ได้ชื่อว่าเป็นยุคโควิดแล้ว อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม ลด ตัดทอน เลื่อน หรือยกเลิก มาตรการหรืออิเวนต์ใด ๆ ก็ตาม อย่างล่าสุดที่เป็นข่าวใหญ่ก็เมื่อ อเดล ศิลปินตัวแม่ของอังกฤษ ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตลาสเวกัสทั้งหมด เพียง 24 ชั่วโมง ก่อนโชว์แรกจะเริ่ม ทำเอาแฟน ๆ ที่เดินทางไปรอชมแล้วโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันเป็นแถว ๆ เพราะค่าใช้จ่ายของทริปค่อนข้างสูง นี่ยังไม่นับงานบันเทิงและอิเวนต์กีฬาที่ถูกเลื่อนหรือยกเลิกไปมากมายก่อนหน้านี้อีกนะ

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่โดนเทล่วงหน้าในระยะ 24 ชั่วโมงเช่นกัน จากการประกาศเลื่อนของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคู่ระหว่าง Tottenham Hotspur กับ Arsenal ที่กรุงลอนดอน ทำให้อดเห็นความล้ำและความอลังการของหนึ่งในสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ที่เพิ่งเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2019 และจุได้กว่า 62,000 ที่นั่ง ไปโดยปริยาย รวมถึงอดเห็นบรรยากาศหนึ่งในแมตช์ฟุตบอลที่ดุเดือดที่สุดในลีกอย่าง North London Derby ด้วย
แต่เพราะเดินทางมาไกลและมาแค่เพื่อแมตช์นี้เท่านั้น ทีมงานของสโมสรที่เป็นคนดูแลเลยเห็นใจ และเชิญเราเข้าไป 'ประเดิมนั่ง' ในที่นั่งตัวเองที่ซื้อไว้แบบเป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งเดินชมสนามส่วนที่ไม่ได้ปิดทำการ 100% เพื่อซึมซับบรรยากาศ (ซึ่งก็แห้งอยู่ดีนั่นแหละ) ทำให้เราเห็นสเปซต่าง ๆ ที่สโมสรได้จัดสรรไว้เป็นอย่างดี จนอยากหยิบบางส่วนมาบอกเล่า มาแบ่งปันกับชาวซอยมิลค์ด้วยเลย

Tottenham Hotspur Stadium ของสโมสร Tottenham Hotspur เป็นอาคารอสมมาตรที่ด้านที่สูงที่สุดมีพื้นที่ใช้สอยเหนือชั้นใต้ดินมากถึง 9 ชั้น แบ่งโซนไว้สำหรับผู้เข้าชมอิเวนต์ในเซกชันต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ฟุตบอลด้วยนะ เพราะที่นี่เขาทำสนามเป็นมาตรฐานอเมริกันฟุตบอล NFL และเป็นผู้จัดงาน NFL London อย่างเป็นทางการ มีสนามหญ้าชุดที่ 2 แยกต่างหาก มีห้องแต่งตัวเฉพาะ สำหรับผู้เล่นและเชียร์ลีดเดอร์ รวมถึงพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนและสตูดิโอออกอากาศอย่างเป็นสัดส่วน ในขณะที่พื้นที่ส่วนต่าง ๆ ก็เปิดให้เช่าจัดงานด้วย พูดได้ว่าที่นี่เป็นสเปซอเนกประสงค์ที่รองรับได้หลายฟังก์ชันจริง ๆ

ยังไม่ทันเดินถึงโซนที่เป็นที่นั่งของเรา ก็เจอเข้ากับ Centre Spot หมุดกลางสนามที่ยกมาจาก White Hart Lane สนามแข่งเก่าของทีม คนดูแลบอกว่าจุดนี้มีแฟน ๆ ถ่ายรูปด้วยเยอะมาก ชนิดที่ว่าลงไปนอนแนบ คล้ายการถ่ายรูปกับป้ายชื่อดาราตรง Hollywood Walk of Fame เลยล่ะ ถัดมาไม่ไกลก็มีคุณไก่ Golden Cockerel คอยต้อนรับทุกคนก่อนเดินเข้าสู่โซนที่นั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เจอกับ 'เจ้าของบ้าน' ยังไงยังงั้น แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปเช็กอินที่เริ่ดมาก ๆ

เดินแล้วเดินอีกก็ยังไม่ถึงโซนที่นั่ง เพราะสนามเขาใหญ่จริง ๆ และเราก็ได้เจอเข้ากับโซนเครื่องดื่ม ที่ไม่ได้หมายถึงแค่การขายเครื่องดื่มเท่านั้นด้วยนะ แต่เขามีโรงกลั่นเป็นของตัวเองเลยจ้า แล้วเบียร์ที่ได้ก็มีขายในสนามวันที่มีแข่ง และที่ผับ Beavertown หน้าสนาม ให้ทุกคนได้แวะดื่มกันเมื่อต้องการ (แต่ไม่มีแบบกระป๋องนะ) โดยชื่อของ IPA ตัวนี้ก็เก๋แสนเก๋ นั่นก็คือ One Of Our Own ที่แปลได้ว่า 'ผลผลิตของเรา' ซึ่งมักใช้เรียกนักเตะเด็กปั้นที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกของสโมสรนั่นเอง

ท่ามกลางโซนที่ปิดใช้งานและถ่ายรูปไม่ได้ (คือส่วนใหญ่เขาพับเก้าอี้ขึ้นน่ะ ถ่ายรูปมาก็ไม่น่าดูอยู่ดี) โซนที่ต้องเดินฝ่าฟันมาไกลหน่อยแต่ประทับใจมาก คือส่วนที่เป็นห้องพรีเมียมสวีต ที่ส่วนหนึ่งเปิดให้บริษัทพันธมิตร/สปอนเซอร์ใช้งาน ส่วนหนึ่งเปิดขายสำหรับสมาชิกทั่วไป และอีกส่วนหนึ่งสำหรับนักเตะที่ต้องการสำรองที่ไว้ให้ครอบครัว/เพื่อนฝูงได้มาชมเกมแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร แถมวิวจากห้องสวีตเหล่านี้แต่ละห้องยังเรียกได้ว่าดีที่สุดจากทุกที่นั่งในสนามไปอีก


ห้องที่เราได้เข้าไปชมบรรยากาศเป็นของ ซนฮึงมิน นักเตะตัวรุกคนสำคัญที่มาร่วมทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2015 - 2016 และนี่คือห้องที่ได้ต้อนรับแขกคนสำคัญบ่อยที่สุด เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเขามาชมเกมของลูกชายอยู่ตลอด รวมถึงเป็นโซนที่เคยต้อนรับนักแสดงเกาหลีชื่อดัง พักซอจุน ด้วย ส่วนอีกห้องที่บรรยากาศคล้ายกัน (และเราเห็นว่าเป็นพาร์ตเนอร์ที่ 'ออกสื่อได้' เพราะค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นพันธมิตรกับสโมสร) ก็คือห้อง Nike ที่ตกแต่งด้วยสโลแกน Just Do It ตัวเบ้อเริ่ม และมีสวูชขนาดใหญ่ติดไว้คู่กับตราสโมสร ให้เห็นกันไปชัด ๆ เลยว่าที่นี่ห้องใคร ไอคอนิกสุด ๆ บอกเลย!


จากระเบียงห้องสวีต (และอีกหลายห้องที่อยู่ชั้นบน ๆ แบบนี้) จะสามารถมองเห็นคุณไก่ Golden Cockerel บนหลังคาสนาม ที่จัดไว้เป็นโซนท้าทายความสูงประหนึ่งเป็นสวนสนุก โดยสิ่งนี้เรียกว่า The Dare Skywalk ที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับสกายวอล์กที่คนไทยรู้จักเลยจ้า เพราะจุดสูงสุดที่เขาจัดให้เดินออกไปถ่ายรูปที่ระลึกสูงจากพื้นถึง 46.8 เมตร แล้วที่เก๋สุดคือวอล์กเวย์กระจกตรงนั้นรองรับวีลแชร์ด้วยล่ะ inclusive สุด ๆ ให้ทุกคนสามารถมีประสบการณ์ล้ำ ๆ ได้อย่างเท่าเทียม

หลังจากไปสูดอากาศตรงชั้นบน ๆ ของสนามแล้ว ในที่สุดเราก็เดินมาถึงขอบสนาม Tottenham Hotspur Stadium ซึ่งเป็นโซนที่เราจะไป 'ลองนั่ง' (จุดนี้คือพิมพ์กี่ทีก็เศร้านะ พอไม่มีเกมแข่งแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนเทแต่ก็ยังจะไปสูดอากาศตรงนั้นซ้ำเติมตัวเองเข้าไปอีก) โดยเซกชันนี้อยู่ติดกับ 'ทันเนล' หรืออุโมงค์ที่นักเตะเดินลงสนามพอดี วิวที่ได้ก็จะประมาณที่เห็นตามภาพด้านล่างนี้เลย...


ปิดท้าย จะเดินออกจากสนามแล้ว ก็ต้องแวะฝั่ง Shop ซะหน่อย ซึ่งก็แน่นอนวันที่ไปนี้ปิดทำการ (และไม่เปิดให้เราเดินผ่านด้วย) เลยได้แต่เก็บภาพเหงา ๆ จากมุมนี้ ที่หาดูไม่ได้ง่าย ๆ ในวันที่มีแข่ง โดยที่นี่เป็นพื้นที่รีเทลของสโมสรฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปเลยทีเดียวนะ ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถจัดโซนวางสินค้าและทำที่นั่งสไตล์สเตเดี้ยมไว้ภายในตัวร้านได้อย่างลงตัวสุด ๆ ไปเลย


เป็นยังไงกันบ้าง สำหรับเสี้ยวหนึ่งของความหรูหราของ Tottenham Hotspur Stadium ในวันที่ออกจะแห้งแล้งไปหน่อย แต่ยังคงความแกรนด์ ความเลอค่า ไว้ได้ ถึงจะโดนปิดไปซะหลายมุม เราหวังว่าในอนาคต สเปซที่ถูกออกแบบมาดีขนาดนี้ จะได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่และมีผู้เข้าชมเต็มความจุ ให้ทุกคนได้เอ็นจอยกับบรรยากาศอย่างที่มันควรจะเป็น รวมถึงให้อุตสาหกรรมบันเทิง อุตสาหกรรมกีฬา ที่หล่อเลี้ยงหัวใจเรา ๆ ท่าน ๆ จำนวนมาก ได้กลับมาเป็นปกติในเร็ววัน
Tottenham Hotspur Stadium ตั้งอยู่บน High Road กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ลงสถานี White Hart Lane, Northumberland Park, Tottenham Hale หรือ Seven Sisters แล้วเดินต่อ
เครดิตข้อมูล Tottenham Hotspur เครดิตรูปภาพ นรณฏฐ ไชยคำ