ในช่วงที่ผ่านมา เราอาจจะได้เห็นว่าแวดวงแฟชั่นนั้นสนุกและมีสีสันมากๆ ทั้งจากเทรนด์แฟชั่นจากยุคต่างๆ ที่สลับขึ้นมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง ทั้งยังมีการคอลแลบฯ กันของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังต่างๆ ที่เรียกเสียงฮือฮาได้เสมอ แถมบางแบรนด์อาจจะเล่นซนขึ้นอีกหน่อย ไปคอลแลบฯ กับแบรนด์ข้าวของเครื่องใช้ แล้วออกมาเป็นแฟชั่นไอเทมสนุกๆ กับดีไซน์ที่จึ้งงงงมาก แบบว่าเห็นแล้วกระเป๋าตังสั่นกันเลยทีเดียว!
สำหรับงานคอลแลบฯ ล่าสุดที่เราว่ามันดีมากก็คือ การโคจรมาพบกันของ Louis Tape แบรนด์เทปกาวชั้นนำของประเทศ กับ Smileyhound แบรนด์แคชวลแวร์ขี้เล่นแห่งเมืองไทย – ฟังดูเป็นเหมือนโลกคู่ขนานใช่ไหมล่ะ แต่การมาบรรจบกันในครั้งนี้ทำให้เกิดไอเทมเก๋ๆ แบบไม่ซ้ำใครหลายชิ้นเลย บอกก่อนว่ามีจำนวนจำกัดด้วยนะ รอช้าจนของหมดก็จะอดน้า
หลายคนคงเคยได้ใช้งานหลุยส์เทปกันมาบ้างแล้ว (โดยเฉพาะช่วงมีโปรเจกต์ที่ต้องทำงานประดิษฐ์หรือไม่ก็แพ็กของ) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเทปกาวรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และเป็นผู้ผลิตเทปใสอันดับสองของโลก ที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้เพราะคุณภาพของหลุยส์เทปเขาดีจริงๆ และตอนนี้ทางแบรนด์ก็ดำเนินกิจการมา 50 ปีแล้ว ก็เลยต้องฉลองแบบพิเศษเสียหน่อย สำหรับทางสไมลี่ฮาวด์เองก็มีไอเดียบรรเจิดจนกลายเป็นโปรเจกต์สนุกๆ ทาง Soimilk ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณทีปกร ชินูปการพงศ์ CEO ของบริษัท หลุยส์ผลิตภัณฑ์กาวเทป จำกัด และคุณบัณฑิต รัศมีโรจน์ Creative Director ตัวแทนแบรนด์สไมลี่ฮาวด์ ถึงเรื่องการคอลแลบฯ ครั้งนี้ที่ผนวกตัวตนของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกันได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งกว่าจะออกมาเป็น Louis Tape x Smileyhound นั้น มีเรื่องราวที่น่าสนใจระหว่างทางเยอะมาก ตามไปอ่านกันในบทสัมภาษณ์นี้ได้เลยจ้า
Soimilk: โปรเจกต์ Louis Tape x Smileyhound เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมถึงตัดสินใจมาคอลแลบฯ กัน?
Louis Tape: จริงๆ ปีนี้เป็นปีพิเศษของทางหลุยส์เทปนะครับ เราดำเนินธุรกิจมา 50 ปีแล้ว เราเลยคุยกันภายในว่า เราน่าจะมีการเฉลิมฉลอง สร้างโปรเจกต์อะไรกันสักอย่างดีไหม จึงเกิดเป็นไอเดียการคอลแลบฯ กับสไมลี่ฮาวด์ คือเราอยากจะเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์หลุยส์เทปให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ผ่านสินค้าคอลเลกชันพิเศษกับสไมลี่ฮาวด์ ซึ่งสามารถสร้างความแปลกใหม่และสนุกสนานให้กับแบรนด์ได้ อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นนะครับ
Smileyhound: หลังจากทางเราได้ยินโปรเจกต์แล้วก็รู้สึกว่า มันน่าสนใจมากเลยนะที่เราจะได้คอลแลบฯ กับแบรนด์ที่เป็นไลฟ์สไตล์ที่เราคุ้นชินแต่อยู่คนละสายของธุรกิจเรา ในพาร์ตการออกแบบ ตอนได้รับโจทย์ครั้งแรก ส่วนตัวก็รู้สึกว่ามันท้าทายเรามาก ยิ่งพอเรารู้ข้อมูลว่า อุ๊ย แบรนด์นี้อยู่มากี่ปีแล้ว เรารู้สึกว่าเราทึ่ง แล้วก็เป็นโปรดักต์ที่บริษัทเราใช้อยู่แล้วในการทำงานต่างๆ อย่างในสายงานออกแบบ เราจะใช้เทปแปะในการสเกตช์งานเพื่อส่งบรีฟให้กับช่างเย็บผ้าหรือโรงงานต่างๆ และสิ่งที่เราเห็นคือโลโก้นี้ กับสีเทปที่อยู่ตรงท้องเทป เราเห็นตลอด ว่านี่คือหลุยส์เทป ทางแบรนด์เลยมองว่าโปรเจกต์นี้ต้องสร้างความสนุกให้กับแบรนด์และแฟนๆ ของเราอย่างแน่นอน
Soimilk: แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเลกชันนี้คืออะไร?
Louis Tape: พอเราเริ่มต้นว่า เราน่าจะลองมีการคอลแลบฯ กับสักแบรนด์หนึ่งแล้ว คำถามต่อมาก็คือ แล้วจะทำงานกับแบรนด์อะไรดี? เราก็มองมาที่เซกเมนต์เราก่อน เราเป็นแบรนด์เทปกาวเก่าแก่ของไทย ซึ่งสินค้าเราจะเป็นเซกเมนต์โรงงานอุตสาหกรรมหรือเชิงธุรกิจ เป็น B2B เสียส่วนใหญ่ ก็เลยคุยกันว่า แบรนด์สไมลี่ฮาวด์เขาสตรองและสามารถตอบโจทย์ในมุมของเราจากฝั่ง B2B ที่มาลองผสมผสานกับแบรนด์ที่เป็น B2C แล้วทางนั้นก็ตอบรับ ซึ่งประทับใจนะครับที่เขาตอบรับด้วยดี
Smileyhound: ถ้าเป็นในพาร์ตออกแบบก็คงต้องบอกว่า ‘เทป’ หรือ ‘เทปกาว’ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของหลุยส์เทป คือแรงบันดาลใจในการออกแบบของแคปซูลคอลเลกชันนี้ จะเห็นได้ว่าเราแปลงค่าของเทปและโลโก้ของแบรนด์หลุยส์เทปออกมาเป็นงานกราฟิก อย่างการใช้เทคนิคการแปะเทปเพื่อสร้างเป็นตัวอักษรเป็นคำว่า ‘Smileyhound’ ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆ คนก็อาจจะเคยนำเทปกาวมาแปะเพื่อสร้างเป็นตัวอักษรเหมือนกัน รวมถึงโลโก้ของหลุยส์เทปที่เราทำกราฟิกออกมาเป็นภาพสเกตช์หรือวาดมือ เพราะเรารู้ว่าเทปกาวนี้จะถูกใช้กับการทำงานฝีมือ งานคราฟต์ต่างๆ เราเลยเอาเรื่องใกล้ตัวแบบนี้มาถ่ายทอดเพื่อให้คนที่เห็นเข้าใจสิ่งที่เราต้องการเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น
Soimilk: ดูเป็นสองแบรนด์ที่มาจากต่างที่กันเลย แล้ว DNA ของทั้งสองแบรนด์ถูกถ่ายทอดออกมาในคอลเลกชันนี้อย่างไร ถึงได้ลงตัวอย่างที่เห็น?
Louis Tape: ของทางหลุยส์เทปเอง โลโก้เราจะค่อนข้างสตรองนะครับ จะเป็นกลมๆ เนอะ แล้วก็มีตัวเขียนที่ผมเชื่อว่าหลายท่านอ่านไม่ออก รับรองได้ (หัวเราะ) จะเป็นตัวเขียน ‘Louis Tape’ ที่เป็นลายมือเขียนเมื่อยุคสมัยนานมาแล้ว แล้วก็ทุกคนจะไปจำแถบสีน้ำเงิน สีเขียว สีแดงนะครับ แล้วสินค้าหลักก็เป็นเทปกาว ตรงพาร์ตที่เป็นโลโก้ของเราก็จะถูกถ่ายทอดมาโดยทางสไมลี่ฮาวด์ก็จะดูว่าจะออกไปเป็นแนวไหน จากสามสีนี้ และมันมีความเป็นตัวหนังสือเขียน ก็อาจจะเรียกว่าคลาสสิกก็ได้นะครับ ก็ฝากให้ทางสไมลี่ฮาวด์ช่วยดูเรื่องดีไซน์
Smileyhound: พอเราได้โจทย์จากทางหลุยส์เทปแล้ว เราก็ตีความต่อ เราจับ DNA ของแบรนด์ในเรื่องของสินค้าเทปกาวก่อน แล้วก็เรื่องแอคเซนต์ของสี กับ CI ของโลโก้ เราก็เลยคิดว่า เราจะเอาเทปมาเล่นอะไรได้บ้าง ด้วยความที่เซนส์แบรนด์ของเรามันจะมีคำว่า creative twist อยู่ เป็น twist ที่แฝงลูกเล่น ตามสไตล์สไมลี่ฮาวด์ เราเลยเอาเทปมาแปะเป็นชื่อแบรนด์ ‘Smileyhound’ แล้วก็ไม่ลืมที่จะใส่สีของหลุยส์เทปเข้าไปด้วย แอคเซนต์สีของทางหลุยส์เทปที่เราให้เกียรติเต็มที่เลย และสิ่งที่สำคัญก็คือเรื่องของโลโก้หมาของเรา เราก็จะซ้อนเลเยอร์สีที่เป็นหลุยส์เทปไว้ -- เหมือนกับเราคุยกันเล่นๆ ในหลังบ้านว่า การคอลแลบฯ มันเหมือนกับการแต่งงานร่วมกัน คุณต้องให้ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีโอกาสได้โดดเด่นออกมาด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่าวนำหรือเจ้าสาวนำ ผมคิดว่ามันเป็นการเจอกันระหว่างกลาง โดยที่เล่นในเรื่องที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะแฮปปี้ไปด้วยกัน
Soimilk: ทางสไมลี่ฮาวด์รู้สึกว่าสิ่งไหนคือความ ‘ท้าทาย’ ที่ทำให้โปรเจกต์นี้สนุก?
Smileyhound: ความท้าทายแรกที่เรามองคือ เราก็ต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้ของใช้กับสไมลี่ฮาวด์อยู่ด้วยกันได้แล้ว ‘สนุก’ หมายความว่า ทำอย่างไรดีให้เสื้อผ้าของเราคนอยากสวมใส่ รวมถึงคนที่เป็นลูกค้าหลุยส์เทปด้วย และทำอย่างไรให้แบรนด์หลุยส์เทปเป็นที่จดจำในกลุ่มลูกค้าเราด้วยในเวลาเดียวกัน ด้วยแบรนด์สไมลี่ฮาวด์จะมีแกนของแบรนด์ว่าเป็น “men's best buddy” เราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ เพราะฉะนั้นรอบนี้เรามีหลุยส์เทปเป็น best buddy จะแนะนำอะไรหรืออย่างไรให้เพื่อนได้บ้าง เลยเลือกไปที่ไอเทมที่ทุกคนเข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอกลม หรือเสื้อโปโล กระเป๋า ร่ม หรือหมอนรองคอต่างๆ แล้วก็ไม่ลืมที่จะคุยกับหลุยส์เทปว่า เราอยากทำสินค้าไฮไลต์ที่เป็นหลุยส์เทปจริงๆ เราก็เลยมีตัวเทป วาชิเทป เทปตัวคาดต่างๆ เพื่อสื่อถึงการร่วมกันของแบรนด์สไมลี่ฮาวด์และ best buddy ของเรา และสุดท้ายคือ ความคาดหวังที่อยากให้ลูกค้าหรือคนที่ได้เห็นสินค้าที่พวกเราตั้งใจสร้างสรรค์ร่วมกันเป็นที่ชื่นชอบ ทั้งตัวเราเอง ทั้งทีมหลุยส์เทป ต่างคนต่างตื่นเต้น
Soimilk: อะไรทำให้หลุยส์เทปอยากก้าวออกมาทำโปรเจกต์ครีเอทีฟแบบนี้?
Louis Tape: ก่อนหน้านี้ เราเคยทำรีเซิร์ชกันเองเรื่องของแบรนด์เราว่า อยู่มาตั้ง 50 ปีแล้วเนี่ย ตกลงมีคนรู้จักไหม ก็ได้ผลตอบรับว่าระดับการรับรู้ของแบรนด์ค่อนข้างดี แต่พอเรามาดูเซกเมนต์ลึกๆ ลงไปแล้วก็พบว่า คนรุ่นใหม่อาจจะคุ้นๆ โลโก้ของหลุยส์เทปบ้าง แต่น้อยมากที่สามารถจดจำชื่อแบรนด์หลุยส์เทปได้ เราเลยคุยกันว่า ถ้าเป็นไปได้นะ เราอยากจะเพิ่มหรือสร้างการรับรู้แบรนด์ของเราให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ เพราะคนกลุ่มนี้ก็จะเป็นผู้ประกอบการในอนาคต ซึ่งคิดว่าการคอลแลบฯ กับสไมลี่ฮาวด์ครั้งนี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
Soimilk: ถ้าอยากจับจอง จะไปซื้อได้ที่ไหน?
Smileyhound: สามารถติดตาม Facebook, Instagram และ LINE Official ของ Louis Tape และ Smileyhound ได้เลยครับ เราลงสาขาทุกสาขาเลยครับ แล้วก็มีขายออนไลน์ด้วย
Louis Tape: เราจะมีเป็นกิจกรรมให้ทุกคนได้มาร่วมสนุกกันด้วยทาง Facebook: Louis Tape และ Instagram: @louistapes.official โดยร่วมสนุกได้ถึงช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ ของรางวัลเป็นของในคอลเลกชันนี้ที่น่ารักมากๆ ฝากติดตามกันนะครับ
อย่างที่เห็นเลยว่าดีไซน์ของแต่ละชิ้นนั้นผ่านกระบวนการคิดมาเป็นอย่างดี จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใส่ทั้งกลิ่นอายหลุยส์เทปและสไมลี่ฮาวด์ไว้อย่างสนุกสดใส ถ้าได้เป็นเจ้าของแล้ว รับรองว่าจะกลายเป็นไอเทมโปรดแน่นอน ย้ำอีกทีว่ามีจำนวนจำกัด ดังนั้นรีบพุ่งตัวไป Smileyhound ทั้ง 12 สาขา (ดูได้จาก smileyhound.com/pages/store-location) หรือกดสั่งซื้อออนไลน์ก็ย่อมได้จ้า – ขอแอบบอกเพิ่มว่า ไม่ว่าจะซื้อไอเทมไหนในคอลเลกชันนี้ ก็จะได้เทปวาชิพิมพ์ลายพิเศษติดมือกลับบ้านไปด้วยแบบฟรีๆ! ของมันต้องมีนะจ๊ะ
