Ella BKK ร้านล้างฟิล์มใจกลางเมืองที่ทะนุถนอมฟิล์มของเราเหมือนลูกสาวในครอบครัว

สวนหลวงสแควร์ ย่านชอปชิมใจกลางเมืองที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสยามและสามย่าน เป็นพื้นที่ที่หลายคนคุ้นเคยจากการแวะเวียนเข้ามาชิมอาหารตามร้านเด็ดต่าง ๆ ในโครงการ แต่ก็ใช่ว่าที่นี่เขาจะมีแต่ร้านอาหารเสมอไป เพราะล่าสุดเขาก็เพิ่งต้อนรับร้านใหม่เข้าโครงการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี่เอง และร้านนั้นก็คือ Ella BKK ร้านล้างฟิล์มน้องใหม่ที่เราอยากแนะนำให้นักถ่ายสายอะนาล็อกไปลองล้างกับเขาซักม้วน เพราะที่นี่เขาพิถีพิถันทุกกระบวนการ ตั้งแต่การล้างฟิล์มยันการจัดตกแต่งร้าน โดยทีเด็ดของร้านนี้จะมีอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ทุกคนฟังเอง   

 

 

 

Ella BKK ก่อตั้งขึ้นโดย 3 เพื่อนเกลอที่โคจรมาเจอกันเพราะความชอบในการถ่ายรูป และทั้ง 3 ก็มักจะนัดรวมพลไปถ่ายรูปด้วยกันบ่อย ๆ จนมาถึงวันหนึ่งก็เริ่มอยากจะจริงจังกับการถ่ายฟิล์มขึ้นมาอีกสเตป จึงลงทุนลองซื้อเครื่องล้างฟิล์มมาไว้ที่บ้าน แต่จับพลัดจับพลูไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีจากการซื้อเครื่องล้างฟิล์มก็กลายเป็นเปิดร้านล้างฟิล์มเองซะเลย และด้วยความที่ร้านนี้เกิดขึ้นมาจากความรักความชอบในการถ่ายรูป พวกเขาจึงทะนุถนอมร้านนี้เหมือนลูกสาวในครอบครัว โดยตั้งชื่อร้านว่า Ella ที่เป็นภาษาสเปนแปลว่าหญิงสาว ในขณะเดียวกันชื่อนี้ก็ไปคล้องกับชื่อของราชินีเพลงแจ๊สของยุค 60s Ella Fitzgerald ที่พวกเขาชื่นชอบเช่นกัน   

 

 

และการทะนุถนอมร้านประดุจดั่งลูกสาวก็ทำให้ ความพิถีพิถัน กลายมาเป็นจุดเด่นหลักของร้าน ซึ่งพวกเขาก็ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่ชั้นแรกที่ทำเป็นห้องล้างฟิล์มแบบติดกระจก เพื่อให้นักเล่นกล้องฟิล์มที่เข้ามาแวะเวียนได้ดูกระบวนการล้างทุกขั้นตอน เหมือน Open Kitchen ที่ร้านขนมปังโซนยุโรปจะชอบเปิดครัวให้นักชิมได้เห็นลีลาของเชฟ ซึ่งห้องนี้เขาก็รักษาความสะอาดแบบสุด ๆ เพื่อให้น้องฟิล์มของเราห่างไกลน้ำห่างไกลฝุ่น รวมถึงใช้น้ำยาที่สดใหม่และควบคุมคุณภาพการล้างทุกขั้นตอน 

 

 

 

เมื่อเดินลัดเลาะเข้าไปถึงชั้น 2 ก็จะพบกับโซนที่ตกแต่งตามใจเจ้าของร้าน เพราะองค์ประกอบการตกแต่งของร้านนี้มาจากส่วนผสมความชอบของทั้ง 3 คน ตั้งแต่การเลือกสีเหลืองเป็นสีหลักของร้าน การวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสไตล์วินเทจ ไปจนถึงดีเทลเล็ก ๆ อย่างการเลือกเพลงที่เปิดในร้านก็จะเป็นสไตล์คลาสสิค ส่วนการเลือกกลิ่นก็เลือกเป็นก้านไม้หอมโฮมเมดที่หอมหวานลแบบฟรุตตี้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นร้านที่น่านั่งน่าอยู่ รวมถึงเคาน์เตอร์ต้อนรับเขาก็ตั้งใจจัดให้เหมือนล็อบบี้โรงแรมที่พนักงานต้อนรับก็แต่งองค์ทรงเครื่องแบบใส่เชิ้ตผูกไท เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ 

 

 

 

และเราก็ต้องมาส่งฟิล์มล้างที่เคาน์เตอร์นี้แหล่ะ โดยฟิล์มที่เขารับล้างก็จะมีตั้งแต่ฟิล์มสไลด์ ฟิล์มสีขนาด 135 และ 120 ส่วนราคาล้างสแกนฟิล์มสีจะอยู่ที่ม้วนละ 170 บาท แต่ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาเขาก็ใจดีลดให้เหลือม้วนละ 150 บาท เมื่อส่งฟิล์มแล้ว เขาก็จะล้างให้ภายใน 24 ชม. แต่ถ้าคิวว่างก็สามารถรอรับได้ภายใน 3-4 ชม. ซึ่งเขาก็จัดพื้นที่ จัดหนังสือกล้องหายาก ให้มานั่งอ่านระหว่างรอ หรือถ้าใครจะให้เขาส่ง Negative ไปให้ที่บ้านทางไปรษณีย์ก็ย่อมได้ โดยซองพลาสติกที่ใส่ Nagative เขาก็จงใจเลือกพลาสติกเกรดที่ทนความร้อนเป็นพิเศษอีกด้วย พิถีพิถันทุกจุดจริง ๆ

 

 

 

ถ้าหากหันไปมองรอบ ๆ ก็จะเจอกับตู้ขายฟิล์มที่เขาคัดมาแล้วว่าเหมาะกับสไตล์การล้างของร้าน ร้านล้างออกมาได้คุณภาพ แต่ตู้นี้ก็ไม่ได้ขายแค่ฟิล์มอย่างเดียว ยังมีกล้องและอุปกรณ์จาก Rollei Boys Club มาวางขายในตู้นี้อีกด้วย ซึ่งร้าน Ella BKK ก็มีแพลนจะผลิตโปรดักส์เป็นของตัวเอง โดยจะสร้างเป็นแบรนด์และทำเป็นคอลเลคชันจริงจัง อย่างเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็เพิ่งทำกระเป๋าผ้ามาวางขาย และในอนาคตก็จะมีโปรดักส์ที่หลากหลายมากขึ้นตามมา อย่างเสื้อยืด เสื้อโปโล หรือเครื่องหอมโฮมเมดที่ทางร้านปรุงเอง ซึ่งเขาก็กระซิบให้เราฟังอีกด้วยว่าในอนาคตกำลังจะมี Coffee Corner สไตล์กาแฟดริปมาเปิดเสริมที่ชั้นล่าง แต่ตอนนี้กำลังรีเสิร์ชอยู่อดใจรอได้เลย 

 

 

นอกจากนี้ทางร้านก็ตั้งใจที่จะจัดกิจกรรมเดือนละครั้ง เพื่อนัดรวมพลนักเล่นกล้องฟิล์มให้มาร่วมเดินถ่ายรูปด้วยกัน ซึ่งก็คือกิจกรรม Photo Walk กิจกรรมที่เชิญนางแบบหรือช่างภาพมาร่วมทริปสั้น ๆ พานักถ่ายสายอะนาล็อกไปลุยตามโลเคชันต่าง ๆ พร้อมคอยไกด์คอยแนะนำเคล็ดลับการถ่ายภาพไปในตัว ซึ่งกิจกรรมนี้จะจำกัด 15 คนต่อรอบ ใครสนใจก็ทักแชทเข้าไปถามรายละเอียดในเพจ Ella BKK ได้เลย 

 

 

เป็นร้านที่ถ้าใครเป็นนักถ่ายสายอะนาล็อก เราก็อยากแนะนำให้ไปลองล้างกับเขาดูซักครั้ง แต่ถ้าใครไม่สะดวกเข้าไปส่งฟิล์มที่ร้าน ก็สามารถส่งมาทางไปรษณีย์ หรือจะไปส่งที่จุดรับฟิล์ม Walden Home Cafe คาเฟ่ย่านฝั่งธน หรือที่ Blue Dye Café คาเฟ่ย่านสุขุมวิท ก็ตามแล้วแต่เราจะสะดวก