Here ได้เข้าโรงภาพยนต์เป็นที่เรียบร้อย ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นใกล้วันคริสต์มาส โดยเป็นผลงานกำกับล่าสุดของ Robert Zemeckis ผู้กำกับผลงานชื่อดังอย่าง Forest Gump, Back to the Future, Cast Away, และอื่นๆ อีกมาก สำหรับเรื่อง Here ยังไม่วายชักชวนนักแสดงคู่บุญอย่าง Tom Hank และ Robin Wright กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่สร้างหยดน้ำตาให้กับผู้ชมมานานนับตั้งแต่เรื่อง Forest Gump
*บทความมีเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วน*
Here นั้นเดิมทีเคยเป็น นิยายภาพ (Graphic Novel) ของ Richard McGuire มาก่อน โดยบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตระกูล Young กับความผูกพันธ์ที่มีต่อบ้านหลังที่พวกเขาอาศัยอยู่ ซึ่งผู้กำกับ Zemeckis ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ non-linear คือมีการกลับสลับฉากไปมา และที่สำคัญคือการถ่ายทอดหนังแบบฉากเดียวคือฉากห้องนั่งเล่นในบ้าน โดยตัดสลับเล่าเรื่องย้อนเวลาไปถึงชีวิตคนอื่นๆ รวมถึงครอบครัวตระกูลอื่นๆ ที่เคยมาอยู่บ้านหลังนี้ก่อนหน้าตระกูล Young โดยรวมแล้วเป็นพล็อตที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว อีกทั้งเพลงประกอบยังมีกลิ่นอายของความเป็น Forest Gump มีโทนของการหวนรำลึกถึงอดีต (nostalgia) และคีย์เมสเสจต่อคนดูที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา
ถ้าเรามองว่าหนังเรื่องนี้คือหนังครอบครัว อบอุ่นหัวใจในช่วงคริสต์มาสแบบสุดกู่ก็คงไม่ใช่ (ถ้าใครดูจนจบแล้วจะเข้าใจว่าทำไม) หนังถูกตีไปสองทางแล้วแต่คนจะมองระหว่าง “เราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น” หรือ “ตอกย้ำความเป็นจริงของชีวิต” เพราะหนังมีการสอดแทรกความจริงของชีวิตที่เป็น ‘แก็ป’ ระหว่างคนสามเจน–ปู่ออกไปรบ เสียโอกาสในการทำงาน หาความฝัน (เบบี้บูมเมอร์), พ่อ มีความฝันแต่ต้องพับเก็บเพราะต้องหาเลี้ยงครอบครัว (เจน X), ลูกสาวมีความฝัน ทำตามความฝันได้ (Gen Y-Z)–และยังมีเรื่องอื่นๆ ที่สอดแทรกเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นปัญหาครอบครัวและชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นเกือบทุกครัวเรือน ซึ่งผู้กำกับพยายามนำเข้ามาเพื่อสะท้อนให้เห็น แต่ชีวิตเราจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ไหม ก็คงขึ้นอยู่กับผู้ชมจะนำไปตีความชีวิตตัวเอง
ผู้กำกับพลาดอะไร?
ต้องบอกว่า Here ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจผู้ชมเหมือนผลงานก่อนๆ ของ Zemeckis อาจจะด้วยความท้าทายของการเล่าเรื่องในฉากเดียวภายในบ้าน ผู้กำกับจึงมีการใช้การเล่าเรื่องแบบสลับไปมาเพื่อสร้างกราฟให้กับเนื้อเรื่อง แม้จะดูสร้างสรรค์ แต่ค่อนข้างเบี่ยงประเด็นในการเล่าเรื่อง พูดง่ายๆ คือ การย้อนเวลาไปหาครอบครัวอื่นอาจไม่มีความจำเป็นเลยก็ได้ หากต้องการโฟกัสไปที่เรื่องราวของตระกูล Young ตั้งแต่แรก ฉากการย้อนเวลาไม่ได้สร้างอิมแพ็คต่อหนังเท่าที่ควรจะเป็น และค่อนข้างเสียแอร์ไทม์ให้กับตระกูล Young ในการขับเน้นอารมณ์ผ่านท่าทางและบทสนทนา ซึ่งถูกทำให้คนชมรู้สึกปรับอารมณ์ไปแต่ละฉากแทบไม่ทัน มวลอารมณ์ไปไม่ถูก ตามความเข้าใจของเราดูเหมือนผู้กำกับไม่ต้องการให้หนังเรื่องนี้มันดราม่าจนเกินไปจึงพยายามเสริมองค์ประกอบเพื่อความสนุก แต่คิดๆ แล้วคงต้องเลือกสักทาง
Soimilk Says: เป็นหนังอีกตัวเลือกหนึ่งในดูหนังในช่วงคริสต์มาส เราต้องบอกว่า Robert Zemeckis ยังคงความเป็นเขาอยู่แหละในเรื่องของการทำหนังให้เข้าถึงได้ทุกวัย นอกจากเรื่องดราม่าในหนังยังมีหลายองค์ประกอบที่ผู้กำกับเขาต้องการให้มันรู้สึกตลกและสนุกอยู่พอสมควร อาจเรียกได้ว่าเป็นดราม่า-คอเมดี้ก็ได้ ส่วนตัวเราแล้ว ถ้าไม่คิดอะไรมาก ต้องการดูหนังเพลินๆ สักเรื่องถือว่าเหมาะ แต่อาจต้องเตือนสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หนัง slow burn คือ Here มันไม่ได้ slow ขนาดนั้น แต่ถ้าคุณเป็นคนหลับง่ายก็มีแววอยู่ เพราะการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างไปเรื่อยๆ กราฟไม่ได้ชัด ส่วนใครที่เป็นคนอ่อนไหวมากๆ อย่าลืมเตรียมทิชชู่ไปด้วยนะ เตือนไว้ก่อน!