ช่วงเวลา 2 ปี ถือว่าเป็นการเดินทางบนถนนสายดนตรีที่ไม่นานเลย แต่ท่วงทำนองที่ชวนเบาหัวใจของศิลปิน Landokmai (ลานดอกไม้) กลับมีเบื้องหลังเป็นดูโอ้นักร้องนำและมือกีตาร์ที่มีความลุ่มลึกเกินวัย อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง และ แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม เราจึงอยากชวนชาวซอยมิลค์มาทำความรู้จักวงดนตรีอินดี้ป็อปวงให้ดีขึ้นอีกสักนิด พร้อมกับไปฟังซิงเกิลใหม่ของพวกเธอ ฉันเอง.. นี่ไง It's me ด้วยกัน
ทั้งสองคนเจอกันได้ยังไงนะ? ได้ข่าวว่าเหมือนพรหมลิขิตเลยนี่นา
แอนท์: ตอนนั้นหนูเพิ่งเข้า ดุริยางคศิลป์ มหิดล แล้วไม่มีเพื่อนเลย วันนึงทางมหาลัยส่งข้อมูลมาทางอีเมลผิด ความจริงต้องเป็นข้อมูลหนู แต่ดันส่งมาเป็นข้อมูลปิม หนูเลยเอาเบอร์จากเอกสารนั้นมาแอดไลน์ไปชวนเขาคุย หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันมาตลอดเลยค่ะ
อูปิม: หนูว่าฟ้าเป็นใจค่ะ
รู้จักกันแล้วก็ทำเพลงกันเลยเหรอ?
อูปิม: จริง ๆ แอนท์ชวนมาคัฟเวอร์เพลงลงยูทูบก่อน คัฟเวอร์ไปสักพักถึงรู้สึกว่าต้องทำเพลงของตัวเอง
แอนท์: พอทำเพลงเองเราก็รู้สึกว่า... ไม่ได้ละ ถ้ายังคัฟเวอร์เพลงคนอื่นอยู่ด้วย มันจะไม่ได้ 'ภาพ' เลยหยุดคัฟเวอร์ แล้วเดินหน้าทำเพลงตัวเองอย่างจริงจังค่ะ
ความชอบในสไตล์เพลงแต่เดิมเหมือนกันมั้ยนะ?
แอนท์: ความจริงเราเป็นคนละขั้วเลยนะคะ ถ้าปิมเป็นสีแดง หนูจะเป็นสีน้ำเงิน หรือว่าถ้าปิมเป็นช้อน หนูจะเป็นส้อมเลยล่ะ จะมีความตรงข้ามกันประมาณนึง
งั้นพวกเราโตมาชอบฟังเพลงแบบไหนล่ะ?
อูปิม: ของหนูจะนิยามยากนิดนึง แต่หนูแทบไม่ฟังเพลงไทยเลยค่ะ เพลงป็อปร่วมสมัยที่คนเขาฟังกัน หนูก็จะรู้จักจากตอนที่เพื่อนเอามาร้องกันนี่ล่ะ หนูฟังเพลย์ลิสต์ของคุณพ่อซะเยอะนี่สิ เป็นแจ๊สไปเลย อย่าง หลุยส์ อาร์มสตรอง เอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ แบบนี้
แอนท์: ของหนู หนูจะโตมากับเพลงไทยค่ะ จะไม่เหมือนปิม หนูจะฟังแต่เบเกอรี่มิวสิค ยุคก่อนเลยล่ะ ตั้งแต่เด็ก ๆ หนูจะฟังตามพี่ชาย อย่างงานของพี่บอย โกสิยพงษ์ อะไรอย่างนี้ ช่วงหลังก็มีพี่แสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) แนว ๆ นี้
แล้วพอต้องมาทำวงด้วยกันนี่ไม่เถียงกันแย่เหรอ ว่าเพลงในแบบ Landokmai มันต้องเป็นยังไงแน่?
แอนท์: จริง ๆ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังต้องตกตะกอนความคิดไปด้วยกันอยู่ค่ะ อย่างส่วนใหญ่ปิมจะเป็นคนคิดเพลงขึ้นมา คือเขาเป็นคนที่เวลาคิดอะไรได้แล้วจะพรั่งพรูออกมาเลย ซึ่งหลังจากคิดได้แล้วเขาก็จะมาถามหนูว่ามันควรจะเป็นยังไงดี
อูปิม: แอนท์จะเป็นคนคอยดึงหนูไว้ แบบ... 'เฮ้ย หยุดก่อน อย่าเพิ่งฟุ้งเกิน' อะไรแบบนี้ คือแอนท์จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่าน่ะค่ะ จะคอยจัดแจง คอยบริหารทิศทางของงาน
แอนท์: เหมือนหูเราจะแมสกว่า รสนิยมคล้ายคนทั่วไปกว่าหน่อยอะค่ะ คือถ้าเราจะทำเพลงให้คนอื่นฟัง มันก็ต้องจูนกับตลาด กับคนทั่วไปบ้าง

จากเพลงตัวเองเพลงแรกจนมาซิงเกิลนี้ ดนตรีเราโตขึ้นมากน้อยขนาดไหน?
อูปิม: โห โตขึ้นมากเลยค่ะ เหมือนเราก้าวข้ามหลายขีดจำกัดของตัวเองมาก ๆ
แอนท์: ช่วงแรก ๆ เราก็พยายามลอง หาจุดที่ตัวเองน่าจะแฮปปี้ก่อน จนถึงตอนนี้เราก็เพิ่งคุยกันไปเองว่า เราไม่อยากให้แนวดนตรีมันมาจำกัดความเป็น Landokmai จริง ๆ ด้วยเนื้อหาและเมโลดี้ต่าง ๆ มันแสดงความเป็นเราพออยู่แล้ว เลยไม่อยากจำกัดอะไรมาก อยากลอง อยากปรับเรื่อย ๆ
อูปิม: เหมือนอยากทำอะไรก็ทำเลยอะค่ะ ต้องขอบคุณโปรดิวเซอร์ด้วยค่ะ ที่มาช่วยจุดประกาย ซึ่งคือพี่พี (วรพัทธ์ การะเกตุ) มือกีตาร์วง YEW เขาทำให้เรารู้ว่า Landokmai มันทำดนตรีได้ใหญ่เหมือนกันนะ พอเราได้ลองทำแล้วก็ชอบ เหมือนทำให้เราได้เจอตัวเองในอีกรูปแบบนึงน่ะค่ะ
แอนท์: ซึ่งก็คงไม่ใช่แบบสุดท้ายด้วยนะคะ เราก็คงไปต่อกันอีก
อูปิม: พอเราโตขึ้น ไม่ใช่ว่าเราจะเหมือนเดิมอยู่แล้ว ความชอบเราก็เปลี่ยนไปด้วยค่ะ
ถ้าไม่ต้องจำกัดแนวเพลง สำหรับทั้งสองคนแล้ว Landokmai เป็นอะไรสำหรับสำหรับคนฟัง?
แอนท์: สำหรับหนู หนูว่าเป็นความแปลกใหม่ ทุกวันนี้พวกหนูทำอะไรออกไปก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่เห็นเหมือนใครเลย แล้วก็จากที่เคยมีคนฟังชอบแล้วมาบอกเราคือ Landokmai เป็น 'ธรรมชาติ' อะค่ะ ฟังแล้วจินตนาการได้ว่าไปเที่ยว อะไรแบบนี้
อูปิม: ธรรมชาตินี่คือแบบ... ผืนป่า อะไรงี้เนอะ? คงไม่ใช่ 'ฉันทำตัวเป็นธรรมชาติ' เนอะ?
แอนท์: ประมาณนั้นแหละ ผืนป่าแหละ
อูปิม: ส่วนตัวหนู หนูว่า Landokmai เป็นโหมดคนเพ้อเจ้ออะ หนูว่าถ้าคนที่ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ หรือถูกความจริงบางอย่างบังคับ เขาจะไม่มีพื้นที่ที่จะฝันอะค่ะ คนเราอาจจะต้องบังคับตัวเองให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ให้อยู่รอดในสังคม แต่ถ้าเขามาฟังเพลงหนู หนูรู้สึกว่าเขาจะหยุดแล้วรับรู้ถึงบางอย่างได้ เหมือนเป็นที่ระบายออก เหมือนที่พักใจ
แอนท์: เป็นความสวยงามบางอย่างของชีวิตที่อาจจะหลงลืมไปค่ะ
อูปิม: ที่อย่างในกรุงเทพฯ มันจะต้องมีแหละ คนที่อยู่เพื่ออยู่เท่านั้น แต่กับเพลงหนู หนูอยากให้คนฟังมองเห็นว่าจริง ๆ รอบตัวมันมีอะไรมากกว่านั้น หนูว่าเพลงมันพาให้เราไปมองเห็นได้ง่ายขึ้น
ถ้างั้น ฉันเอง.. นี่ไง พาไปดูอะไร เล่าถึงอะไร?
อูปิม: เป็นเรื่องที่ตัวหนูเองเคยประสบพบเจอค่ะ คิดว่าคนอื่นก็ต้องเคยพบเจอเหมือนกัน เป็นความรักที่ผิดหวังค่ะ เหมือนเราพยายามจะทำอะไรบางอย่างให้ใครสักคน แต่ว่าเขาไม่เคยมองเห็น ชอบเพื่อน ชอบคนใกล้ตัวแท้ ๆ แต่ว่าเขาไม่เคยเห็นเลย (/ฮือ)

ถ้าเปรียบ Landokmai เป็นอาหารสักอย่าง จะเป็นอะไรดี?
อูปิม: เป็นสายไหมมั้งคะ หนูไม่ได้ชอบกินเป็นพิเศษนะ แต่มันดูฟูฟ่องดี แล้ว Landokmai ก็ดูเป็นแบบนั้น คิดว่าสายไหมน่าจะถูกต้อง
แอนท์: หนูมองเป็นขนมเค้ก เค้กสีขาว ๆ สักปอนด์ มันเหมือนเป็นความง่าย ความมินิมอลบางอย่าง ที่อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ ข้างนอกอาจจะขาว ๆ เรียบ ๆ แต่ข้างในอาจจะมีอะไรอีก เหมือนดนตรีที่ทำออกไป ฟังเผิน ๆ มันประมาณนึง แต่กระบวนการทำ ภายใต้เปลือกนอกแล้ว มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
แล้วถ้าเปรียบ Landokmai เป็นสถานที่สักแห่ง จะเป็นที่ไหนดี?
อูปิม: มันต้องไม่ใช่กรุงเทพฯ แน่ล่ะ
แอนท์: หนูรู้สึกว่า Landokmai มันแบบ... ความสีเขียว ความออกซิเจนเยอะ ๆ อะไรแบบนี้ หนูคิดถึงเชียงใหม่อะ
อูปิม: ไม่ใช่กรุงเทพฯ แน่ล่ะ ที่ไหนดีนะ? ในโลกเลยได้มั้ยคะ? สวิตเซอร์แลนด์เป็นไง? ยิ่งใหญ่ไปมั้ย? จริง ๆ หนูไม่เคยไปเลยนะคะ แต่มันมีความเป็นดินแดนในฝัน หนูคิดว่าถ้าเราไปอยู่ได้ มันต้องน่าอยู่แน่ ๆ แล้วต้องแบบ... บนเขาหน่อย ชนบทหน่อย แบบนั้นค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างล่ะ ความคิดความอ่านของน้อง ๆ ทั้งสองที่ยังอยู่ในช่วงวัยเรียน ในฐานะนักดนตรี ในฐานะคนทำเพลง ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยล่ะ? ถ้าชาวซอยมิลค์อยากรู้แล้วว่าดนตรีของพวกเธอจะเป็นเหมือน 'สายไหม' หรือ 'ขนมเค้ก' เหมือน 'เชียงใหม่' หรือ 'สวิตเซอร์แลนด์' ได้มั่งมั้ย ต้องไปไล่ฟังในยูทูบค่าย What The Duck และบริการสตรีมมิงต่าง ๆ เอาแล้วแหละ หรือต่อให้ไม่เป็นอะไรตามที่สาว ๆ เขายกตัวอย่างมาเลย เราก็ขอให้มันได้เป็น 'ที่พักใจ' ของคุณ ๆ สักหนึ่งอึดใจก็แล้วกันนะ แล้วถ้าตอนนี้พร้อมแล้ว... ก็ไปกดฟัง ฉันเอง.. นี่ไง กันเลย
