไกลแล้วกัน เอาเป็น 'เล่นที่ไหนก็ได้ แต่ขอมีเล่นได้มั้ยคะ' (หัวเราะ) เป็นคำตอบที่ดูมักน้อย แต่มันยิ่งใหญ่มากนะ
 
อยากบอกอะไรแฟน ๆ ที่รออยู่บ้าง
 
ออม: อยากบอกแฟน ๆ ว่า 'ไม่ใช่แค่พวกคุณที่รอ' ค่ะ พวกเราก็รอเหมือนกัน (หัวเราะ) รอเป็นเพื่อนกัน อย่าเพิ่งคิดว่าฉันโดดเดี่ยวหรืออะไร ไม่ใช่ เพราะ TELEx TELEXs ตรงนี้ก็รออยู่กับทุกคนค่ะ เจออยากทุกคนเหมือนกัน
 
ปิ้วมีอะไรอยากบอกแฟน ๆ มั้ย
 
ปิ้ว: กินน้ำเยอะ ๆ นะครับ
 
อ่า ได้ นาวมีอะไรจะเสริมมั้ย
 
นาว: นอนเยอะ ๆ แล้วกันครับ
 
ออม: เป็นการดูแลร่างกายพื้นฐาน เพื่อที่ว่าพอวันนั้น พอเราได้เจอกัน ทุกคนจะได้พร้อมไงคะ (หัวเราะ) แล้วเจอกันค่ะ!
 
 
จริงอย่างที่ปิ้วบอกไว้นั่นแหละ ที่ว่าสถานการณ์ยาก ๆ ทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น และสำหรับเราแล้ว การได้ติดตาม TELEx TELEXs มา ตั้งแต่ก่อนโควิดจะระบาด ทำให้พบว่าทั้งตัววงและผลงาน มันแข็งแรงขึ้นและชัดเจนขึ้นมาก ๆ เลย โดยที่เสน่ห์เฉพาะตัวอยู่ที่ความเป็นอาร์ตติสต์แต่ละคนที่ไม่ผ่อนปรนเรื่องการสร้างงาน ในขณะเดียวกันก็เข้าใจอุตสาหกรรม และพร้อมจะสร้าง 'แพ็กเกจ' มานำเสนอผลงานให้ตอบโจทย์ทั้งตัวเองและคนฟังที่สุดด้วย
 
อยากดูพวกเขาเล่นสดแล้วเนี่ย!
 
YouTube video
AdSense
AdSense
AdSense