ปฏิเสธไม่ได้ว่าบอร์ดเกมได้กลายเป็นกิจกรรมขวัญใจของชาวไทยมานาน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความหลากหลายของบอร์ดเกมก็เริ่มทวีคุณขึ้น โดยบอร์ดเกมเหล่านี้มักถูกผลิตและพัฒนาขึ้นโดยชาวตะวันตก แต่ลองนึกดูว่าหากประเทศไทยมีบอร์ดเกมเป็นของตัวเองสักอันจะเป็นอย่างไร จะน่าสนุกแค่ไหนหากเราลองหยิบทุกบริบทการผจญภัยในกรุงเทพมากลายเป็นเกมๆ หนึ่ง หรือจำลองการที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบคนเมือง และเราไม่ต้องรอกันอีกต่อไปเพราะตอนนี้เรามี Bangkok Pains บอร์ดเกมคนเมืองกับเรื่องเมืองๆ ที่ชวนปวดหัว แต่สนุกและน่าท้าทาย ให้ได้เล่นกันแล้ว

Bangkok Pains เป็นบอร์ดเกมที่สามารถเล่นได้ 2-6 คนในรูปแบบของเกมกระดาน โดยผู้ใช้หมากในการเดิน (ซึ่งตัวหมากน่ารักมากซะด้วย) จำลองการใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครเป็นเวลา 1 ปี โดยมีหมุดหมายคือต้องปลดหนี้สารพัดบัตรเครดิต–ที่มาพร้อมกับชื่อสุดปั่นแบบ ‘Infinite Debt’ และ ‘Ultimate Broke’–ให้ได้ ซึ่งตลอดเส้นทางการเดินทางจะมีทั้งโชคและอุปสรรค เช่น จ่ายหนี้ แม่ให้เงินเพราะเป็นลูกรัก หรือดวงตกต้องเสียเงิน เจอแท็กซี่ไม่กดมีตเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่เรียกได้ว่า เจ็บปวด จี๊ดเหมือนโดนจี้ใจดำ และแน่นอนว่าบอร์ดเกมนี้ไม่ได้ดีไซน์โดยฝรั่งตาน้ำข้าว แต่เป็นฝีมือของ ข้าวฟ่าง-พีรญา ศิรธนิศา, นัท-นัทชา ดุษฎีพรรณ์, และ ปันปัน-ศศิพิมพ์ พิบูลเจริญวงศ์ สามสาวครีเอทีฟชาวกรุงเทพฯ จาก Invisible Ink บริษัทเอเจนซีโฆษณา ที่ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าสิ่งนี้จะถูกนำมาขาย และขายหมดสต็อคภายในวันเดียว!

เขยิบเข้าไปในซอยนภาศัพท์อันเป็นที่ตั้งของ โลคัลบาร์สำหรับนักฟังเพลงสายทางเลือก Freaking Out The Neighborhood ของบริษัท Invisible Ink และเป็นสถานที่ที่เหมาะกับบทสนทนาเกี่ยวกับโปรเจกต์บอร์ดเกมที่ ข้าวฟ่าง อธิบายว่าจริงๆ แล้วเบื้องหลังการทำบอร์ดเกมนั้นถูกพัฒนามาจากโปรเจกต์ส่วนตัวที่ใช้พัฒนาทักษะของบริษัทที่ไม่ได้มีความตั้งใจจะผลิตออกมาอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“คือมันเริ่มจากโพสต์ April Fools' Day ของปีนี้แหละ อย่างที่นี่พวกเราปกติก็ะทำ seasonal content อยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นคิดว่าจะทำเกมที่เกี่ยวกับกรุงเทพฯ แต่ยังไม่มีภาพออกมาชัดๆ ว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน พอถึงเวลามันก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย เราเลยทำเป็นโพสต์เล่นๆ ว่าเราจะทำบอร์ดเกมละกัน” ข้าวฟ่าง กล่าว

“เรายืมสไตล์ของ Monopoly ง่ายๆ แล้วใส่ม็อกอัป พร้อมโพสต์ว่าขายวันเดียวนะ ประมาณนั้น ขำๆ ทุกคนรู้แหละว่าโกหก แต่ว่ามันมีคนพูดว่า เอ้ย มันน่าทำจริงๆ นะ แต่เราก็ข้ามไปเพราะมีงานค่อนข้างเยอะ พอมากลางปี ถึงช่วงที่เราต้องทำของขวัญตอบแทนให้ลูกค้า เราเลยคุยกันว่าทำบอร์ดเกมที่เคยคุยกันไหม แล้วเราก็ทำเลย ถือว่าเป็นโอกาสให้คนรู้จักเอเจนซีเราไปด้วย วินๆ”
เมื่อเรากางกระดานบอร์ดเกม Bangkok Pains ออกมา นอกจากจะเตะตาเตะใจด้วยสีสันแล้ว ยังมีตัวหมากเดินน่ารักๆ นำเสนอความเป็นไทยที่ทำออกมาเป็นรูปทรงขวดน้ำปลาทิพรส ชามกาไก่ ส้มตำ และอื่นๆ พร้อมกับกระดาษดีไซน์กราฟิกสวยงามจากฝีมือของอนิเมเตอร์ In-house ของ Invisible Ink

.
Bangkok Pains เบสมาจากบอร์ดเกม The Game of Life โดยมีความแตกต่างคือ จากที่เราต้องมีภารกิจเล่นเกมชีวิตผ่านทั้งช่วงมหาลัย วัยทำงาน จนถึงเกษียณ Bangkok Pains พาเราใช้ชีวิตในกรุงเทพเป็นเวลา 1 ปี โดยมีภารกิจหลักคือ “การปลดหนี้บัตรเครดิต” โดยระหว่างทางจะมีอุปสรรคมากมายก่ายกองที่รวบรวมมาจากชีวิตคนในเมืองกรุงจริงๆ ทั้งค่าเช้ามหาโหด หนี้บัตรเครดิต และความวายป่วงที่ฟังดูเหมือนเรื่องเหนือจริง แต่ดันเป็นมรสุมที่ชาวกรุงเทพ ต้องเผชิญจนชิน
“เรื่องเนื้อหาค่อนข้างท้าทาย เพราะว่าเราค่อนข้างเฉยๆ ชินชากับสิ่งที่เราเจอทุกวันเลยต้องใช้เวลากับการรวบรวมข้อมูล มุมมองของแต่ละคนที่มีต่อกรุงเทพมีอะไรบ้าง จากออฟฟิศ พ่อแม่เพื่อน เอามาหมด” นัท อธิบาย

“พอเราปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว พวกเราก็จะมาเล่นกันแล้วลิสต์ข้อดีข้อเสียกันว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วลองเวิร์กเรื่องเวลาด้วย เพราะเราไม่อยากทำบอร์ดเกมที่จบเร็ว หรือนานเกิน ก็เลยมาลงที่ The Game of Life เทสเสร็จก็ทำต้นแบบขึ้นมา” ข้าวฟ่าง กล่าว “ซึ่งช่วงนั้นก็ท้าทายนะ เพราะเราไม่เคยทำเกมมาก่อน เราเลยลองดูเอาว่า The Game of Life มีกี่ช่อง ช่องที่เราเดินรูจะเหมือนกันไหม ทุกๆ ดราฟต์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ใครว่างในออฟฟิศก็มาเล่นกันแล้วเก็บฟีดแบ็กมาแก้ ทำ rule book เพื่อให้คนเข้าใจว่าเล่นยังไง”
“เราอาศัยความรู้สึกเราล้วนๆ ทุกครั้งที่เราลองเล่น คิดว่าถ้าเป็นเกมที่เราซื้อมาเล่นจริงๆ เรารู้สึกว่าเราขาดอะไร เราอยากได้อะไร ถ้าเราลองใส่ลงไปเราก็ต้องมาเล่นมาว่ามันโอเคไหม ถ้าไม่โอเคก็ต้องตัดออก” ปันปัน กล่าวเสริม
หลังจากที่ไฟนอลกันเรียบร้อย พร้อมกับติดต่อซัปพลายเออร์ให้ผลิตออกมา 60 ชุด ให้กับลูกค้า ทั้งสามคนก็ตัดสินใจลงขายจริงๆ และเพิ่มจำนวนเป็น 100 ชุด มีการเตรียมลงโพสต์ล่วงหน้ากันหลายเดือนก่อนไปจบที่ sold out ที่พวกเธอไม่คิดคาดว่าจะมีคนซื้อบอร์ดเกมที่มีราคาสูงเกินไปเมื่อเทียบกับบอร์ดเกมอื่นๆ ในตลาด

“เราว่าเกมกระดานที่เราเล่นกันส่วนใหญ่มันมาจากต่างประเทศหมดเลย ทุกคอนเทนต์มันค่อนข้างจะตะวันตก ไม่มีใครทำให้มันอยู่ในบริบทคนไทย หรือคนกรุงเทพ เราคิดว่าคนน่าจะสนใจตรงที่มัน relatable (เข้าถึงได้) ซึ่งตอนเรารีเสิร์ชเราเคยเห็นเกม Monopoly แบบไทยอิดิชัน แต่มันก็ไม่ใช่ไทยจริงๆ มันคือไทยที่ฝรั่งทำ แค่เปลี่ยนโลเคชัน แสดงมุมมองไทยแบบต่างชาติ นี่อาจจะเป็นจุดนึงที่ทำให้คนสนใจ Bangkok Pains” ปันปัน อธิบาย
ไหนๆ เราก็พูดคุยเกี่ยวกับบอร์ดเกมเกี่ยวกับกรุงเทพกันไปพอประมาณแล้ว เราก็อดสงสัยไม่ได้จะที่จะถามพวกเธอเกี่ยวกับ “กรุงเทพมหานคร” เมืองหลวงขนาดเกือบ 1,600 ตารางกิโลเมตรที่มีสโลแกน “ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว” ในฐานะที่พวกเธอเติบโตและใช้ชีวิตหลายปี ซึ่งแต่ละคนไม่รีรอที่จะตอบ
“จราจรคือสิ่งที่แย่ที่สุด เป็นสิ่งที่เราเจอทุกวัน ทุกครั้งที่เราไปไหนคือมันไม่สามารถคาดเดาเวลาได้เลย เรากะเวลาออกแล้วหนึ่งชั่วโมง มันก็ยังเลท เราเสียเวลาชีวิตไปมากๆ เวลาที่เราควรเอาไปทำอย่างอื่น” ปันปัน ตอบพร้อมกับการพยักหน้าของนัทในเชิงเห็นด้วย และเสริมปันปันอีกว่ากรุงเทพไม่มีพื้นที่สาธารณะอื่นๆ นอกจากห้าง ซึ่งไม่ได้มอบแรงบันดาลใจให้ชีวิตในเมืองเลยสักนิด

“กรุงเทพมันถูกสร้างขึ้นมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย เหมือนไม่ได้วางแผนมาก่อน และเป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์ซะเยอะ การออกแบบของเมืองมันไม่ได้ทำให้คนในเมืองใช้ชีวิตได้ดี มีความเหลื่อมล้ำที่คนรวยใช้เงินแก้ปัญหา แล้วคนจนเขาจะทำยังไง ทั้งๆ ที่เมืองมันน่าจะเหมาะกับคนหลายๆ ระดับมากกว่านี้ อย่างเราไม่สะดวกกินข้าวเราสั่งแกร็ป แล้วคนที่ไม่มีเขาต้องเดินไปไกลๆ เหรอ ประมาณนี้ คุณภาพของคนขึ้นอยู่กับว่าคุณจ่ายได้เท่าไหร่” ข้าวฟ่าง กล่าวในส่วนของตัวเอง
ทีนี้มาถึง ‘ข้อดี’ ของกรุงเทพมหานครกันบ้าง ซึ่งหลังจากยิงคำถามไปทั้งสามคนถึงกับนิ่ง และส่งสายตาโต้ตอบบนความเงียบไปชั่วครู่จนต้องส่งเสียงหัวเราะออกมา
นัท: “รู้สึกว่าดีขึ้นละกันนะ (หัวเราะ) เวลาเราเที่ยวในโซนเมืองเก่า เรารู้สึกว่าคุณมีความสามารถนะ แล้วคุณก็ทำให้ดีได้ แต่ทำไมพวกคุณไม่คุยกัน แล้วจับมือทำด้วยกัน ทำไมทำแค่โซนเดียว แล้วโซนอื่นล่ะที่จำเป็นต้องซ่อมแซม อยากให้คุยกันเยอะๆ”
ปันปัน: “กรุงเทพเมืองที่มีคาแรคเตอร์ แต่ละย่านก็มีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันออกไป เราไม่ได้มีแค่วัดพระแก้ว พารากอน หรือไอคอนสยาม เมืองเก่าเราก็มี มีสถานที่น่าสนใจที่มันผสมความโมเดิร์นกับความเป็นพื้นเมืองเข้าด้วยกัน แบบแทนที่เราจะทุบทิ้ง ทำไมเราไม่รีโนเวทแทนล่ะ”

ข้าวฟ่าง: “เราว่าข้อดีของมันคือความหลากหลายแหละ คาแรตเอคร์รกๆ ระเกะระกะก็เป็นเสน่ห์ของมันอีกแบบหนึ่ง เหมือนภาพคอลลาจอ่ะที่เหมือนมันรวมๆ กัน แต่มันก็ดูดีเหมือนกันนะ เรื่องอาหารการกินมันก็หลากหลายมากๆ จนตอนนี้มีมิชลินสามดาวแล้ว (ร้านศรณ์)”
Bangkok Pains ตอนนี้ขายหมดแล้วสำหรับล็อตแรก และกำลังจะสั่งล็อตที่สองซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปจับจองกันได้ โดย ข้าวฟ่าง นัท และปันปัน มีแผนว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะทำเกมออกมาอีก และยังคงยึดกับซีรีส์ Pains เพื่อสะท้อนปัญหาว่ามีอะไรบ้าง หรือเกมสักเกมหนึ่งที่ทุกคนสามารถมาปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาได้

“อยากให้ทุกคนสู้กันต่อไป และก็พยายามหากิจกรรมทำเพื่อบันดาลใจ เช่น ซื้อบอร์ดเกมเราไปเล่น (หัวเราะ)”
ใครที่สนใจสามารถเข้าไปจับจอง Bangkok Pains ได้แล้ว บนเว็บไซต์ Invisible Ink ในราคา 1,999 บาท
ใครที่สนใจสามารถเข้าไปจับจอง Bangkok Pains ได้แล้ว บนเว็บไซต์ Invisible Ink ในราคา 1,999 บาท