1. Gardens by the Bay

Photo by Book Karnjanakit
ไหน ไหนใครบอกว่าจะไม่เที่ยวแบบทัวริสตี้ แต่เอาน่ะ ถ้าขาดสวนริมอ่าวมาริน่าแห่งนี้ไปก็จะถือว่าไม่ครบสถานที่สีเขียวในสิงคโปร์นะ Gardens by the Bay เป็นสวนมนุษย์สร้างขนาดใหญ่กว่า 250 เอเคอร์ โดยภายในแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ หลากหลาย ซึ่งโซนสวนข้างนอกนั้นเดินชมได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่สำหรับคนที่มีเวลาเหลือเฟือ เราขอแนะนำให้ตีตั๋วเข้าไปชมข้างใน Flower Dome (28 SGD รวมเข้า Cloud Forest ด้วย, เปิดทุกวัน 09.00-21.00 น.) ซึ่งแบ่งเป็นสวน 7 ชนิดตาม 7 ภูมิภาคในโลก ภายในโดมติดแอร์นี้เราจะได้พบพันธุ์ไม้หลายร้อยชนิด ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะบางอย่างก็ไม่มีในไทยนะ! เช่น Ghost tree ที่มาไกลจากมาดากัสการ์ หรือ Dragon tree ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากหมู่เกาะคานารี่!

Photo by Book Karnjanakit
และอีกโดมที่อยู่ติดกันคือ Cloud Forest (เปิดทุกวัน 09.00-21.00 น.) ซึ่งเลียนแบบสภาพภูมิอากาศเย็นชื้นบนภูเขาในประเทศเขตร้อน ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่น้ำตกสูงกว่า 42 เมตรซึ่งส่งความเย็นสดชื่นต้อนรับเราตั้งแต่ก้าวแรก เมื่อเข้าไปแล้วยังไงก็ต้องขึ้นลิฟต์ไปบน Cloud Mountain เราชอบทางลาดสำหรับเดินลงซึ่งค่อยๆ ม้วนตัวลงสู่พื้น และระหว่างเดินเรายังได้เห็นวิวสุดไอคอนนิกของเรือคาสิโนบนยอดตึก Marina Bay Sands ด้วย

Photo by Book Karnjanakit
สำหรับคนที่มีเวลาไม่เยอะหรือเป็นแบ็กแพ็กเกอร์ทุนต่ำ (แบบเราตอนที่ไปครั้งแรกสุดเลย) เราแนะนำให้เดินชม Supertree Grove ซึ่งเป็นเสารูปทรงต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีความสูงตั้งแค่ 25-50 เมตร ประดับตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ขนาดเล็กจนถึงกลางนานาชนิด ถึงแม้จะดูเป็นความเขียวที่ประดิษฐ์ประดอยไปนิด แต่เราก็ชอบความตั้งใจและความคิดสร้างสรรค์อยู่ดีนะ อย่าลืมเผื่อเงินไป 5 ดอลลาร์เอาไว้ขึ้นไปเดินบน OCBC Skyway (5 SGD, เปิดทุกวัน 09.00-21.00 น.) ก็จะได้เห็นวิวสวนสวยจากมุมสูง แต่ถ้าอยากประหยัดเราว่าแค่ไปนั่งเล่นตรงโคนต้น Supertree ก็จอยแล้วล่ะ เอ้อ! ถ้าบังเอิญผ่านไปแถวนั้นตอนกลางคืนอีก อย่าลืมแวะไปดูต้นไม้ยักษ์ตอนเปิดไฟนะ สีสันมันแวนซ์ได้ใจมาก แต่ดูตอนมันค่อยๆ เปลี่ยนสีก็เพลินตาดีนะ

Photo by Book Karnjanakit
Gardens by the Bay เข้าฟรี เวลาทำการ ทุกวัน 05.00-02.00 น.
วิธีไป MRT Bay Front จะโผล่มาเจอตึก Marina Bay Sands เดินทะลุทางเชื่อมด้านบนเพื่อไป Gardens by the Bay ได้เลย คนเดินเยอะ มีป้ายตลอด ไม่ต้องกลัวหลง
*แนะนำให้ซื้อตั๋ว Flower Dome+Cloud Forest และ OCBC Skyway ที่ร้าน Sea Wheel (ชั้น 3 People’s Park Centre, MRT China Town) จะถูกกว่าเกือบ 10 SGD
2. Marina Barrage

Photo by Thanawan MItrpakdee
ภาพลานกว้างๆ ที่เห็นนั้นความจริงแล้วเป็นดาดฟ้าของเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ชื่อ Marina Barrage ซึ่งกั้นระหว่างอ่าวมาริน่าและน้ำทะเล เราชอบที่นี่เพราะไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยว แต่ชาวสิงคโปร์แท้ๆ ก็ยังมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ บ้างวิ่งออกกำลังกาย บ้างขี่จักรยาน บ้างมาเล่นว่าว เล่นบอล (มีถ่าย pre-wedding ด้วยนะ) ทำกิจกรรมทุกชนิดที่ทำได้บนสนามหญ้าเขียวๆ เราจึงได้แอบดูชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น แถมยังได้ชมวิวของสิ่งก่อสร้างไอคอนนิกของสิงคโปร์อย่าง Marina Bay Sands, Gardens by the Bay และ Singapore Flyer ด้วย เราขอแนะนำให้ไปช่วงแดดร่มลมตก จะได้นั่งรับลมชิวๆ พักเท้าหลังจากเดินเหนื่อยมาทั้งวัน และถ้าไม่รีบไปไหนก็อยู่ดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับรอดูบ้านเมืองเริ่มสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้งด้วยแสงไฟในยามค่ำคืน
Marina Barrage ไม่มีค่าเข้า เวลาทำการ ทุกวัน 24 ชม.
วิธีไป MRT Marina Bay Exit B แล้วต่อรถบัสสาย 400 ไปลงป้าย Marina Barrage ได้เลย
3. The Southern Ridge

สิงคโปร์เป็นประเทศที่จริงจังเรื่องการปลูกต้นไม้และสร้างสวนมากๆ ซึ่ง The Southern Ridge เป็นทางเดินชมธรรมชาติยาว 10 กิโลเมตรที่เชื่อมต่อทุกสวนที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ อันได้แก่ Mount Faber Park, Telok Blangah Hill Park, HortPark, Kent Ridge Park และ Labrador Nature Reserve

สำหรับมือใหม่พอได้ยินว่ายาว 10 กิโลเมตร ก็อาจจะตกใจ แต่เราขอรับรองด้วยเกียรติเนตรนารีรุ่นสามัญว่าทั้ง 8 เทรลที่ประกอบเป็น The Southern Ridge นั้นเดินง่ายมากๆ เพราะเป็นทางเดินลาดคอนกรีต และทางเดินบนสะพานเหล็กหรือสะพานไม้ ไม่มีการเดินเหยียบดินเละๆ อย่างแน่นอน

เส้นทางเดินของเราเรียงดังนี้ Marang Trail > Faber Trail > Henderson Waves > Hilltop Walk > Forest Walk > Alexandra Arch > Flora Walk & Hort Park และจบลงที่ Canopy Walk โดยตลอดทางเราไม่เหงาเลยเพราะจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนสิงคโปร์เองมาเดินเล่นและวิ่งออกกำลังกาย (นักวิ่งสิงคโปร์บ้าเลือดมาก ตอนเที่ยงตะวันตรงหัวก็ยังไม่หยุดวิ่ง!) ซึ่งทุกเทรลเราจะได้เห็นพฤกษานานาพันธุ์และสูดกลิ่นอากาศคลีนๆ เหมือนกันทั้งนั้น แต่ที่เราชอบที่สุดคือ Henderson Waves ซึ่งเป็นสะพานไม้ดีไซน์โค้งเหมือนคลื่นสมชื่อ ไปนั่งเล่นชิวๆ ได้ และอีกจุดที่เราชอบไม่แพ้กันคือ Forest Walk ซึ่งเป็นทางเดินสะพานเหล็กยาวประมาณ 1.3 กิโลเมตรวิวสวยมาก และมีครั้งหนึ่งเราเดินไปเจอนักดนตรียืนเล่นไวโอลินอยู่ตรงกลางสะพานด้วย เป็นโมเมนท์ที่พิเศษจริงๆ

(ต้องเพ่งหน่อยนะ เห็นนักไวโอลินตรงกลางมั้ย เราไม่กล้าถ่ายตอนอยู่ใกล้ๆ น่ะ)
เอ้อ! สำหรับคนชอบดูนก ที่นี่มีนกให้ดูด้วยนะ เช่น แซงแซวหางบ่วงใหญ่ กระรางหัวงอก กินปลี และที่หายากแต่เราก็เจอมาแล้วคือนกออก (White-bellied sea eagle) เห็นไหมล่ะว่าที่นี่ถึงจะอยู่กลางใจเมืองแต่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ เลย

The Southern Ridge ไม่มีค่าเข้า เวลาทำการ ทุกวัน 24 ชม. ถ้าอยากเดินทั้งเทรลควรเผื่อเวลา 4-5 ชั่วโมง
เวลาเปิดไฟ:
Henderson Waves 19.00-07.00 น.
Forest Walk 19.00-00.00 น. และ 05.00-07.00 น.
Alexandra Arch (ไฟ LED เปลี่ยนสี) 19.00-00.00 น.
วิธีไป MRT Harbour Front (Exit 4) เพื่อเริ่มต้นเดิน Marang Trail
*ถ้าตั้งใจจะไปดูแค่สะพาน Henderson Waves ให้ลง MRT Harbour Front เหมือนกัน แล้วต่อรถเมล์สาย 145 จากหน้า Vivo City
*ดาวน์โหลดคู่มือเดินเที่ยว The Southern Ridge แบบเต็มๆ (ภาษาอังกฤษ) ได้ที่นี่เลย
4. MacRitchie Reservoir

Photo by Edwin Lim
อ่างเก็บน้ำที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะอย่าง MacRitchie Reservoir คือดาวเด่นที่ทำให้เราอยากกลับมาสิงคโปร์อีกครั้ง ที่นี่มีเส้นทางเดินป่ายาวถึง 11 กิโลเมตร ซึ่งป๊อปมากทั้งในหมู่คนสิงคโปร์เองและนักท่องเที่ยว (เราเจอคนโลคัลมาวิ่งเทรลเยอะมาก) เพราะเส้นทางค่อนข้างง่าย แต่ก็ยากกว่า Southern Ridge นิดนึงนะ เพราะมีช่วงที่เป็นดินเปล่าๆ อยู่บ้าง แต่นอกเหนือจากนั้นก็เป็นทางเดินปูกระดานไม้เดินสะดวก

ตอนที้ไปเรามีเวลาจำกัดจึงเลือกเดินแค่ 7 กิโลเมตร (ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง) จากจุดเริ่มต้นไปไฮไลท์เด็ดอย่าง Tree Top Walk (จ.-ศ. 09.00-17.00 น. ส.-อา. 08.30-17.00 น.) สะพานแขวนความยาว 250 เมตร ซึ่งห้อยตัวอยู่สูงจากพื้นดินถึง 25 เมตร เหมือนได้เดินอยู่บนยอดต้นไม้จริงๆ สมชื่อ

Photo by Juree Saelee
จากนั้นจึงเดินไปหอดูวิว Jelutong Tower (ซึ่งเราให้ชื่อเล่นว่าจตุรงค์ทาวเวอร์ ฮ่าๆ) ที่ให้วิว 360 องศาของ MacRitchie Reservoir ชนิดที่ทำให้เราฮัมเพลง Top of the world ของ The Carpenters ไฮไลท์เด็ดคือตอนที่เจอเจ้าลิงจอมแก่นที่ปืนหอขึ้นมาดูวิวกับเรา (ที่นี่ลิงเยอะมาก เดินตามทางก็เจอ แต่ห้ามให้อาหารเด็ดขาดนะ) แถมมานั่งโพสท่าสุดสตรองให้เราอีกต่างหาก ยกกล้องขึ้นมากดรัวๆ เลยสิคะจะรออะไร

เมื่อลงจากหอแล้วเราก็เดินเลาะไปทาง Singapore Island Country Club สนามกอล์ฟกว้างขวางซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่นและขนาบข้างด้วยบริเวณอ่างเก็บน้ำ ตอนที่เราเดินไปถึงจุดนี้แดดออกพอดี ทำให้วิวสวยมาก ประกอบกับอยู่ริมน้ำทำให้ลมดี เราจึงแวะนั่งชิวอยู่พักใหญ่เลยล่ะ จากนั้นเดินต่ออีกหน่อยก็ถึงทางออกแล้ว เป็นอันจบเส้นทางที่เราเลือกเดินสำหรับวันนี้

เอ้อ! ถ้าใครมีเวลาเยอะและสนใจทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถพายเรือคายัคที่ Paddle Lodge (15 SGD/ชม. เปิดทุกวัน 09.00-12.00 น., 14.00-18.00 น.) ได้ด้วยนะ เราไม่ได้ลอง ถ้าใครได้ไปเล่นแล้วอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ
MacRitchie Reservoir ไม่มีค่าเข้า เวลาทำการ ทุกวัน 07.00-19.00 น.
วิธีไป MRT Marymount แล้วต่อรถบัสสาย 52, 74, 165, 852, 855

*ถ้าอยากเดินทั้งเทรลควรเผื่อเวลา 4-5 ชั่วโมง
*ดาวน์โหลดคู่มือเดินเที่ยวระยะสั้น 7 กิโลเมตร (ภาษาอังกฤษ, คนละเส้นทางกับเรา แต่ผ่าน Treetop Walk เหมือนกัน) ได้ที่นี่เลย
*แนะนำให้ใส่รองเท้าวิ่งหรือรองเท้าผ้าใบไปนะ อาจไม่ต้องถึงขั้นรองเท้าเดินป่า แต่อย่าห้าวลุยเดินด้วยรองเท้าแตะเชียว
ข้อควรรู้ก่อนไปสิงคโปร์
- อัตราแลกเปลี่ยน โดยทั่วไปอยู่ที่ราวๆ 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์
- สภาพอากาศ ร้อนชื้นตลอดปี (คล้ายภาคใต้บ้านเรา) ช่วงมรสุมคือธ.ค.-มี.ค. และ มิ.ย.-ก.ค.
- อย่าลืมเตรียม Universal adapter ไปด้วยเพราะสิงคโปร์ใช้ปลั๊ก 3 ขาแบน
- เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง