Soimilk 1st Time: อยากใส่เพชรกับเขาบ้าง ต้องซื้อยังไง ต้องดูอะไรบ้างนะ?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้สมัยนี้ การที่เซเลบริตี้จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาราไอดอลเกาหลี กลายเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์หรูระดับท็อปของโลกนั้น ช่วยให้แต่ละแบรนด์โกยเงินจากลูกค้าที่ชื่นชอบในตัวพรีเซนเตอร์เหล่านั้นเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ขณะเดียวกันก็ทำให้เจเนอเรชัน MZ เริ่มหันมาสนใจ มาซื้อหาหรือสะสมของหรูของลักชูกันมากขึ้น โดยที่โปรดักต์สำคัญจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากจิวเวลรี ซึ่งถ้าจะว่ากันจริง ๆ แล้ว งานจิวเวลรีนี่ต้องแบ่งราคาเป็นราคาตัวโปรดักต์เอง และราคาของแบรนด์ คือถ้าแบรนด์ยิ่งดัง ราคาก็จะถีบตัวสูงขึ้นไป

 

เท่ากับว่าถ้าเราเดินเข้าร้านจิลเวลรีต่างหากไปเลย ที่ไม่ใช่แบรนด์ดังระดับโลก ก็เป็นไปได้มากว่าด้วยงบประมาณที่มี จะทำให้เราได้เครื่องประดับที่หรูหราเต็มมูลค่าที่จ่ายไป มากกว่าการเลือกซื้อจากแบรนด์ดัง ง่าย ๆ ก็คือในจำนวนเงินเท่ากัน แบรนด์ดังอาจได้แหวนหรูดีไซน์เก๋แบบเกลี้ยง ๆ ขณะที่ ร้านเพชรทั่วไปอาจได้แหวนเพชรน้ำดีเต็มกะรัต เป็นต้น ด้วยแนวคิดนี้ เลยเป็นที่มาของคอลัมน์ Soimilk 1st Time นี้ ที่วันนี้เราอยากพาทุกคนไปสอบถามเอาจากร้านเพชร ว่าถ้าเราไม่รู้อะไรเลย แต่อยากมีเพชร มีแหวนนิ้วชี้เก๋ ๆ ไว้ใส่เสริมเสน่ห์ ต้องดูอะไรบ้าง และต้องรู้อะไรบ้าง

 

 

 

 

เราเลือกเข้าไปพูดคุยกับ คุณหนู กรวรรณ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้บริหารร้านเพชรและจิวเวอรี CHERISH ที่ตั้งอยู่ใน Gaysorn Village ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการคัดเพชรน้ำดีให้กับลูกค้า รวมถึงยังเข้าใจเรื่องข้อจำกัดด้านงบประมาณของลูกค้าบางกลุ่มด้วย เลยจะพยายามช่วยเหลือ พยายามถามความต้องการของลูกค้าและความเป็นไปได้ของชิ้นงานให้ได้ละเอียดที่สุด และถึงจะไม่ใช่ชิ้นงานเพชร อย่างพวกแหวนพลอยประเภทอื่น ๆ เขาก็ดูแลลูกค้าในระดับเดียวกัน คือเน้นให้ข้อมูลว่าในร้านมีอะไรจะ offer บ้าง และลูกค้าต้องการอะไร อย่างไร ถ้าไม่ตรงแบบที่มี ก็สามารถสั่งทำใหม่ได้ตามงบ

 

 

 

CHERISH: ก่อนอื่นเลย ก่อนจะตัดสินใจในดีเทลอย่างอื่นเลยเนี่ย ต้องตั้งงบประมาณของตัวเองก่อน จากนั้นสำหรับคนที่อยากซื้อเพชร ก็ต้องมาดู Carat Weight ตรงนี้แยกได้เป็นเพชรเม็ดยอด กับเพชรงานดีไซน์ ต่อจากนั้นไปอีกก็ต้องมาดูว่าอยากได้เพชรน้ำอะไร Clarity (ความสะอาดของเพชร) อะไร และ Cutting อะไร อันนี้คือการลงดีเทล 4C (Carat, Color, Clarity, Cut) ค่ะ

 

ถ้าในแง่สี เราจะไล่มาตั้งแต่น้ำ 100 ที่เรียกว่า D Color, น้ำ 99 E Color, น้ำ 98 F Color ไล่ตัวอักษรลงมาแบบนี้ค่ะ ราคาก็แตกต่างกันไปตามนั้น ซึ่งร้านเราจะเน้น 100 กับ 99 ทั้งเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ ส่วนนี้ต้องคัดกันดี ๆ จริง ๆ

 

ทีนี้ก็มาดูกันที่ Clarity หรือ คุณภาพ ที่ก็เป็นตัวกำหนดราคาอีกเหมือนกัน อย่าง VS (VS1, VS2) คือ มีตำหนิที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งก็เป็นระดับที่ 'เคลียร์' มากแล้ว แต่ถ้าใครต้องการแบบที่มองด้วยกล้องกำลังขยายแล้วก็ต้องไม่เห็นตำหนิอยู่ดี ก็ต้องระดับ VVS1, VVS2 ไปเลยค่ะ

 

มาในเรื่อง Cutting ในใบเซอร์ฯ จะมีเขียน Excellent, Very Good, Good ซึ่งส่วนใหญ่ที่ควรจะเลือกก็ต้องเป็น Excellent อย่างเพชรเม็ดกลมเนี่ยจะดู polishing, symmetry และ cutting คือ การขัดเงา ความสมมาตร และการเจียระไน จะเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ก็ดูคุณภาพกันด้วยเกณฑ์นี้ค่ะ

 

 

CHERISH: Cutting ต่างกันราคาก็ต่างค่ะ แต่เป็นเรื่องของความนิยม แน่นอนเลย 80-90% คนต้องการเพชรกลม เนื่องจากเหลี่ยมเขาเยอะ เล่นไฟดี ที่สำคัญคือคลาสสิก เพราะฉะนั้น ราคาของเพชรเม็ดกลมก็จะแพงกว่าแบบอื่น แบบอื่นเรียกว่าเพชร fancy ซึ่งเหล่านี้จะราคาถูกกว่าเม็ดกลมทั้งนั้น เมื่อพิจารณาในไซซ์ (และน้ำ และคุณภาพ) ที่เท่ากันค่ะ

 

 

CHERISH: แนะนำเป็นจี้ค่ะ ไม่ก็ต่างหู คือมันค่อนข้างเป็นเครื่องประทับที่ 'at first sight' พอสมควร เป็นสิ่งที่คนรอบตัวจะมองเห็นก่อน

 

 

CHERISH: ถ้าให้อธิบายการดูเพชรแท้เพชรไม่แท้ด้วยตาเปล่า อธิบายแบบนี้แล้วกันค่ะ เพชรแท้จะ 'มองไม่ทะลุ' เพชรปลอม -จะแก้วหรืออะไรที่ทำเลียนแบบก็ตาม- จะ 'มองทะลุ' ค่ะ ต้องลองส่องดู

 

 

CHERISH: ถ้าสะสมนี่หมายถึงสวมใส่เองด้วย ส่วนมากที่สุดจะเริ่มที่ 'แหวนแถว' (แหวนที่มีเพชรเม็ดเล็ก ๆ เรียงอยู่รอบ ๆ มีทั้งแบบเพชรเต็มวงและเพชรครึ่งวง ไม่มีเม็ดยอด) นะคะ ซึ่งทุกร้านมีแหวนประเภทนี้ขาย มีหลายราคาด้วยค่ะ อันนี้ผู้ซื้อต้องหาข้อมูลและลองไปดูหลาย ๆ ร้านก่อน อยากให้พิจารณารอบด้าน ทั้งเรื่องไซซ์ ราคา และคุณภาพ ทำไมต้องดูคุณภาพ? อันนี้สำคัญนะคะ เพราะคุณภาพนี่แหละที่จะคงราคาของเพชรไว้ได้เมื่อเวลาผ่านไป

 

เช่น พอเราโตขึ้น อยากปรับเปลี่ยนเพชรแบบที่มีอยู่ เราสามารถนำเพชรนี้ไปทำเป็นอย่างอื่นได้ โดยที่เพชรยังสวยอยู่ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแบบตามเทรนด์ใด ๆ ก็ตาม ตัวเพชรจะอยู่ด้วยคุณภาพของเขา ไม่ใช่ที่ไซซ์หรือน้ำหนักเป็นหลัก

 

 

 

 

 

CHERISH: ต้องบอกอย่างนี้ค่ะว่า มันมีมูลค่าเหมือนกัน แต่เพชรไม่ใช่สิ่งที่ขายหรือเปลี่ยนเป็นเงินได้เร็วเหมือนทอง หลัก ๆ มันมีฟังก์ชันเป็นทรัพย์สินของผู้ใส่ -ของเจ้าของ- เป็นหลักน่ะค่ะ มีไว้เสริมบุคลิกภาพ โดยที่ก็มีราคา มีมูลค่าในตัวเอง ขณะที่ทอง สำหรับหลายคน อาจจะมีไว้เพื่อเก็บ เพื่อผันเป็นเงิน ไม่ได้เจาะจงไว้สวมใส่ซะทีเดียวค่ะ

 

Soimilk Says: ถือว่าเปิดโลกของเราขึ้นอีกระดับเลยแฮะ จากของที่มีมูลค่าหลาย ๆ ประเภท มีมูลค่าเหมือนกันก็จริง แต่เมื่อฟังก์ชันต่างกัน การแปรเป็นเงิน/การซื้อมาขายไปต่างกัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราต้องหันมาพิจารณาทรัพย์สินมี (หรือกำลังจะมี) ด้วยมุมมองที่ต่างกันแล้ว เราเชื่อว่าการซื้อจิวเวลรีจากแบรนด์ดัง ๆ เป็นเรื่องโฉบเฉี่ยวตามสมัย ที่ถ้าใครสวมใส่ชิ้นงานของแบรนด์เหล่านั้นก็จะออกมาเท่ออกมาชิคทั้งนั้น แต่สำหรับใครที่งบยังไม่ถึงจิลเวลรีไฮเอนด์ ร้านจิวเวลรีไทยเรานี่ก็คุณภาพดี คุ้มค่าไม่แพ้ใครเลยทีเดียว แล้วบอกตรงนี้เลยว่า การซื้อเพชรครั้งแรก (ต่อให้ดูเพชรไม่เป็น หรือไม่มีความรู้มาเลย) ก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นด้วย หาร้านที่ใช่ เลือกร้านที่ชอบ แล้วเข้าไปขอชมหรือลองปรึกษาดูได้เลย... เพราะทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอนี่เนอะ